สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
กินเพื่อเดิน

เมื่อถึงวันหนึ่งคือวันนั้นที่คุณเดินไม่แข็งแรง คุณจะสงสัยว่าจะกินอะไรดีนะ ถึงจะเดินได้เหมือนก่อน ผู้เขียนคนหนึ่งละ ต้องค้นหาวิธีกัน เพื่อให้เดินได้เหมือนตอนปีนขึ้นไปดูหนังสือบนต้นมะม่วง พอดีมีนายแพทย์ Dr.Kefler Wartham เขียนตำราเรื่อง Eat Faith ชี้แนะเรื่อง Joint Food เพราะว่าการเดินจะต้องมีข้อเข่าแข็งแรง ที่หัวเข่าประกอบด้วยกระดูกท่อนบน ยึดต่อด้วยเอ็น Cartilage กับกระดูกท่อนล่างและมีน้ำหล่อเลี้ยงเรียกว่า Synovial Fluid การเดินที่แข็งแรง เขาสรุปไว้ในหนังสือชื่อ 9 Kyd Joint Nourishment ว่าอาหารที่จะส่งเสริมการเดินมาจากอาหารต่างๆ 9 ชนิด เช่น Turmeric, Tamarind seed, Mangosteen ยาที่ใช้บำบัดกันโดยมากได้แก่ Ibuprofen เป็นการผ่อนคลายปัญหาเพียงชั่วคราว เขาจึงได้ศึกษา ค้นคว้า ทดลอง แล้วจึงสรุปออกมาเป็นหนังสือชื่อ 9 Key Joint Nourishment เนื่องจากเป็นการสรุปจากการใช้เฉพาะบางส่วนของพืช เช่น เมล็ด หรือ เปลือก ที่เรามิได้บริโภค ของพืชต่างๆ จึงมิได้หมายความว่าเราจะกินผัก ผลไม้ หรือพืชชนิดนั้นๆ แล้วจะได้ผลตรงเป้า เพราะการค้นคว้าของนายแพทย์มาจากห้องทดลอง อาจใช้เมล็ดพืชบดเสียก่อน หรือใช้เฉพาะเปลือกของมังคุดที่เป็นส่วนที่เรามิได้บริโภคโดยตรง ฉะนั้น ทางที่จะได้ผลก็คืออ่านหนังสือของท่าน และใช้ยาที่ท่านผลิตออกมาสำหรับใส่เข้าสู่ร่างกายของเราเพื่อการบำบัดให้เดินได้แข็งแรง เพราะตัวยาได้สกัดมาแล้วจากส่วนของพืชที่พิสูจน์ว่าได้ผล มิใช่ว่าอ่านแล้วจะกินเม็ดมะขามได้ หรือเปลือกมังคุดได้โดยตรง ต้องผ่านการสังเคราะห์ตามกระบวนการและแยกแยะส่วนที่มีสารที่จะส่งเสริมให้ Cartilage, Joint, Synovial Fluid ทำงานประสานกันให้เกิดความกระฉับกระเฉงที่จะเดินเหมือนสมัยยังอายุ 20 ปี แม้จะอยู่ในวัย 80 ปีแล้ว ผู้เขียนก็กินมะขามหวาน มังคุด ถั่วสดสีเขียว เม็ดถัวสีเขียวใส่ข้าวผัดกับแครอท กับสลัดผักสีเขียวและสีม่วง เพราะถ้านายแพทย์ใช้เปลือกมังคุดในการผลิตยาบำรุงหัวเข่า ผักสีม่วงก็คงมีดีต่อระบบร่างกายด้วยแน่นอน ถั่วสด ผักสลัดสด แกล้มน้ำพริกอ่องที่ปรุงจากมะเขือเทศสดปรุงด้วยเนื้อหมูสดแล่มันออกหมด แต่ไม่ทิ้งมันติดเนื้อ เพราะถ้าเอาไปทอดจนไขมันแห้งกรอบกินเป็นของแกล้มน้ำพริกอ่องหรือป้อนเจ้าสีดาแมวเหมียวที่ชอบกินด้วยเหมือนกัน เพราะว่า โครโมโซมเป็นตัวบงการนำสารเคมีของเซลล์ใน DNA หรือหัวใจของเซลล์ โดยมี RNA เป็นตัวสื่อสารระหว่างเซลล์ การกินเข้าสู่ระบบจึงสามารถบำรุงการทำงานของระบบได้ เพราะผลดีแสดงออกทางร่างกาย เช่น นอนหลับดี ร่างกายแข็งแรง เพราะปัจจัยแห่งการเติบโตจาก สารที่ผลิตโดยตับ เรียกว่า โซมาติดินซี (Somatomedin C) หรือ Insulin-like Growth Factor-1 สามารถสร้างกล้ามเนื้อ เสริมต่อเซลล์ประสาท ให้เจริญงอกงาม อาจสามารถรักษาโรคง่อย หรือกล้ามเนื้อไม่ทำงานได้ นอกจากนี้ ยังอาจมีสาระสำคัญในการรักษาอาการเบาหวาน โดยสามารถปรับภาวะกลูโคสในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ ทำหน้าที่เหมือนสารอินซูลินที่ผลิตโดยตับอ่อน (Pancreases) เลยได้รับการขนานนามว่า สารคล้ายอินซูลิน ผู้เขียนเคยสเปรย์โกรทฮอร์โมนใต้ลิ้น 3 ที ครึ่งชั่วโมงก่อนอาหาร สมัยเป็นผู้แทนจำหน่ายราคาขวดละ 210 เหรียญ ที่เรียกว่าโกรทฮอร์โมนเพราะผลิตจากสาร Insulin-like Growth Factor-1 ที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ และเสริมต่อเซลล์ประสาท เมื่อหยุดใช้ ร่างกายก็เสื่อมสภาพตามวัย ยังพอมีความหวัง เพราะเกิดจากค้นคว้าอื่นๆ เช่น หนังสือชื่อ Joint Food ของด็อกเตอร์ Kefler Wartham ที่ผู้เขียนคนหนึ่งละที่จะพยายามจะหามาอ่านและกินยาที่ท่านผลิตหรือกินอาหารตามนั้นบ้าง เพื่อดูว่าจะได้ผลไหม อย่าลืม 9 Key Joint Nourishment หรือ Joint Food

ผลของการค้นคว้าอื่นๆ ที่ค้นพบแล้ว แต่เรียกชื่อต่างกัน และอยู่ในการทดลองในฐานะยา อาจใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ชาติมากขึ้น เช่น ปัจจัยแห่งการส่งเสริมการสร้างเม็ดเลือดแดง เรียกว่า Erythropoietin (EPO) สำหรับรายที่เป็นโลหิตจากเนื่องจากการฉายแสง Chemotherapy ปัจจัยแห่งการเติบโตใช้ในการบำบัดผู้ป่วยโรคเอดส์เรียกว่า AZT ปัจจัยแห่งการเติบโตสำหรับผู้ที่ป่วยไตวาย ปัจจัยแห่งการเติบโตของผิวหนังส่วนบนในกรณีผิวไหม้ หรือ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร เรียกว่า Epidermal Growth Factor ( EGF) ปัจจัยแห่งการเติบโตจากเซลล์ที่ชื่อไฟโบรบราสต์ที่คอยส่งโปรตีนไปเสริมความแข็งแรงของสายใยคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว เรียกว่า Fibroblast Growth Factor จะถูกนำมาใช้ในการเปิดทางเดินเส้นเลือดใหม่ เช่น รายที่ต้องทำการผ่าตัดผิวหนังไปบริจาคให้ผิวหนังส่วนอื่น หรือบำบัดความปวดจากผิวหนังจากแรงกด และที่สำคัญมากได้แก่ ปัจจัยแห่งการเติบโตทางระบบประสาท เรียกว่า Neurotropic or Nerve Growth Factor (NGF) ซึ่งจะส่งเสริมให้ระบบประสาทควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อใหม่ อยู่ในวัยที่ต้องการฟื้นคืนการทำงานของระบบต่างๆ ก็กินอาหารจากแหล่งที่ให้คุณประโยชน์โดยตรงนอนหลับพักผ่อนให้ระบบทำงานสมบูรณ์ รักษาจิตคือการใช้สมองในด้านสงบสุข ออกกำลังกล้ามเนื้อให้เต็มที่เป็นปัจจัยที่ทุกคนต้องการมากที่สุดในวัยเริ่มชรา

อาหารที่เราบริโภคประจำวัน สมัยยังอยู่ในวัยทำงาน มักจะหนักไปในทางเนื้อสัตว์ ผู้เขียนเคยผจญชีวิตที่ตื่นตีสี่ ขับรถไปทำงานห่างออกไป 80 ไมล์ ให้ถึงที่ทำงานก่อน 8 โมงเช้า และเป็นหัวหน้าดูแลความเรียบร้อยทั่วไปก่อนเข้าชั้นสองนักเรียนในระดับที่กำลังสนใจต่อความก้าวหน้าของชีวิต ในวิชาที่เกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพอาหารการกิน แล้วออกจากที่ทำงานขับรถในจราจรหนาแน่นให้ถึงที่เรียนก่อนหนึ่งทุ่มออกจากชั้นเรียนเวลา 4 ทุ่ม แวะทานอาหารที่ภัตตาคารอเมริกัน เริ่มด้วย สลัดผักสด ซุป และจบด้วยสเต็กเนื้อที่ภัตตาคารบนถนน Beach Blvd. ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่พักประมาณ 3-4 ไมล์ อาบน้ำแล้วเข้านอนประมาณ 5 ทุ่ม เมื่อตื่นแล้วขับรถไปทำงานให้ทัน 8 โมงเช้า ถ้าเป็นตอนเรียนหนังสือชีวิตก็คล้ายกัน คือ นอนดึก ตื่นเช้า กินผักสลัด ซุป และสเต็กเนื้อ เพื่อให้ร่างกายได้สารอาหารเลี้ยงเซลล์ให้แข็งแรงพอกับการที่ต้องใช้สมองในการอ่าน จดจำ วิจัยข้อมูลต่างๆ ได้ ฉะนั้น การกินอาหารที่ครบ 5 หมู่ ผัก แป้ง เนื้อสัตว์ ไร้ไขมัน ไร้ก้าง ดื่มน้ำกลั่น ร่างกายสะอาด จิตใจที่หนักแน่น ผ่อนคลายไร้กังวล สิ่งต่างๆเหล่านี้ เห็นจะมีสิ่งอำนวยคือไม่มีครอบครัวที่จะต้องดูแล มีแต่การดูแลสัตว์เลี้ยงที่รัก เช่น หมาแสนรู้ พาไปเดินชายทะเลทุกวันที่มีโอกาส แมวก็รู้ใจกัน ดูแลซึ่งกันและกัน และเป็นเพื่อนที่ดีของเรา ฉะนั้น อาหารการกินอยู่ สภาวะจิต และผู้ที่ติดต่อใกล้ชิดด้วย เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะดำรงชีวิต เพื่อส่งเสริมเซลล์ภายใน ให้สร้างระบบที่จะประสานกัน ให้ดำรงความเป็นปกติประจำวันอย่างราบรื่น เท่านั้น ก็ส่งผลระยะยาวได้

เรื่องกินเพื่อเดินก็ได้ผลจากระยะยาวในอดีต ทั้งด้านการใช้สรีระร่างกาย การป้อนอาหารที่ร่างกายใช้ประโยชน์ในการสร้างเซลล์ได้ มีการติดต่อสื่อสารระหว่างเซลล์ที่ไม่ขาดตอน อารมณ์เป็นพื้นฐานการอำนวยให้ หัวใจของเซลล์คือ DNA สามารถบริการให้ RNA ทำงานผลิตสารที่เซลล์ต้องการสื่อสารกันได้ นั่นคือสิ่งแวดล้อม อาหารที่ป้อนเซลล์ และการพักร่างกายและให้เซลล์มีโอกาสทำงาน เป็นปัจจัยเสริมทั้งมวล เห็นท่าจะต้องขอบคุณ Growth Hormone ที่ใช้สเปรย์ใต้ลิ้นอยู่ 3-4 ปี คงจะส่งผลดีต่อระบบในระยะยาวด้วย กระนั้นก็ตาม สังขารย่อมร่วงโรยไปตามวัย ตอนนี้ก็ระวังอย่าให้มีไวรัสหรือติดต่อกับเชื้อโรค เป็นนโยบายที่ควรรักษาไว้ตลอดเวลา