สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
เลือดนั้นสำคัญไฉน

อย่าว่าแต่พระเจ้าตากถูกประหารเพราะเรื่องนี้เลย ประวัติศาสตร์ไม่ได้บ่งไว้ แต่เลือดนั้นสำคัญต่อชีวิตที่สุด ในร่างกาย ประกอบด้วยของเหลวหรือส่วนที่เป็นโลหิตประมาณ 1 ส่วนในน้ำหนักตัว 20 ส่วน เลือดประกอบด้วยน้ำประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นตัวบอกอุณหภูมิปกติของร่างกายประมาณ 98.6 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 36 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิฤดูร้อนของเมืองไทย เขาถึงมักพูดว่าคนไทยเลือดร้อน แต่คนไทยตามปกติมีวิสัยใจเย็น เพราะต้องทำหน้าที่เลี้ยงชีวิต เลือดเป็นส่วนที่นำอาหาร ออกซิเจน และสาระสำคัญไปให้เซลล์ ในขณะเดียวกันก็รับคาร์บอนไดออกไซด์และสารที่เป็นกากใช้แล้วกลับจากลำไส้ใหญ่ ผิว ไต ปอด เพื่อนำไปทิ้งจากร่างกาย เลือดมีความสำคัญเพราะเป็นตัวสร้างเซลล์ หรือสร้างชีวิตโดยมวลรวม รักษาร่างกายมิให้ร้อนเกินหรือเย็นเกิน ในขณะเดียวกันก็ป้องกันแบคทีเรียหรือไวรัสโดยทำลายออกจากร่างกายด้วยสมรรถนะประการต่างๆของเลือด ฉะนั้น การบริโภคอาหาร และน้ำดื่มจึงควรคำนึงว่าจะส่งผลสู่เลือด เพราะต้องพึ่งเลือดในการดำรงชีวิต

โลหิต ประกอบด้วย เลือดแดง red blood cells หรือ erythtocytes สร้างจากโพรงกระดูกสีแดง มีส่วนประกอบของ hemoglobin ค่าปกติอยู่ระหว่าง 11.2-15.7 การตรวจเลือด มักจะคำนึงถึงค่าของเซลล์โลหิตแดง ค่าปกติอยู่ระหว่าง 3.96-5.22 มาจากโปรตีนซึ่งมีธาตุเหล็กซึ่งสร้างสีแดง มีหน้าที่นำออกซิเจนไปให้เซลล์

นอกจากนี้โลหิต ประกอบด้วย เซลล์โลหิตขาว white blood cells หรือ leukocytes ทำหน้าที่ป้องกันและทำลายเชื้อโรคด้วยความช่วยเหลือของเกล็ดเลือด platelets หรือ thrombocytes ซึ่งจะสร้างภูมิคุ้มกันเซลล์ และกำจัดสิ่งแปลกปลอม ถ้าเป็นแบคทีเรีย ก็สลายเอาไปทิ้ง ถ้าเป็นไวรัสซึ่งมีโค้ด โปรตีนหุ้มคุ้มกันรอบนอกก็ต้องอ่านโค้ดของไวรัสให้สำเร็จ ถึงจะทำลายโค้ดที่หุ้มไวรัส เรียกว่าทำลายไวรัสต้องใช้ปัญญาจาก platelets ถึงจะกำจัดไวรัสจากระบบเลือดได้

พลาสม่า ซึ่งเป็นน้ำ 90% นอกนั้นเป็นโปรตีน น้ำตาล และออกซิเจน เพื่อส่งอาหารและสารผ่านการย่อยแล้วให้แก่เซลล์ และนำคาร์บอนไดออกไซด์กลับไปส่งให้ปอดเพื่อกำจัดออกจากร่างกาย นับว่า ระบบพลาสม่า สำคัญในการรักษาความสมดุลของระบบร่างกาย

สิ่งที่เราสนใจในส่วนประกอบของเลือด อยู่ที่ว่าจะมีทางเป็นเบาหวานไหม ระบบอวัยวะอะไรทำงาน บกพร่องซึ่งเป็นแนวโน้มของเซลล์ที่จะเป็นมะเร็งหรือไม่ อย่างที่นักประกาศรายการทีวีเพิ่งเสียชีวิตเมื่อเร็วๆนี้ระบบเลือดจึงควรมีการวิจัยประจำปี ตัวเลขจะบ่งว่าอะไรอยู่ต่ำหรือสูงกว่ากำหนดมาตรฐานเพียงใด ก็พิจารณาการบำบัดรักษาได้ เริ่มต้นจากการบริโภค แป้ง โปรตีน พืชผัก และน้ำ ตามหลักการที่ควร

ยกตัวอย่างถ้ากินแคลเซี่ยมเป็นเม็ดไม่ได้เพราะไปพอกที่เส้นเลือดสู่หัวใจทำให้เจ็บหัวใจ ก็กินปลาแซลมอน กินส้ม กินถั่วพิชตาชิโอ เป็นประจำหลังอาหาร ระบบการย่อยของร่างกายก็นำไปสร้างแคลเซี่ยมเอง นอกจากจะได้โปรตีนแล้ว ก็ไม่มีแคลเซี่ยมพอกตามผนังเส้นโลหิต เพราะการทำงานของการย่อยนำไปส่งเซลล์ใช้งานเอง ดีกว่าส่วนเกินพอกตามที่ต่างๆ

ธาตุเหล็กที่จะช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ก็หาได้จากไข่แดง หรือการทำเครื่องเคียงด้วยการหั่นหัวไชเท้าดิบเป็นฝอยใส่กับแครอทหั่นฝอยเติมเกลือ น้ำตาลทราย และน้ำมะนาว ปรุงรสให้อร่อยไว้ราดหน้าข้าวที่โรยด้วยเนื้อทอดฝอยเรียกว่า Beef Barbacoa ซื้อจากคอสโคมาทอดฝอยก่อนโรยหน้าข้าว ข้าวที่ปรุงอาจซื้อจากที่เดียวกันสำเร็จรูปเป็นถ้วยข้าวน้ำตาลเรียกว่า cooked brown rice เข้าไมโครเวฟเพียง 90 วินาทีก็พร้อมบริโภค ธาตุเหล็กดีตรงที่ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง กล้ามเนื้อ และช่วยป้อนออกซิเจนกับเสริมเอนไซม์ให้เซลล์ นอกจากนี้ได้ธาตุเหล็กจากไข่แดง ตอนทำอาหารเช้าประกอบด้วยขนมปังครัวซองด์โรยด้วยเนื้อ วางหน้าด้วยไข่ดาว วางด้วยหัวไชเท้ากับแครอทปรุงรส เท่านี้อาหารเช้าก็อุดมไปด้วยโปรตีน ธาตุเหล็ก และแป้ง

ถ้าจะหาธาตุสังกะสี หาได้จาก ไข่ นม และถั่ว ช่วยการสร้างน้ำย่อย ก็พอเพียงกับที่ร่างกายใช้งาน ส่วนแร่ธาตุตะกั่ว อยู่ในน้ำก๊อก ไม่ควรบริโภคเพราะขัดขวางการสื่อสารระหว่างเซลล์ แร่กำมะถัน ร่างกายใช้งานในโครงสร้างของเซลล์เช่นผม ผิว และเล็บ อยู่ในอาหารประเภทเนื้อ ถั่วแห้ง ถั่วลิสง และหอย

การส่งเสริมออกซิเจนในระบบร่างกาย นอกจากมีพืชผักสวนครัวในบ้านแล้ว ในอาหารมีไวตามินบี 3 เรียกว่า ไนอะซิน ส่งเสริมการนำออกซิเจนและไฮโดรเจนเข้าสู่เซลล์ มีอยู่ในอกไก่ เนื้อ ปลาทูน่า ปลาฮาลิบุติ ตับ และข้าวสาลี

ตัวที่น่าสนใจในโลหิตอีกตัวหนึ่ง ได้แก่ กลูโคส เพราะจะเป็นพลังงานปกติที่สมอง และกล้ามเนื้อ ใช้งาน ถ้าไม่มีตัวนี้เพียงพอ ร่างกายก็ไปใช้งานจากไขมันกับโปรตีน ซึ่งค่อนข้างอันตรายตรงที่ไขมันถูกเผาผลาญอย่างไม่มีสมรรถภาพ และเกิดของเสีย เรียกว่า ketone bodies ซึ่งจะทำลายสมองและก่อให้เกิดคลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย หมดแรง ไตต้องรับภาระหนักในการขจัดของเสียอย่างรวดเร็ว เท่าที่ผู้เขียนประสบกับตัวเองก็ได้แก่ เดินเหินไม่มีกำลัง ล้มง่าย อาหารก็พิถีพิถันยิ่งขึ้น เช่นกินช็อกโกแลต ถั่ว กล้วย แอปเปิ้ลซอส นอกจากนี้ ก็พิจารณาอาหารประกอบด้วยนม เช่น โยเกิร์ต เขาปรุงใส่ผลไม้ด้วยเช่นบลูเบอรี่ สตรอเบอรี่ เราอาจกินเป็นอาหารเช้ากับโยเกิร์ต หรือกินกับข้างพองเรียกว่า Crisp Rice ผู้เขียนกินเล่นเป็นของหวานก่อน หรือหลังอาหารเป็นข้าวพองเคี้ยงอร่อย

ตัวเลขที่คนทั่วไปสนใจตอนนี้ได้แก่ HgB A1C ซึ่วัดค่าของน้ำตาลในเลือดว่ามีปริมาณเม็ดเลือดแดงที่จะทำงานกับการควบคุมเบาหวานได้เกินพิกัดที่ควรจะเป็นหรือไม่ คือระหว่าง 4.0-5.6% ของผู้เขียนเป็น 5.7 ก็เกือบสูงเกินไปแล้ว แต่ตามที่เขาพูดว่าควรต่ำกว่า 7 เลยยังไม่ตกใจ แต่ยังไม่ตกใจ แต่ก็ควรระวังตัว ระวังการกินอาหารอย่างน้อยก็กินผลไม้ประมาณ 5-6 ชนิดตามหลังข้าวบราวน์ไรซ์กับเนื้อทอดราดด้วยหัวผักกาดขาวผสมแครอท แต่ความชรามาถามหาอยู่ ก็ต้องระวังตัวเรื่องความทรงจำกับการทรงตัว