ไขลานเวลา นาฬิกาชีวิต

สวัสดีครับแฟนานุแฟนที่รัก ลำนำชีวิต ฉบับนี้ ผมขอลดธงครึ่งเสาไว้อาลัยให้กับคุณยาย Lorraine Skidmore ที่เพิ่งจากไปด้วยวัย 94 ปี ลูกหลานเพิ่งฉลองเบิร์ธเดย์ให้เมื่อวันเสาร์ และคุณยายก็หลับไปด้วยอาการสงบเมื่อคืนวันอังคารที่ 17 กันยายน ไม่ต้องให้ลูกหลานวุ่นวาย เป็นการหลับครั้งสุดท้ายและยาวนาน ขอให้ดวงวิญญาณของคุณยายจงไปสู่สุคติ

ผมมีความผูกพันกับคุณตาโรเบิร์ต (สามีที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว) และคุณยายโรเลน รู้จักกันมายาวนานนับสิบปี เหมือนคนบ้านเดียวกัน สองตายายเป็นลูกค้าประจำที่ร้านอาหารของผม เรียกว่าฝากท้องไว้กับร้านผม ให้ผมดูแลดังญาติสนิทกันทีเดียว พระท่านว่า.. “มิใช่ญาติชาติเชื้อ แต่มีความเอื้อเฟื้อ ก็เหมือนเนื้ออาตมา” ผมคงไม่กล่าวถึงประวัติของคุณยาย แต่จะขอมอบบทความอันเป็นสาระประโยชน์นี้เพื่อเป็นเกียรติและไว้อาลัยในความดีงามของคุณยายที่น่ารัก

มีพระพุทธพจน์บทหนึ่งว่า..กาโล ฆสติ ภูตานิ แปลความว่า.. “กาลเวลาย่อมกลืนกินสัตว์พร้อมทั้งตัวมันเอง” ที่ผมยกพระบาลีมาอ้าง ก็เพื่อจะให้น้ำหนักกับข้อเขียนนี้ว่า..เป็นสัจธรรม ที่เราทุกคนมี และประสบพบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทุกเวลา ทุกลมหายใจเข้าออก ถ้าหมดลมเมื่อไร..ก็หมดเวลาของเราเมื่อนั้น

มีปริศนาธรรมอยู่ว่า.. มีพญายักษ์ตนหนึ่งนา มีหน้าสามหน้า มีตาสองข้าง ข้างหนึ่งสว่าง ข้างหนึ่งริบหรี่ มีปากสิบสองปาก มีฟันไม่มากปากละสามสิบซี่ กินสัตว์ทั่วพื้นปฐพี ถามว่า..พญายักษ์ตนนี้เป็นใคร อุแม่เอ๊ย อุแม่เจ้า หน้าตายักษ์ตนนี้ ถ้าจะแปลกประหลาดมาก ประหลาดกว่า..ท้าวทศกัณฐ์ ในเรื่องรามเกียรติ์เสียอีก ท่านจะทาย หรือให้เฉลยเลย.. ขอเฉลยดีกว่า

พญายักษ์ที่ว่านี้คือ “พระกาล” มีหน้าสามหน้าคือ..ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว มีตาสองข้างคือ..ข้างขึ้นและข้างแรม ข้างขึ้นก็สว่าง ข้างแรมก็ริบหรี่ มีปากสิบสองปากคือ..ปีหนึ่งมีสิบสองเดือน มีฟันไม่มากปากละสามสิบซี่ คือเดือนหนึ่งมีสามสิบวัน กินสรรพสัตว์ชั่วนาตาปีคือ..ใครเกิดมา ไม่ว่า พระราชา อำมาตย์ ไพร่ ผู้ดี เศรษฐียาจก ล้วนหนีไม่พ้นเงื้อมมือมัจจุราชคือ อำนาจแห่งความตายไปได้

พระกาล หรือเวลา..นี้ มันต้อนเราไปทุกขณะ ตั้งแต่เกิด ไปสู่ความแก่ ความแก่ไปสู่ความเจ็บ (ป่วย) ความเจ็บไปสู่ความตาย เป็นวาระสุดท้าย ในขณะที่เวลากลืนกินสัตว์โลกนั้น และในเวลาเดียวกันนั้นมันก็กลืนกินตัวมันเองด้วย วันหนึ่งในอนาคต โลกก็จะแตกสลายไป อาจจะเป็นระยะเวลาอันใกล้นี้ ดังที่เคยมีคำทำนายว่าปี 2012 โลกจะแตก แต่ก็ยังไม่แตก อาจจะแตกอีกล้านปี ร้อยล้านปีหรือพันล้านปี แต่แน่นอน โลกนี้ก็ต้องย่อยแยกแตกสลายไปตามกาลเวลา ตามกฏของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จะช้าหรือเร็วเท่านั้น

มีสุภาษิตเปรียบเทียบเกี่ยวกับ เรื่องเวลาไว้หลายคำ เอาเท่าที่นึกได้ตอนนี้ เช่น..

“สายน้ำไหลไปย่อมไม่หวนคืนฉันใด กาลเวลาที่ล่วงเลยไปย่อมไม่หวนคืนมาฉันนั้น”

เมื่อ พูดถึงสายน้ำกับเวลา ทำให้นึกถึงหนังคลาสสิกเรื่องหนึ่งคือ The River of No Return 1954 หนังดังเรื่องนี้สร้างก่อนผมเกิดครับ ซึ่งสาวผมบลอนด์ Marilyn Monroe (คู่กับ Robert Mitchum) ทั้งแสดง และร้องเพลงประกอบเรื่อง ผมชอบเพลงนี้มาก ขอยกท่อนสุดท้ายมาให้ฟังกัน


“I lost my Love on the river
and forever my heart will yearn
Gone gone forever down the River of No Return
Waileri.. waileri.. He’ ll never return to me”


อุแม่เจ้า.. อุแม่เจ้า..ช่างไพเราะลึกล้ำเหลือจะบรรยาย ฟังซีครับ ฟังสาวบลอนด์เธอร้องเพลง บรรยากาศเศร้า ๆ ตอนหนังใกล้จะจบ..

“ความรักฉันหายไปกับสายน้ำ หัวใจร่ำพร่ำครวญถวิลหา
โอ้ยอดรักจากไปไม่กลับมา เหมือนธารา ไหลลับไม่กลับคืน”

ผมดูแล้วน้ำตาซึมๆ กำลังควักกระดาษเช็ดหน้ามาซับน้ำตา อุแม่เจ้า.. (อีกแล้ว) แล้วหนังก็แฮปปี้เอ็นดิ้ง สายน้ำไปแล้วไปลับ แต่พระเอกของเรากลับมาครับ กลับมา (ตามคำสั่งผู้กำกับ) แล้วก็อุ้มเธอไป ช่างโรแมนติกซะจนน่าอิจฉา..เลยยิ้มออก หัวร่อทั้งน้ำตา เอ้า..บอกให้เอาบุญ รีบไปหาหนัง (แผ่น) มาดูซะ แล้วท่านจะ unforgettable

เอ๊ะชักจะ..go so big ไปกันหญ่าย แล้วเพลงที่ว่าเนี่ยะ..มันเกี่ยวอะไรกับ “พระกาล” ล่ะ.. เกี่ยวซีครับ ก็ผมกำลังเขียนถึงเรื่องของเวลา เวลากับสายน้ำก็เหมือนกัน มีอุปมา..ฉันใด อุปไมย..ก็ฉันนั้น

ผมกำลังจะบอกพวกเราทุกคนต่างมีเวลาเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น เขาได้กำหนดให้เรามาแล้ว.. เขานะใครล่ะ.. ก็พระพรหมลิขิตบ้าง พระเจ้ากำหนดมาบ้าง กรรมจัดสรรบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องคำสอนของแต่ละศาสนา แล้วแต่ใครจะเชื่อ.. แต่ทุกคนต้องมี..ใครจะมีมากมีน้อยเท่านั้น และก็ไม่มีใครรู้ใครทายได้ เวลาของตูข้า..จะ expire เมื่อไร บรรดาโหราจารย์ หมอดูหมอเดาทั้งหลาย ทำนายใครต่อใครได้แม่นยำ แต่จะทำนายตัวเองว่าจะอยู่จะตายเมื่อไร ต่างจนด้วยเกล้าทุกรายไป ทายไม่ออกบอกไม่ถูก เป็นซะงั้น.. บางทีหมอมัวแต่ตรวจชะตาคนอื่นลืมดูตัวเอง เวลาหมดซะแล้ว ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ปล่อยให้ลูกศิษย์ร่ำไห้ รอเวลาที่จะตามไป

สมมติว่าคุณจะมีอายุยืนถึง 75 ปีโดยประมาณ หนึ่งปีมี 365 วันเป็นมาตรฐาน เอา 365 วันคูณด้วย 75 ปี ก็ได้ตัวเลขออกมา 27,375 วัน คิดย่อยออกมาเป็นชั่วโมง เป็นนาที เป็นวินาที โอ๊ย..อย่าคิดดีกว่าปวดหัว.. เอาแค่เป็นวันก็พอแล้ว

สรุปแล้วคุณมีเวลาเป็นของตัวเอง 27,375 วันประมาณนั้น แล้วตอนนี้คุณมีอายุ 50 ปี เท่ากับคุณใช้อายุมาแล้ว 18,250 วัน คุณเหลือเวลาเป็นของตัวเองเพียง 9,125 วัน คุณใช้เวลาเกินครึ่งชีวิตมาแล้ว ถามว่า..เวลาที่เหลืออยู่มันมากไหม และจะใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้อย่างไร เผลอ แผล็บเดียว เดี๋ยวก็เดือน เดี๋ยวก็ปี จะว่ายาวก็ยาว จะว่าสั้นก็สั้น

คนที่เป็นเศรษฐี อยู่ดีกินดี มั่งมีศรีสุข มีเงินทองจับจ่ายใช้สอย เป็นไฮโช เป็นนักธุรกิจ เป็นดารา สำหรับคนประเภทนี้ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งผิดกับคนอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งอยู่ด้วยความลำบากยากจน หาเช้ากินค่ำ หาค่ำกินเช้า ก็ไม่ค่อยจะพอกิน คนต้องโทษถูกจองจำรอวันที่จะเป็นอิสระ คนที่ (เป็นโรค) นอนไม่หลับ ทำไมๆ เข็มนาฬิกามันหมุนช้าจัง

จริงๆ แล้วเวลาหรือเข็มนาฬิกามันก็ (เดิน) ผ่านไปเป็นปกติของมัน เช้าสายบ่ายค่ำ เดินเที่ยงตรงวันละ 24 ชั่วโมง แต่คนต่างหากไปกำหนดว่าช้าหรือเร็ว อันนี้มันอยู่ที่ความรู้สึกของคนๆ นั้นกำลังเสวยอารมณ์อะไรอยู่ สุขเวทนา คือกำลังสนุกสนานเพลิดเพลิน หรือว่าทุกขเวทนา คือ กำลังตกระกำลำบาก พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก

ที่ผมเอาเรื่องเวลามาบอกกล่าวนี้ ก็อยากจะถามว่า ท่านคิดถึงเรื่องนี้กันบ้างหรือเปล่า..ส่วนตัวผมคิดครับ.. คิดว่าจะบริหารเวลาที่เหลือน้อยนิดนี้อย่างไร

เราทุกคนต่างผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายขวบปี มีสุขมีทุกข์ มีจน มีรวย ประสบความสำเร็จบ้าง ล้มละลายบ้าง ถูกโลกธรรมครอบงำ อันเป็นธรรมดาของ อนิจจัง ทุกขังอนัตตา บางคนก็อาลัยอาวรณ์กับอดีตที่หวานฉ่ำ บางคนก็คาดหวังความมั่งมีศรีสุขในอนาคต มันป่วยการครับ ไม่มีอะไรดีขึ้น

มันอยู่ที่ใจครับ เพราะเรามีใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ ต้องเอา (ใจ) ให้อยู่ ถ้าเอาไว้ไม่อยู่ ความทุกข์มันก็จะติดตามเราไป เหมือนล้อเกวียนที่หมุนตามรอยเท้าโค เป็นกงกรรมกงเกวียน อย่างไรอย่างนั้น

ผมหงอกสักเส้น ฟันหักสักซี่ ต้องคิดได้แล้วครับ คิดว่านี่คือ เทวทูต ผู้นำแสงสว่างมาให้ ธรรมจักษุต้องเกิดแล้วครับ ตานอกจะฝ้าฟาง จะเป็นต้อหินต้อกระจก ขี้ตาแฉะ ก็ดูแลรักษากันไป แต่ตาในคือปัญญาจักษุต้องทำให้แจ้งในกองสังขาร อย่าให้เขาว่า เติบโตเพราะกินข้าวแก่เฒ่าเพราะอยู่นาน

ชีวิตนี้เป็นของเราไม่มีใครมากำหนดอายุมิใช่เพียงตัวเลขเท่านั้น แต่อายุที่เพิ่มขึ้น คือเวลาของเราที่เหลือน้อยลงทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที และวินาทีสุดท้าย ท่านที่ผิดพลาดไป ก็ยังกลับตัวกลับใจ เริ่มชีวิตใหม่ได้ อย่าปล่อยให้ถึงวินาทีสุดท้าย รอลูกหลานเอาดอกไม้ธูปเทียนมายัดใส่มือ แล้วบอกให้สัมมาอรหังๆ พอถึงตอนนั้น อรหัง ก็จะเป็นกลายเป็นอะระหอยไป

ไขลานเวลานาฬิกาชีวิต อย่าปล่อยให้นาฬิกาหมดลานหยุดเดินไปเฉย ด้วยการขวนขวายทำความดีแม้เพียงวันละเล็กวันละน้อย ก็ช่วยให้ชีวิตเราสดชื่นมีพลัง พิจารณาให้ดี ชีวิตเราไม่มีสาระแก่นสาร หัวเราะ ร้องไห้ ทะเลาะกัน ดีกัน รักกัน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป มานั่งนึกแล้วก็ขันตัวเองกับเวลาที่ผ่านไป ปลดปลงปล่อยวางซะบ้าง จะกอดเอาไว้ทำไมกับมายาชีวิต

เวลาและวารี ไม่มีท่าจะคอยใคร เรือเมล์และรถไฟ ก็ต้องไปตามเวลา โอ้เอ้และอืดอาด เดี๋ยวจะพลาดปรารถนา พลาดแล้วจะโศกา อนิจจาเราช้าไป