สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
การ์ดร่างกายจากภายใน

หลังจากกินซาลาเปาหนึ่งลูกตามด้วยมะม่วงอกร่องหนึ่งลูก ส้มเกลี้ยงหนึ่งลูก น้ำส้มคั้นหนึ่งกล่อง เรียกว่าพร้อมที่จะหลับต่อให้ครบ 8 ชั่วโมง ก็มีเสียงหวานโทรศัพท์ทวงต้นฉบับ อ้าวแล้วกัน สงสัยเม็ดแป๊ะก๊วยไม่ทำงานทันกับความหลงลืมเสียแล้ว

เดี๋ยวนี้ซาลาเปาขึ้นราคาเป็น 2 เหรียญ จากเดิมลดขนาด ตอนนี้เพิ่มราคาเป็น 2 เท่า ต้องหาวิธีกินอะไรให้ง่ายและได้คุณค่าทางอาหารไปส่งเสริมภายในร่างกายในการสร้างภูมิต้านทานอย่างรวดเร็วสมกับที่เซลล์โคโรน่าแปรรูปอยู่เสมอ เขาเรียกว่ากลายพันธุ์จนภูมิต้านทานในร่างกายตามไม่ทันกับการอ่านลักษณะการแปรรูปของโปรตีนหุ้มเซลล์ของศัตรูผู้แย่งชิงน้ำในเซลล์ของร่างกายมนุษย์ เอาเป็นว่า เราต้องกินของที่สามารถป้องกันการสูญเสียความชื้น หรือสร้างตัว antioxidants ให้มากขึ้น

เราแยกอาหารเป็น 2 หมวด คือ ไมโคร กับแม็คโคร

อาหารกลุ่มไมโครคือพวกไวตามิน เกลือแร่ ส่วนใหญ่ได้จากอาหารหลัก อาหารเสริมช่วยการทำงานของการดูดซึมซึ่งมักอ่อนแอในวัยสูงอายุ บางทีร่างกายไม่ขับไวตามินส่วนเกินดังที่เคยคิด ถ้าสะสมไวตามินส่วนเกินไว้ อาจมีผลเสีย เช่นไวตามินดี ถ้ามากเกินอาจมีหินในไต หูหนวก ความดันสูง คอเลสเตอรอลสูง แต่ถ้าขาด กล้ามเนื้อไม่มีแรง ชักกระตุก พุงพลุ้ย ไอทันทีทันใด เช่น ไวตามินบี 6 ถ้าสะสมมากเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถทำงานได้ ไวตามินบี 3 ถ้ามากเกินไปจะมีกรดยูริค ก่อให้เกิดเก๊าท์ เลือดออกในลำไส้เล็กตอนแรก ไวตามินอีถ้ามากไป จะปวดหัว ตาพร่า เพลีย หน้าที่หลักของอาหารกลุ่มไมโคร คือสนับสนุนการทำงานของเซลล์เป็นพิเศษ เพื่อแปรรูปอาหารให้เป็นองค์ประกอบทางเคมี ให้เซลล์นำไปสังเคราะห์หรือใช้งานได้ เช่น โปรตีนจากเนื้อสัตว์เปลี่ยนรูปเป็นกรดอะมิโน 22-27 รูป เพื่อสร้างเนื้อเยื่อ 5 ประเภท โปรตีนแปรเป็นอะมิโนแอซิดในรูปต่างๆ เช่น คาร์บอน 50-60% ออกซิเจน 25-30% ไนโตรเจน 8-12% ไฮโดรเจน 4-5% ซัลเฟอร์ 4-5% เวลาเราต้มอาหาร เนื้อสัตว์ หรือถั่ว หรือผัก จะมีฟองจากแก๊สต่างๆ แคลเซี่ยมเมื่อถูกความร้อนจะจับเป็นตะกอนก้นหม้อ อาหารกลุ่มนี้ ไม่สร้างแคลลอรี่หรือพลังงาน แคลลอรี่ไม่ใช่ตัวอันตราย ไม่ต้องกังวลว่าจะกินอะไร มีแคลลอรี่มากน้อยแค่ไหน เพื่อไม่ให้ร่างกายเหลือเก็บไว้ในรูปของไขมัน คนสมัยนี้กังวลว่าจะกินอะไร มีแคลลอรี่มากน้อยแค่ไหน คนเราต้องการพลังงาน อันตรายอยู่ที่การบริโภคอาหารไร้แคลลอรี่ มีแต่ไขมัน

แคลลอรี่ไม่ใช่ตัวอันตราย ไขมัน 1 กรัมมี 9 แคลลอรี่ แป้ง โปรตีน 1 กรัมมี 4 แคลลอรี่ พลังงานน้อย แต่จำเป็นต้องกินไขมันจากพืชเพื่อละลายไวตามินบางตัว เช่นไวตามินดีสำหรับกระดูก ไวตามินอีสำหรับความแข็งแรงของหัวใจ ไวตามินเคสำหรับป้องกันเลือดหยุดช้า ไวตามินบี 1 ป้องกันหัวใจบวม ไวตามินบี 2 สำหรับความชุ่มชื้นของผิวและตา ไวตามินบี 3 ป้องกันเลือดออกในลำไส้เล็กช่วงแรก ไข่แดงมีแคลลอรี่สูง 2000 แต่มีไบโอตินหรือไวตามินเอช ที่ให้ประโยชน์ในการสร้างเส้นผม สร้างเม็ดเลือดแดง ให้ฟลูออไรด์สำหรับฟัน วิธีทำให้ไข่แดงปลอดโคเลสเตอรอล คือปรุงไข่แดงจนสุก ดีกว่าทิ้งเสียเปล่า ไข่ขาวไม่มีแคลอรี่ไม่มีพลังงานแต่สมบูรณ์ด้วยอาหารพอจะสร้างชีวิตไก่ได้ ไข่ปลามี 7300 แคลลอรี่ มีแต่ความแพง ไอศกรีมมีแต่ครีมกับน้ำตาล มี 40 แคลลอรี่ ไอศกรีม 3 ก้อนอาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงหรือเบาหวาน ทำให้เป็นลมได้

ไขมัน แป้ง โปรตีน 3500 แคลลอรี่ เปลี่ยนเป็นไขมันได้ 1 ปอนด์ กินไข่นกกะทาฟองเดียวมี 3640 แคลลอรี่ ก็อาจได้ไขมันที่พุง 1 ปอนด์

น้ำหวานโซดา ลูกกวาด ไม่มีประโยชน์ น้ำตาลทุกรูปแบบส่งเสริมเซลล์มะเร็ง

มันฝรั่งกรอบ มีเกลือและบอแร็กซ์ เกลือทำให้ร่างกายสะสมน้ำที่กล้ามเนื้อหัวใจ สารที่ทำให้กรอบคือบอแร็กซ์เป็นสารเคมีที่ใช้ทำลายเชื้อโรค เพียงแต่ใช้ไอระเหยของบอแร็กซ์กับฟอร์มัลดีไฮด์ ฟอร์มาลีนใช้เป็นน้ำยากันเสื่อมคุณภาพ ใช้รักษาสภาพศพ เมืองไทยใช้รักษาผัก แชมพูสระผมที่มีฟอล์มาลีนเป็นตัวกันเสีย อาจสะสมที่หนังศีรษะ จึงแนะนำให้เปลี่ยนน้ำยาสระพผมทุก 6 เดือน หรือใช้ 2 ยี่ห้อเพื่อล้างกัน สีผสมอาหารมีในไตรท์หรือดินประสิวหรือไนโตรซานิน ในไส้กรอก เนื้อสวรรค์ กุนเชียง อาจก่อให้เกิดมะเร็ง

กลุ่มไมโครจำเป็น ร่างกายควรได้รับไวตามินและแร่ธาตุ โดยไม่ถูกทำลายจากการหมักดอง ร้อนนาน แช่น้ำนาน ถ้าเซลล์ไม่ได้รับกลุ่มนี้ เซลล์ก็ไม่สามารถสังเคราะห์อาหารเป็นอะมิโนแอซิด 22-27 รูปได้ ผมหนึ่งเส้นถ้าไม่ครบ 22 รูปก็เกิดไม่ได้ ร่างกายสามารถสร้างไวตามินได้บ้าง โดยอาศัยแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้เล็กตอนแรก เช่น ไวตามินบี 1 ไทอามินช่วยระบบประสาท และพลังงาน ไวตามินบี 5 หรือกรดแพนโทเทนิค สำหรับป้องกันตะคริวช่วงท้อง นอนหลับยาก ไวตามินเอชหรือไบโอติน ช่วยสร้างเส้นผม สร้างพลังงานจากแป้ง ไวตามินบี 3 ชื่อว่าไนอาซิน ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย บี 1 และบี 2 ร่างกายสามารถสังเคราะห์จากสารทริปโตฟานในโปรตีนที่เราบริโภค ผิวสังเคราะห์ไวตามินดีจากคอเลสเตอรอลในผิวหนังเมื่อถูกแสงแดดโดยตรง เรียกว่าไวตามินแสงแดด ขาขาวๆระวังขาดไวตามินดี

ไวตามินอื่นๆที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้ มาจากการบริโภคอาหาร เช่น ไวตามินเอ จากไข่ นม เนย ผักเขียว ผักสีส้ม ถ้าขาดไวตามินเอสายตาเสื่อม มองไม่เห็นในที่มืด กระดูกไม่แข็งแรง สารเคลือบฟันไม่ดี ไวตามินอี โทโคเฟอรอล มากจากถั่วแห้ง ข้าว ผักเขียว ถ้าขาดจะมีผลเสียต่อตับ หัวใจ กล้ามเนื้อ ไวตามินบี 2 ริโบฟลาวินทำหน้าที่เหมือนบี 1 อยู่ในเนื้อ นม ไข่ ถั่วแห้ง ข้าว เห็ด ไวตามินบี 6 ไพริดอกซิน ได้จากอะโวคาโค ถั่ว ผักเขียว มันเทศ เนื้อไก่ ปลา กล้วย มันฝรั่ง ข้าวชนิดต่างๆ ไวตามินบี 12 โคบาลามิน ได้จากเนื้อสัตว์ ปลา หอยนางรม นม ไข่ ถ้าขาดตัวนี้จะมีอาการชา ยิบยับตามมือ เสียการทรงตัว ปวดตามแขนขา โฟลาซิน อยู่ในกลุ่มไวตามินบีรวม ได้จากผักเขียว ถั่วแห้ง แร่ธาตุจำเป็นเช่น แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส แมกนีเซี่ยม ซัลเฟอร์ เหล็ก ทองแดง สังกะสี โครเมียม เซเลเนียม แมงกานีส โมลิบเดนัม ส่วนใหญ่ได้จากถั่วแห้ง ผลไม้แห้ง นม ผัก ไข่ ไก่ เนื้อสัตว์ โปรแตสเซี่ยมมีในกาแฟ ชา โกโก้ บางทีช่วยกระตุ้นประสาทจนสูงกว่าปกติ เมื่อหมดฤทธิ์ก็ต่ำกว่าปกติ

พืชส่วนมากมีแร่ธาตุและสารป้องกันศัตรูอิสระที่ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพ เช่น กระเทียม ป้องกันมิให้เกร็ดเลือดยึดติดกัน แอสไพรินช่วยให้เกร็ดเลือดอ่อนตัว แอสไพรินเป็นกรด ทานนานๆ อาจมีเลือดออกตามที่ต่างๆ หลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้โดยไวตามินพี ซึ่งมีอยู่ในเปลือกขาวของส้มช่วยให้ผนังเลือดแข็งแรงหมุนเวียนดี ขิง ดีในทางบำบัดข้อเสื่อม ปวดข้อ ปวดเข่า กระดูกบาง ช่วยระบบย่อย หัวหอม ป้องกันสารศัตรูอิสระ อาหารว่างแบบไทยแท้คือเมี่ยงคำ เป็นอาหารเสริมสุขภาพในหลายประการ รุ่งขึ้นเช้าระบายของเสียจากร่างกายดีเป็นพิเศษ มะม่วงหนึ่งลูกมีไวตามินบี 2 บี 3 บี 9 ไวตามินซี ไวตามินอี เบต้าคาโรทีน มีแร่ธาตุแม็กนีเซียม ฟอสฟอรัส ซิลิก้า และซัลเฟอร์ ซึ่งเสริมผิว กระดูก ผม เล็บ และกล้ามเนื้อ กับช่วยสมานแผลเร็วขึ้น เมล็ดฟักทอง มีสารป้องกันมะเร็ง สามารถลดความบวมของต่อมลูกหมากได้เพราะมีสังกะสีเป็นส่วนใหญ่ ใบรางจืด ล้างสารพิษ ปรับน้ำตาลในเลือด แตงกวา ช่วยสร้างความบริสุทธิ์ของโลหิต พริกระฆัง ช่วยตับกำจัดสารพิษ มะระ ช่วยลดการอักเสบ แอปเปิล ช่วยการทำงานของกระเพาะ สูตรน้ำผัก คือ แซลลอรี่ 2 ก้าน แตงกว่า ¼ ผบ พริกระฆัง ½ ลูก มะระเอาเม็ดออก ¼ แอปเปิลปอกเปลือก 1 ผล