คุณหมอ..ขอคุย
น.พ. อรุณ สวนศิลป์พงศ์
LGBTQ-คนมีพฤติกรรมหรือแต่งตัวต่างจากเพศกำเนิด

เมื่อเดือนที่แล้ว มีข่าวฮือฮาจากสถาบันการศึกษาเก่าที่ กทม. ออกระเบียบบังคับให้นักศึกษาต้องแต่งกายตามเพศที่เกิด ก็เลยมีการประท้วง จนคณบดีต้องประกาศงดการใช้ระเบียบนั้นชั่วคราว จนกว่าจะมีการพิจารณาใหม่ และก็มีข่าวอาจารย์ทางจิตวิทยา กล่าวแขวะว่า ให้กะเทยเข้ามาเรียนก็ดีถมไปแล้ว…ทำอย่างกับเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัย…

ความจริงเรื่องการแต่งกายของนักศึกษาหรือนักเรียน ที่เมืองไทย คงจะริเริ่มมาตั้งแต่มีสถานศึกษานอกวัด…นอกจากนักศึกษาวิชาชีพ…การแต่งกายของ นักเรียน นักศึกษา ไม่ใช่สิ่งที่สถานศึกษาต้องมีระเบียบบังคับ.... ควรจะเปิดโอกาสให้แต่งกายสุภาพก็น่าจะเพียงพอแล้ว …และยิ่งต่อไป มีการพัฒนา ให้เรียนออนไลน์ได้เหมือนที่เมกา.... เรื่องการแต่งกายก็ยิ่งไม่ใช่ประเด็นด้วย…

เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ต้องลงทะเบียนต่ออายุใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของ วอชิงตัน ดีซี ซึ่งมีทุก 2 ปี โดยมีระเบียบว่าต้องมีชั่วโมงเรียนอย่างน้อย 50 ชั่วโมง …

และในจำนวนนี้ ก็มีระเบียบให้คนที่จะต้องต่ออายุใบประกอบวิชาชีพ ทุกสาขา.... ทั้งแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยแพทย์ เภสัชกร และอื่นๆ ....ซึ่งอาจจะมีชั่วโมงกำหนดแตกต่างกัน แต่อย่างน้อยต้องมี 5 ชั่วโมงที่ครอบคลุม โรคเอดส์ และวัฒนธรรมของ LGBTQ ด้วย ทั้งนี้จะช่วยทำให้เข้าใจ และการดูแลรักษาคนไข้ในกลุ่มนี้…

L คือ lesbian.... G คือ Gay..... B คือ Bisexual..... T คือ Transgender และ.... Q คือ Queer หรือ Question

L- lesbian และ G- Gay หมายถึง คนที่ชอบเพศเดียวกัน มีเพศสัมพันธ์ด้วยกัน L ใช้กับผู้หญิง ส่วน G ใช้กับผู้ชาย

B-Bisexual ใช้กับหญิงและชาย ที่ชอบมีเพศสัมพันธ์ กับทั้ง สองเพศ

T-Transgender หมายถึง คนที่เปลี่ยนเพศ เป็นเพศตรงข้าม ต่างจากเพศตอนเกิด บางรายยังไม่แปลงเพศ แต่จะแต่งตัว หรือมีบุคคลิก ต่างจากเพศที่เกิด......พักหลัง เวลาไปเมืองไทย เห็นคนแต่งตัวสวยๆ นึกว่า ป็นผู้หญิง แต่พอเข้าใกล้ หรือได้ยินเสียง ก็ถึงบางอ้อ.....ไม่ใช่อย่างที่คิด...

Q คือ Queer หรือ Question มีความหมายเป็นคนแปลก ค่อนข้างไม่เหมือนคนทั่วไป แต่ปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปแล้ว สำหรับคำนี้ เคยมีการเดินขบวน เรียกร้อง ความเสมอภาค....

เรื่องของคนข้ามเพศ homosexuality นั้น มีชื่อเรียกต่างๆกันข้างต้น......เมื่อก่อนเคยจัดเป็นโรคอย่างหนึ่ง แต่เมื่อปี 1974 สมาคมจิตแพทย์ จิตวิเคราะห์ และจิตวิทยามะกัน ทั้งสามสมาคม ได้เอาโรค homosexuality ออกไปจากสาระบบ ของโรคทางจิตเวชหรือจิตวิทยา…

การแต่งงานของคนเพศเดียวกัน ก็เริ่มมีกฏหมายรองรับในโลกตะวันตก และหลายๆมลรัฐในสหรัฐอเมริกา…

เดี๋ยวนี้ไปเมืองไทย เห็นคนแต่งตัวสวยๆในที่ทำงาน หรือเดินตามถนน ตรอก ซอกซอยมากมาย …แต่บางคนพอเข้าใกล้ ได้ยินเสียงที่คุย ก็พอจะเดาได้…ว่าแต่งกายหรือแต่งตัว ไม่ตรงกับเพศที่เกิดดังกล่าวข้างต้น…

น่าจะถึงเวลา ที่สังคมไทย ต้องยอมรับคนที่ มีพฤติกรรม และแต่งกาย ไม่ตรงกับเพศที่เกิด ด้วยการให้การศึกษา การฝึกอบรมต่างๆ เพื่อให้ทุกคน มีสิทธิเท่าเทียมกัน…

ส่วนความเชื่อที่ผิดๆ ของคนบางกลุ่ม เกี่ยวกับคนข้ามเพศ หรือ LGBTQ ก็ต้องอาศัยการแก้กฏหมายมาช่วย…จะได้ไม่ไปกล่าวหาหรือออกกฏบังคับ อย่างไร้สาระ…


11 กุมภาพันธ์ 2019