สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
ชีวิตจริงอิงวิทยาศาสตร์

ในวงการสนทนา ผู้สูงอายุเล่าให้ฟังว่า ลูกสาวของเธอมีอาชีพช่างทำผม บั้นปลายชีวิต เธอป่วยอยู่ 21 วัน อุจจาระเป็นแท่งสีดำ ผู้เขียนก็ได้แค่คิดในใจว่า ช่างเหมือนวิทยาศาสตร์ความเป็นจริงแห่งชีวิต ที่สอนไว้ว่าเซลล์มีชีวิตอยู่ได้ 21 วัน ผู้เขียนเคยเรียนการทำผม ทำผิว รักษาเล็บ และประกอบอาชีพนี้มา เดินผ่านโรงเรียนสอนการทำผมก็เข้าไปเรียนจากช่างตัดผมชื่อดังของเบเวอรี่ฮิลล์ ต่อมาสนใจเรื่องการบำรุงรักษาผิวเพราะสารเคมีไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เหมือนสารเคมีที่ต้องดีลกับส่วนประกอบของเส้นผม เมื่อสนใจเรื่องผิวอย่างเดียวก็เปิดร้านนวดหน้ารักษาผิวกับสอนไปด้วย โดยรู้สึกว่าการย้อมผมต้องสูดอากาศเคมีซึ่งผสมกับไฮโดรเจนเพอรอกไซด์เมื่อผสมกับน้ำยาสีผมทำปฏิกิริยากับออกซิเจนที่เป็นส่วนประกอบภายในเส้นผมซึ่งประกอบด้วย ไนโตรเจน ไฮโดรเจน ออกซิเจน และซัลเฟอร์ เมื่อต้องสูญเสียออกซิเจนไปใช้ในปฏิกิริยาทางเคมีในการย้อมผม เรียกว่า ออกซิเดชั้นหรือการสูญเสียน้ำ ทำให้เส้นผมแห้ง คนที่ทำงานยืนอยู่ตรงหน้า สูดเอาน้ำยาเข้าไปภายในร่างกาย วันแล้ววันเล่า ปฏิกิริยาทางเคมีก็อาจทำให้ร่างกายสูญเสียออกซิเจนเมื่อสูดเข้าไปทุกวันจากการประกอบอาชีพ ไหนเลยจะแข็งแรงเมื่อร่างกายสูญเสียน้ำและออกซิเจน ในกรณีที่สตรีผู้นั้นป่วยอยู่ 21 วัน ก่อนเสียชีวิต ช่างตรงกับวงจรของเซลล์ที่บอกว่า เซลล์ปกติมีชีวิตอยู่ 21 วัน เมื่อผู้เขียนเปลี่ยนอาชีพจากช่างตัดผมมาเป็นช่างบำรุงผิว จัดว่ามีสารเคมีที่บำรุงร่างกายมากกว่าการทำลายร่างกาย เพราะผม ผิว เล็บ สร้างจากสาร 5 อย่างเหมือนกันดังกล่าวแล้ว หลังจากได้ความรู้จากการเรียนปริญญาโทด้านสุขภาพและการบริการสังคม จากคณะ Health and Human Services ที่ California State University of Log Beach ก็สอนในวิทยาลัยไปด้วย จัดว่าปริญญาโททางด้านสุขภาพได้สร้างประโยชน์ให้กับชีวิตตัวเองมากทีเดียว ได้ทุนเรียนต่อปริญญาเอก แต่ไปเชื่อคนไทยที่เขาเรียนจบปริญญาเอกแล้ว บอกว่าอย่าไปเรียนเลย ผมนี่เบื่อเรียน ไม่อย่างนั้นก็คงตายตามคนที่ห้ามไปนานแล้ว

วันนี้ จะพูดถึงอาหารที่ดีของผิว เพราะเรารับรู้ว่าความงาม ความอ่อนวัย อยู่ที่ผิว จึงควรกินอาหารที่จะช่วยบำรุงรักษาผิวไว้บ้าง

ไวตามินสำหรับผิว ไวตามินเอ (Retinol) ช่วยให้ผิวนุ่ม มีความผ่องใส เป็นน้ำนวล ถ้าขาดจะเป็นสิวแห้ง บางทีเป็นรังแค ได้จากแครอท ฟักทอง ข้าวโพด เนยเชดดาร์ ไข่แดง สปินนาช บร็อคโคลี่ ผักสลัดเขียว มะเขือเทศ ตับ พริกระฆังเขียวและแดง มะม่วง บอกฉอย แตงโม มะเขือยาว น้ำมันตับปลา ผักเขียวและเหลือง นม ผลไม้สีเหลือง

ไวตามินบี 1 (Thiamine) ช่วยนำออกซิเจนไปเลี้ยงผิว สังเคราะห์คาร์โบไฮเดรทเป็นน้ำตาล และสร้างน้ำตาลริโบส ช่วยให้เซลล์ได้รับอาหารอย่างสมบูรณ์ ถ้าขาดไวตามินนี้จะเกิดชา ปวดประจำเดือน ขาอ่อน ไม่เจริญอาหาร ฝ่าเท้าเจ็บแปลบ ได้จากแป้ง และข้าวเสริมไวตามิน แฮม และผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมู ถั่วลิมา เนื้อแกะ ลูกกระเจี๊ยบ ตับ รำ ยีสต์

ไวตามินบี 2 (Riboflavin) ช่วยนำออกซิเจนและไฮโดรเจนไปเลี้ยงผิวควบคุมปริมาณน้ำมันในผิวไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป และช่วยรักษาสายตาดี ผิวดี เล็บดี ผมดี ถ้าขาดไวตามินนี้จะมีอาการแสบตา ได้จากตับ อกไก่ เนื้อวัว เนื้อแกะ หน่อไม้ฝรั่ง ไข่ บร็อคโคลี่ นม ซีเรียล ผักสีเขียว ปลา

ไวตมินบีคอมเพล็คซ์ (Niacin) ช่วยนำออกซิเจนและไฮโดรเจนไปเลี้ยงผิว มีส่วนช่วยสร้างโปรตีนของผิว และสร้าฮอร์โมน ได้จาก อกไก่ ปลาทูน่า ไก่งวง เนื้อวัว ตับ ปลาฮาลิบุต รำข้าว ถั่ว ยีสต์ ไต

ไวตามินบีคอมเพล็กซ์ (Para Aminobenzoic Acid PABA) ช่วยให้ผิวทนทานต่อแสงแดด ราบเรียบ ไม่แห้ง ช่วยในการใช้โปรตีนให้เกิดประโยชน์ในการสร้างผิว และสร้าง Folic Acid ถ้าขาดไวตามินนี้จะปวดหัว มีปัญหาโรคผิวหนังได้จากข้าวสาลี ตับ ไต

ไวตามินบีคอมเพล็กซ์ (Folic Acid) ช่วยสร้างโปรตีนของผิว ทำให้เลือดแข็งแรง ได้จากผักสีเขียว ถั่ว ข้าวสาลี ตับ

ไวตามินบีคอมเพล็กซ์ (Biotin, Vitamin H) ช่วยรักษาคอลลาเจนให้แข็งแรง ยืดเซลล์ให้อยู่ด้วยกัน ไม่แตกสลาย ไม่ย่น คงไว้ซึ่งความยืดหยุ่น ไม่หย่อนยาน สร้างเม็ดเลือดแดงให้แข็งแรง และต่อต้านเชื้อโรค ถ้าขาดไวตามินนี้ จะมีอารมณ์หดหู่ ผิวแห้ง ตกสะเก็ด ปวดกล้ามเนื้อ ไม่เจริญอาหาร ขาดพละกำลัง ได้จาก ไข่แดง ตับ ไต นม

ไวตามินบี 5 ช่วยรักษาเชื้อโรคของผิวหนังและสารผลิตสีในผม ถ้าขาดไวตามินนี้ อาจทำให้ผมร่วงท้องผูก ความดันสูงหรือต่ำผิดปกติ ได้จาก กลุ่มอาหารไวตามินบีคอมเพล็กซ์

ไวตามินบี 6 (Pyridoxine) ช่วยสร้างโปรตีนของผิว นำคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์ต่างๆ หลังจากขบวนการเติบโตแล้ว สร้างฮอร์โมน และสังเคราะห์กรดไขมันที่จำเป็นในผิว ทำให้ผิวมีเลือดฝาดสมบูรณ์ และป้องกันผิวจากแสงแดด ได้จาก ตับ แฮม ข้าวโพด ข้าวโพดคั่ว กล้วย รำข้าวสาลี และข้าวอื่นๆ โมแลส Molasses นม ไข่ กะหล่ำปลี เนื้อวัว

ไวตามินบี 7 (Panthenol) ช่วยสร้างเซลล์ของผิว และป้องกันผิวจากเชื้อโรค ช่วยรักษาระดับน้ำมันและความชุ่มชื้นในผิว ถ้าขาดไวตามินนี้ จะมีอาการไม่สงบ อาเจียน ปวดท้อง ปวดประจำเดือน ปวดฝ่าเท้า ได้จากไข่ ตัว ถั่วลิสง ถั่วต่างๆ รำ ไต ผักเขียว ยีสต์

ไวตามินบี 12 (Cobalamin) ช่วยสร้างโปรตีน RNA และ DNA ในเซลล์เพื่อกำหนดบุคลิกของเซลล์ และสังเคราะห์โปรตีนต่างๆที่สร้างผิว จำเป็นต้องการสร้างความแข็งแรงของเซลล์เลือดแดง ช่วยให้ระบบประสาทและระบบย่อยแข็งแรง ทำให้เซลล์ได้รับอาหารที่ดี ที่สำคัญคำทำให้น้ำมันพอเพียงต่อความชุ่มชื้นของผิว ได้จากตับ ไต นม และผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อบางชนิด

ไวตามินซี (Ascorbic Acid) ช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรง นำไฮโดรเจนไปสู่เซลล์ มีส่วนสำคัญในการสร้างโปรตีน และเม็ดเลือดแดง และเป็นตัวประสานคอลลาเจน ช่วยให้ผิวแข็งแรง ไม่หย่อนยาน เป็นริ้วรอย ช่วยรักษาธาตุเหล็กในเลือด ป้องกันการเกิดเชื้อโรค สมานแผลเร็วขึ้น ได้จากผลไม้สด และผักสด ส้ม บร็อคโคลี่ พริกเขียว พริกแดง เกรฟฟรุต แคนตาลูป สตรอเบอรี่ มะเขือเทศ มันฝรั่งเผา แตงโม ถั่ว และสปินาช

ไวตามินดี (Calciferol) เป็นส่วนประกอบอยู่ในผิว ช่วยนำออกซิเจนไปสู่เซลล์ในผิว จำเป็นในการสังเคราะห์แคลเซียมและฟอสฟอรัส ในระบบเซลล์และระบบประสาท ทำให้อารมณ์เยือกเย็น กระดูกและฟันแข็งแรง ถ้าขาดไวตามินนี้ กระดูกอ่อน ฟันเสีย กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง เป็นโรคผิวหนังพุพอง เลือดออก ได้จากน้ำมันตับปลา นม และผลิตภัณฑ์จากนม ไข่แดง ตับ ปลา

ไวตามินอีก (Tocopherol) ช่วยป้องกันผิวแห้ง ปราศจากไวตามินอีเสียแล้วผิวจะไม่สาว รอยย่นก็เกิดขึ้น ไวตามินอีช่วยป้องกันการสูญเสียความชื้นของผิว นับว่าสำคัญต่อผิว ช่วยให้ผิวไม่เสียไวตามินเอ ซี และสารเชื่อมโยงเซลล์ต่างๆ ทำให้เซลล์ไม่สลายตัวเกิดรอยย่น ได้จากน้ำมันพืช ถั่ว และ nut ดิบๆ ถั่วเหลือง ผักเขียว

ไวตามินเอฟ ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว และป้องกันเชื้อโรค ถ้าขาดไวตามินเอฟจะมีรังแค ผิวแห้ง ได้จากผักเขียว ตับ

ไวตามินเค (Menadione) ช่วยให้เลือดหยุด ทำให้ตับทำงานเต็มที่ และอายุยืน ถ้าขาดไวตามินนี้จะมีเลือดออกทางจมูกหรือเหงือก ได้จากโยเกิร์ต ไข่แดง น้ำมันจากแซฟฟลาวเวอร์ น้ำมันตับปลา เคลพ์ อัลฟัลฟ่า ผักเขียว

ไวตามินพี (Bioflavonoid) ช่วยให้การใช้ไวตามินซีอย่างถูกต้อง ถ้าขาดไวตามินนี้ อาจมีปัญหาไขข้อ เลือดออกง่ายมาก ได้จากเปลือกขาวของผิวส้ม

แร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับผิว แร่ธาตุมีความจำเป็น ต่อปฏิกิริยาของเซลล์กับสารต่างๆ ก่อให้เกิดการสังเคราะห์ที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์ผิว รักษาความชุ่มชื้นของผิว และป้องกันผิวหย่อนยาน แร่ธาตุบางชนิดที่จำเป็นต่อผิวได้แก่

โซเดียม และโปตัสเซียม ช่วยรักษาระดับความชุ่มชื้นของผิว

แคลเซียมและแมกนีเซียม ร่วมทำงานในการสร้างผิว

คอปเปอร์ ป้องกันการสูญเสียความชื้น

โคบอลท์ และ แมงกานีส รักษาไวตามินในผิว และโปรตีนของเนื้อเยื่อ

สารต่างๆเหล่านี้หาได้จากแร่ธาตุและไวตามินเสริม ซึ่งส่วนใหญ่เราทานกันเป็นประจำอยู่แล้วในอาหาร 5 กลุ่ม

ดูเหมือนว่า อาหารที่คุณทานทุกวัน ล้วนช่วยสร้างผิวทั้งนั้น เพราะอาหารไทยประกอบด้วยผักเขียวเป็นประจำ จะสังเกตได้ว่า ไวตามินที่บำรุงผิวคือ เอ ซี ดี อี ซึ่งอยู่ในผักเขียวเราจะดำรงผิวสาวผิวหนุ่มไว้ได้ ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่กลุ่มดังนี้ กลุ่มนม กลุ่มเนื้อหมู วัว ไก่ ปลา และโปรตีนจากถั่ว ระวังโคเลสเตอรอลและกรดยูริค กลุ่มผักผลไม้ กลุ้มแป้ง ข้าว ขนมปัง มันฝรั่ง สปาเกตตี้ กลุ่มอาหารเสริม พวกไวตามิน และแร่ธาตุต่างๆ