สังคมมังตรา
มังตรา



มังตรา 28กรกฎาคม 2555
หนังสือพิมพ์ไทยแอล.เอ. ฉบับนี้ ประจำวันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2555 ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 8 ปีมะโรง.........* กรรมและเวร เป็นสิ่งที่มีจริงก็ไม่รู้ว่าสร้างเวรสร้างกรรมกันไว้แต่ชาติไหน ชาตินี้จึงต้องมาชดใช้กันไม่มีวันสิ้นสุด น่าเห็นใจผู้โดยสารจำนวนนับสิบคนที่มีปัญหาเรื่องซื้อตั๋วเครื่องบินจากบริษัท Diamond Star Travel แล้วยังไม่ได้ตั๋ว แต่ละคนต้องเตรียมตัวเตรียมใจหาเวลาเอาไว้ล่วงหน้าเป็นเดือนหรือหลายเดือน เพื่อที่จะมีโอกาสได้กลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย แต่เมื่อไม่ได้ตั๋วเครื่องบินความฝันทั้งหลายทั้งปวงก็มีอันขาดสะบั้นลงตรงนั้นเอง คนที่มีเงินสำรองก็ออกเงินตัวเองซื้อตั๋วไปก่อนแล้วกลับมาขอ Refund คืนทีหลัง แต่คนไม่มีสตางค์นี่สิ มันช้ำแทบกระอักออกมาเป็นเลือด เห็นใจจริงๆ ครับ.........* Diamond Star Travel หรืออดีตบริษัท Star Tour ที่โด่งดังและยิ่งใหญ่เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ขายตั๋ววันละ 4-5 หมื่นเหรียญ มีรายได้เข้ากระเป๋าวันละเกือบหมื่นเหรียญ สุชาติ-สายพิณ วิไลยดารากา สองคนผัวเมียโกยเงินจากการขายตั๋วเครื่องบินอย่างเพลิดเพลิน ถึงจะรวยล้นฟ้า แต่คนคู่นี้ก็เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และช่วยเหลือคนไทยมากหน้าหลายตา.........* บริษัทแอร์สยาม เลิกกิจการไปในปี 1978 Star Tour แทบล้มทั้งยืนเพราะซื้อตั๋วเงินสดจากแอร์สยามมาตุนไว้นับ 1,000 ใบ แอร์สยามเลิกไป ตั๋วเครื่องบินที่มีอยู่ในสต๊อก ก็มีค่าเท่ากับเศษกระดาษที่เอามาเย็บติดกันไว้........* พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก สามีแยกไปมีภรรยาใหม่ ปล่อยให้ สายพิณ วิไลยดารากา บริหารงานด้านตั๋วเครื่องบินและท่องเที่ยว แต่เพียงคนเดียว เธอโชคร้ายที่บริษัทโดน Sue จากคนเดินถนนที่โดนรถของบริษัท Star Tour ถอยไปชนจนพิการ........* Star Tour ถึงคราวตกอับอาคารพาณิชย์ 3 แห่งของบริษัทต้องโดนขายเพื่อเอาเงินมาหนุนกิจการของบริษัท เพราะในขณะที่โดน Sue อยู่นั้น ธนาคารต่างๆ งดให้เครดิตแก่บริษัทแห่งนี้ จึงจำเป็นต้องจะหาเงินสดมาสำรองไว้ในการดำเนินธุรกิจ..........* ถึงธุรกิจจะย่ำแย่ลงไปกลายเป็นหนี้สินแอร์ไลน์ และคนรอบข้างรวมทั้งเครดิตการ์ดมากมาย แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังยืนหยัดสู้ขาดใจ โดยไม่ยอมโกงใคร ไม่ยอมแม้กระทั่งทำล้มละลายตัวเอง จนถึงทุกวันนี้........* ถ้าไม่มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น เธอก็ยังคงทำมาหากินได้ด้วยการนำเงินจากลูกค้าใหม่ไปซื้อตั๋วให้ลูกค้าเก่า ได้เดินทางตามจุดประสงค์ทุกราย อยากจะให้ลูกค้าทั้งหลายได้โปรดยั้งคิดดูสักนิด จะตีเธอให้ตายด้วยความสะใจ หรือจะประคองเธอไว้ให้เธอได้ชดใช้หนี้ที่มีต่อท่านให้สำเร็จลงด้วยดี.........* ข่าวออกมาอย่างนี้ ถ้าเธอปิดบริษัทแล้วหนีไปทุกอย่างก็จบลง ลูกค้าไม่ได้เงินคืน ส่วนสายพิณก็จะมีกรรมตามหลอกหลอนเธอไปไม่วันสิ้นสุด โปรดจงหันหน้าเข้าหากันช่วยกันคิด ช่วยกันทำ หาทางออกที่ดีที่สุดให้แก่กันและกัน........* วันนี้มีแต่เรื่องหนักๆ ที่ต้องพยายามเขียนให้เบาๆ ผู้อ่านจะได้ไม่เครียด ศึกหนึ่งชายสองหญิง ที่โด่งดังเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วก็เงียบหายไป คล้ายกับตกลงกันได้ด้วยดี ที่ไหนได้เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ศาลนัดไต่สวนคดีที่ ศุภสิทธิ์ ลี้อิสระนุกูล หรือสตีฟ ได้ยื่นฟ้อง นางสาวชุติมา โชคชัย หรือนุ่น ห้ามไม่ให้เข้าใกล้ตัวเป็นการถาวร (Permanent Restraining Order) อันเกี่ยวเนื่องกับ Family Law และ Domestic Violence ที่ยื่นเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. ........* ศาลตัดสินยกฟ้องด้วยเหตุที่ศาลไม่เชื่อคำให้การของสตีฟมากกว่า ว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับนุ่นมา 2 ปีแล้ว ทั้งๆ ที่หลักฐานก็มัดตัวอยู่แล้ว ว่าสตีฟไปเช่าห้องให้นุ่นอยู่และอยู่กัน 2 คน ที่ Santa Monica โดยนุ่นยื่นหลักฐาน การเช่าที่มีชื่อของคนทั้งสองร่วมกัน สตีฟให้การต่อศาลเหตุที่ต้องไปรับส่งนุ่น เพราะความสงสารตนต้องการทำบุญมากกว่า ด้วยการช่วยดูแล ซึ่งศาลได้บอกนายสตีฟว่า ขอให้หยุดทำบุญกับน้องนุ่นได้แล้ว ให้ไปทำบุญกันคนอื่นแทน ศาลจึงตัดสินยกฟ้องโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น........* เรื่องทุกอย่างน่าจะจบลงด้วยดี ต่างคนต่างไป แยกทางกันไป ทางใครทางมัน เพราะรักกันไปก็ไม่มีประโยชน์ มันรักกันต่อไปอีกไม่ได้แล้ว จบเกมส์กันเสียทีจะได้ต่างคนต่างอยู่อย่างมีความสุข........* แค้นนี้ต้องชำระ ไม่รู้ว่าเคียดแค้นกันมากมายแค่ไหน สตีฟ ถึงจองเวรจองกรรมกันไม่เลิก หลังศาลตัดสินยกฟ้อง เขาลงมาชั้นล่างยื่นคำร้อง ฟ้องนุ่น ชุติมา ใหม่อีกคดี เป็น Civil Harassment Restraining Order ในทันที วันรุ่งขึ้น สตีฟ ก็ชวนเพื่อนให้ไปยื่นหมายศาลแก่ นุ่น ถึงที่ทำงานพร้อมทั้งถ่ายภาพและวีดิโอไว้เป็นหลักฐาน ซึ่ง นุ่น ชุติมา จะต้องหาหลักฐานไปแก้กันในศาลอีกครั้ง คราวนี้เธอบอกว่า เธอพร้อมซะยิ่งกว่าคราวแรกเสียอีก และเธอยังมีทนายความจาก ศูนย์ส่งเสริมชาวไทย ช่วยว่าความให้ เธอพูดอย่างคับแค้นใจ นุ่น เป็นผู้ถูกกระทำมาตลอด ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายถูก ก็ยังจะต้องกลายเป็นฝ่ายผิดจากคำให้การของ สตีฟ ถ้ายังไม่หยุดกันเพียงแค่นี้ เธอก็คงขอสู้ตายกันละคราวนี้........* ขอบคุณจดหมายและโทรศัพท์ที่ส่งเข้ามาแสดงความห่วงใยน้อง “บี” ผู้หญิงใน คอลัมน์เปิดเบิ่ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เธอโทรมาแจ้งข่าวดีให้ทราบว่าคุณพ่อทราบเรื่องที่หนังสือพิมพ์เอาไปเขียน ลั่นปากให้สัญญาว่าจะไม่กระทำย่ำยีกับเธออีกต่อไป และจะส่งเธอกลับไปอยู่กับคุณป้าที่เมืองไทยสัปดาห์หน้านี้ เธอภาวนาขอให้ทุกอย่างจบลงได้ด้วยดี เพราะในขณะนี้คุณพ่อกลัวว่าจะมีความผิดจาการกระทำในอดีต........* พิธีสวดพระอภิธรรมศพ “ตุ๋ย ยังก์วัน” ไพบูลย์ ลีสุวัฒน์ หัวหน้าวงดนตรี คีตะวัฒน์ ที่โด่งดังในอดีต เมื่อคืนวันศุกร์ที่วัดไทย ลอสแองเจลิส มีน้องๆ ลูกๆ หลานๆ ในวงการเพลงไปร่วมพิธีมากหน้าหลายตา พิธีฌาปนกิจจะมีขึ้นวันอาทิตย์นี้ (29 ก.ค.) เวลาบ่ายโมงตรง ที่สุสาน Hollywood Forever.........* น้องอ้อคนสวย "รชฏ อินทะเสน" กลับมาเปิดบู๊ธให้ชิมฟรีๆ กับเหล่านักช็อปอีกครั้ง ที่ตลาดแล๊ค-ซี ไช่น่าวทาวน์ ในวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2555 ใครสนใจผลิตภัณฑ์ของเธอ อาทิ ไส้อั่ว แคบหมู กุนเชียง พบเธอได้ 9 โมงเช้า - บ่าย 2 โมง........* เกิดสัปดาห์นี้........ 30 ก.ค. พิสมัย ปัทมคันธิน สมชาย จุนเจือทรัพย์ 31 ก.ค. น้อย วณิชพันธุ์ 2 ส.ค. นัทชนันท์ สิงขโรทัย ภาวณี เกสรวิบูลย์ ปิยนุช ดิลกวิลาส วรรณศิริ วรรัตนธรรม 3 ส.ค. บุปผา วิวัฒสวัสดินันท์ อารีจิตต์ ศิวะบุตร 4 ส.ค. ดวงฤดี ธรรมรัตน์ มณิสรา อินทนิวาส ดีทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ เงินทองได้สมดั่งใจนึกครับ