สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
จักระบำบัด

เรารู้จัก “จักระ” แล้ว ทำอย่างไรจึงจะใช้จักระบำบัดได้ ก่อนอื่น จักระของตนเองควรอยู่ในสภาพแข็งแรง จิตใจเป็นสุข และว่างต่อความคิดหมกมุ่นอยู่กับเรื่องใดๆ อย่างน้อยก็เคยเรียนการทำจิตเป็นสมาธิอย่างมากก็ไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนรบกวนจิตใจ ไม่ถึงต้องกับรักษาศีล 8 เพียง 5 ข้อก็นับว่าจิตใจบริสุทธิ์พอสมควรที่จะเข้าสมาธิด้วยจิตของตัวเองได้เมื่อพร้อมที่จะทำการบำบัด

สมมุติว่า เรามีความไม่สบายตรงการเดินเหินเคลื่อนขาข้างขวา มีการปวดตรงกล้ามเนื้อและข้อต่อของหัวเข่า เริ่มต้นที่การนอนพักของวัน หมายถึงว่า ไม่มีกิจกรรมอื่นอีกแล้ว จะนอนหลับพักผ่อนเสียที ทำอย่างไรจะหายจากการเจ็บขา เจ็บตรงหัวเข่า ทำให้เดินเหินลำบาก เป็นไปอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ล้ม อยากจะเดินแบบปกติ

ก่อนอื่น ให้สำรวมจิตเป็นสุข มีสมาธิ ไม่คิดถึงอะไร ไม่มีความเจ็บปวดขาหรือหัวเข่าเลย เพราะกำลังนอนสบาย บนเตียงทำด้วยไม้ปูผ้านวมให้นิ่มเล็กน้อย ไม่ใช่เตียงสปริงที่จะยืดหยุ่นรับน้ำหนักตัวตามที่มีเนื้อน้อยหรือน้ำหนักมากน้อยไม่เสมอกัน ปัจจัยนี้ เพื่อแก้ปัญหาของสปริงที่จะก่อให้เกิดความโค้งที่ต่างกันระหว่างหัวจรดเท้า ศีรษะก็หนุนหมอนเตี้ยสักหนึ่งใบเพื่อช่วยให้ร่างกายราบที่สุด ให้ลองใช้มือขวา นวดมือซ้ายตามที่เคยทุกคืนก่อนนอน คือหัวแม่มือขวางกดลงที่ฐานข้อมือซ้ายแล้วเคลื่อนไปสู่ปลายนิ้วหัวแม่มือซ้ายแบบกดแล้วเคลื่อน พร้อมกับการหายใจยาวๆลึกๆ เมื่อสุดถึงกลางหัวแม่มือ ก็เคลื่อนมาเริ่มกดที่ฐานข้อมือซ้ายอีกแล้วกด-เคลื่อน กด-เคลื่อน แบบขยับขึ้นสู่กลางนิ้วชี้ แล้วมาตั้งหลักอีกที่ฐานข้อมือ แล้วกด-เคลื่อน ไปสู่กลางนิ้วกลาง แล้วมาตั้งหลักที่ฐานข้อมือด้วย แล้วกด-เคลื่อน ขึ้นสู่กลางนิ้วนาง แล้วตั้งหลักใหม่ที่ฐานข้อมืออีก แล้วกด-เคลื่อนขึ้นสู่กลางนิ้วก้อย

เมื่อจบการ กด-เคลื่อนทุกนิ้วของมือซ้าย จะสังเกตได้ว่าภาวะจิตนิ่ง เพราะการเพ่งความสนใจอยู่เฉพาะจุดที่จะต้องกด-เคลื่อน เท่านั้น เริ่มต้นการสร้างสมาธิจิตด้วยการไม่คิดถึงอะไรเลย มีแค่การกดแล้วเคลื่อนหัวแม่มือไปตามเส้นตรงสู่ปลายนิ้ว เท่านี้แหละ คือเป้าหมายของการทำสมาธิจิตก่อนการบำบัดด้วยจักระ

หลังจากจบการนวดมือซ้ายด้วยหัวแม่มือขวาบนเส้นตรงไปสู่แต่ละนิ้ว เท่ากับว่า จิตได้สัมผัสกับอวัยวะภายใน ตามหลักของการนวดปลายประสาท และในขณะเดียวกัน จิตแน่วแน่เริ่มสมาธิ ไม่คิดอะไรอื่น

ขั้นต่อมา ให้ใช้หัวแม่มือขวากดที่กลางมือซ้าย ระหว่างเส้นหัวใจกับเส้นสมอง เส้นหัวใจเป็นเส้นบนสุดระหว่างนิ้วก้อยถึงโคนนิ้วชี้ เส้นสมองคือเส้นกลางบนลายมือ เริ่มจากฐานใต้นิ้วชี้ผ่านกลางมือมาสุดลงที่ริมมือด้านล่างของนิ้วก้อย ที่กดกลางมือระหว่างสองเส้นนี้ เรียกว่าจุดสำคัญของหัวใจและประสาททั่วร่างกาย ไม่มีอะไรทำงานต่อร่างกายสำคัญไปกว่าหัวใจและสมอง ฉะนั้น การกดจุดนี้ด้วยหัวแม่มือขวาบนจุดกลางมือซ้าย เท่ากับเป็นการสำรวมจิต ควบคู่ไปกับการหายใจ นำอากาศและโลหิตเดินทางไปตามท่ออากาศ และเส้นโลหิตสำคัญเข้าและออกจากหัวใจ สู่อวัยวะสำคัญอื่นๆในการนำอากาศบริสุทธิ์สู่เซลล์ทั่วไป จะเห็นได้ว่า การนวดได้เริ่มเข้าไคลแมกซ์ของการบำบัดด้วยจักระ คือใช้การหายใจส่งเสริมการทำงานของโลหิตและอวัยวะในร่างกายต่างๆ เมื่อกดจุดกลางมือนี้อยู่ ให้หายใจเข้าเต็มท้อง เก็บอากาศไว้สักพัก แล้วผ่อนหายใจออกช้าที่สุดโดยการนับ 1-2-3-4-5-6-7-8 เมื่อสุดลมหายใจออก ให้เริ่มกดจุดกลางมือด้วยหัวแม่มือขวาเหมือนเดิม เมื่อผ่อนลมหายใจออกพร้อมกับการนับ 1-2-3-4-5-6-7-8 อีกนั้น อากาศเริ่มถ่ายเทอากาศเสียคือคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจนหมดปอด ทำอย่างนี้ครบ 3 ครั้ง นับว่าได้ออกกำลังปอดสองข้างเต็มที่ แทบไม่มีก๊าซเสียเหลืออีกแล้วจนจบ 3 ครั้ง จึงไปเริ่มบริหารอีกมือหนึ่ง คือ มือซ้ายบริหารมือขวา เรียกได้ว่าร่างกายของคุณขับอากาศเสียออกไปหมดสิ้นแล้ว ถ้าคุณมีพัดลมอ่อนเปิดในทิศทางที่คุณนอนอยู่ จะแน่ใจได้ว่า ไม่มีก๊าซเสียหรือคาร์บอนโมนอกไซด์จากเตาแก๊สมาทำลายสุขภาพถึงตายระหว่างหลับได้ ดังเช่นที่ ผู้เขียนประสบด้วยตัวเอง ที่พบเอกสารขอเปลี่ยนเตาแก๊สที่รั่วเป็นก๊าซคาร์บอนโมนอกไซด์มาแล้ว 2 ปี ผู้จัดการอพาร์ทเมนท์ไม่เปลี่ยนให้ จนผู้เขียนลืม มาพบเอกาสรเมื่อผ่านไปแล้ว 2 ปี มีอาการเจ็บหัวใจจนบัดนี้ ดีว่าไม่ตายระหว่างหลับ เพราะมีพัดลมอ่อนๆตั้งไปทางทิศที่นอนอยู่ จึงปัดเป่าคาร์บอนโมนอกไซด์ออกไปจากตัวได้

หลังจากจบการกดจุดกลางมือ พร้อมผ่อนลมหายใจออกนับถึง 8 รวม 3 ครั้งบนมือซ้าย ให้ทำอย่างเดียวกันบนมือขวา โดยใช้หัวแม่มือซ้ายทำงาน ตั้งแต่การเดินหัวแม่มือจากฐานข้อมือขวาสู่ปลายนิ้วครบทุกนิ้วแล้วกดจุดกลางมือ 3 ครั้ง

หลังจากจบการนวดมือหนึ่ง ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นกับอีกมือหนึ่ง ตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อบำบัดจักระอีกมือหนึ่งจะได้ผลครบสู่ร่างกายทั้งซีกซ้ายและขวา

การเพ่งความสนใจไปสู่ผลตรงจุดจักระ ให้จำไว้ว่า จักระใดมีอาณาเขตบำบัดอวัยวะภายในอะไรบ้าง

อาทิ จักระที่ 1 อยู่ตรงปลายสุดร่างกาย มีผลต่อการบำบัดอาการไม่ปกติของส่วนขา เท้า กระดูกและลำไส้ใหญ่ การใช้บำบัดด้วยจักระนี้ ช่วยบริหารพลังชีวิต เพื่อความอยู่รอด และการสร้างพลังกาย เพราะตำแหน่งของจักระอยู่ตรงปลายสุดของร่างกาย ระหว่างอวัยวะสืบพันธุ์กับทวานหนัก ช่วยสร้างพลังชีวิต

จักระที่ 2 ทำงานกับอวัยวะเพศ เสริมสร้างพลังชีวิต ดูแลอารมณ์ ความมุ่งมาดปรารถนา และความสงบสุข จักระนี้ให้นวดตรงปลายกระดูกกันกบ หรือใกล้กับรังไข่ จึงเป็นการเสริมพลังชีวิต

จักระที่ 3 อยู่ตรงกระดูกสันหลังตรงข้ามสะดือ บริเวณต่อมหมากไต และตับอ่อน มีหน้าที่ผลิตเม็ดเลือด ช่วยการทำงานของตับ ม้าม และกล้ามเนื้อกระเพาะอาหาร ช่วยการย่อยอาหารได้ดีขึ้น ส่งผลต่อพลังจิต บุคลิกภาพ และการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยให้การย่อยอาหารเป็นปกติ รักษาแผลในกระเพาะลำไส้ ตับ ไต และน้ำหนักตัวเกินพิกัด

จักระที่ 4 อยู่ด้านหลังหัวใจ ตรงต่อมไทมัส ส่งผลต่อการรักษาโรคหัวใจ ปอด แขน และมือ ส่งเสริม ความรัก ความเมตตา พลังจิต พลังภายใน จึงมีผลต่อการบำบัดโรคหัวใจ ความดันโลหิต โรคหืด และความปวดต่างๆ

จักระที่ 5 เนื่องจากอยู่ใกล้กับต่อมไทรอยด์ และต่อมพาราไทรอยด์ ซึ่งผลิตฮอร์โมนเพื่อการทำงานของปอด และทางเดินของการหายใจ การบำบัดจึงเนื่องกับอาการเหล่านี้ และโรคคอหอยพอก และเกี่ยวกับการได้ยิน ปวดต้นคอ โรคหวัด หลอดลมอักเสบ หือ หอบ และรักษาโรคผิวหนัง

จักระที่ 6 อยู่ตรงหน้าผาระหว่างคิ้ว ตรงกับต่อมพิจุอิทาริซึ่งผลิตฮอร์โมนสำคัญที่สุด สำหรับระบบประสาท มีผลเนื่องต่อการทำงานของสายตา ความทรงจำ แก้ความหลงลืม หลงผิด หรือคิดในทางไม่ถูกต้อง

จักระที่ 7 อยู่ตรงกับต่อมไพนีลที่สมอง สำคัญที่สุดในการประสานงานกับระบบอื่นให้มีประสิทธิภาพมีส่วนสำคัญในการควบคุมการทำงานของทุกจักระ ผลในการบำบัดด้วยจักระนี้ รวมไปถึงการแก้ปัญหาทางสมอง แก้อาการซึมเศร้า วิกลจริต สมองเสื่อม จักระนี้ช่วยในการทำงานของฮอร์โมนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นับว่าสำคัญสำหรับร่างกายทั่วไป เนื่องจากอยู่กลางกระหม่อม เสมือนตาทิพย์