สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
การ์ดร่างกายจากผลตรวจเลือด

คนเราโดยมากไม่สนใจผลการตรวจเลือด เพราะยกให้เป็นหน้าที่ของแพทย์ แพทย์อาจไม่ว่างที่จะชี้ให้เฉพาะบุคคลว่า ร่างกายแข็งแรงหรืออ่อนแอ สุขภาพดีขึ้นหรือลดลงอย่างไร จำได้ไหม ผลการตรวจเลือดปีที่แล้วเป็นอย่างไร ปีนี้ดีขึ้นหรือเสื่อมลงแค่ไหน โดยมากไม่สนใจของผลการตรวจเลือดอ่านด้วยซ้ำไป เพราะอ่านไม่เป็น และไม่รู้ด้วยว่าผลตรวจเลือดบอกอะไรให้ร่างกายว่าเปลี่ยนแปลงในทางสุขภาพดีขึ้นหรือแย่ลง การพบแพทย์แต่ละปี ก็ไม่มีความหมายมากนัก แพทย์อ่านรายงานผลการตรวจเลือดแล้วก็ผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่สาหัสหนักหนา ยกตัวอย่างง่ายๆ ผู้เขียนสนใจตัว A1c เพราะได้ยินโฆษณาทางทีวีว่า ยาชนิดหนึ่งจะสามารถลด A1c ให้ต่ำกว่า 7 ผู้เขียนก็มาดูรายงานผลตรวจเลือดของตัวเองว่าอยู่ที่เท่าไหร่ เขาบอกว่า Hemoglobin A1c อยู่ในอัตรา 6.0 ซึ่งตามหลักควรอยู่ต่ำกว่า 5.7 คำอธิบายมีว่า สำหรับคนที่ไม่เคยปรากฏว่าเป็นเบาหวานมาก่อน ค่าระหว่าง 5.7 ถึง 6.4 เรียกว่ามีอาการของเบาหวานขั้นต้น ควรมีการตรวจโลหิตซ้ำเพื่อยืนยันอีกครั้ง

อีกตัวหนึ่งที่ควรสนใจ ก็คือ น้ำตาลในเลือด หรือ Glucose ผู้เขียนไม่ชอบกินของหวาน กินแต่สนิคเกอร์ช็อคโกแลตเคลือบถั่วลิสงหลังอาหารกลางวันและเย็น น้ำตาลยังสูงถึง 86 อัตราปกติควรอยู่ที่ 65-99 ฉะนั้นการกินหวานมากน้อยแค่ไหนอาจขึ้นอยู่กับว่าร่างกายเผาผลาญเป็นพลังงานไปมากน้อยแค่ไหนด้วย จึงจะรักษาระดับน้ำตาลไม่ให้สูงเกินปกติ การออกกำลังกายจึงเป็นเรื่องที่ควรคำนึง โดยเฉพาะตอนถูกกักอยู่บ้าน

คนสูงวัยมักประสบปัญหากระดูกไม่แข็งแรง อาจเนื่องมาจากการกินผักผลไม้ไม่เพียงพอ หรือไม่กินแคลเซี่ยมชนิดเม็ด เพราะก่อให้เกิดการปวดท้องอยู่ครึ่งวันอย่างในกรณีของผู้เขียน ก็สนใจตัวเลขการลดลงของแคลเซี่ยมจากปีที่แล้วว่ามากน้อยแค่ไหน อัตราปกติควรอยู่ระหว่าง 8.6-10.4 ของผู้เขียนนั้นเดินเหินไม่ค่อยแข็งแรงเพราะอายุมากขึ้นหนึ่งปี การทรงตัวลดถอย แต่ผลการวัดแคลเซี่ยมเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 8.6 เป็น 8.9 แสดงว่าเอาใจใส่การบริโภคผักผลไม้ได้ผลดีต่อกระดูกเหมือนกัน อย่ามองข้ามว่ากินตามใจอยาก

อีกตัวหนึ่งที่ควรดูแลก็คือ ปริมาณไขมันในเลือดที่ขนานนามว่าโคเลสเตอรอล มีชนิดดีกับไม่ดี โคเลสเตอรอลดี เรียกว่า HDL cholesterol ควรต่ำกว่า 40 ก็ใช้ได้ โคเลสเตอรอลรวมทั้งชนิดดีและไม่ดี ควรต่ำกว่า 200 ที่เรียกว่าโคเลสเตอรอลดีนี้น หมายถึงว่าทำหน้าที่กำจัดโคเลสเตอรอลร้าย เช่น โคเลสเตอรอลของผู้เขียนคือ 204 ซึ่งสูงกว่าระดับปกติ และมีโคเลสเตอรอลชนิดดี คือ HDL อยู่ที่ 82 ในขณะที่อัตราปกติควรสูงกว่า 40 เรียกว่าพึ่งการดูแลของโคเลสเตอรอลชนิดดีในการการ์ดโลหิตให้ดูแลการจู่โจมทำร้ายของศัตรูคือโรคภัยไวรัส

คุณเคยสนใจปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดหรือเปล่า รับรองว่าไม่มีใครสนแน่ เพราะไม่รู้ว่ามันสำคัญอะไร รู้แต่ว่ามันเป็นอากาศที่เราหายใจออกไปหลังจากหายใจเข้าเอาออกซิเจนไปเป็นพลังงานแล้ว ถ้าคาร์บอนไดออกไซด์จะเปลี่ยนเพิ่มหรือลดลงจะดีหรือเสียอย่างไร ฉันไม่สน เอาเป็นว่าจากรายงานของโลหิตอัตราปกติของคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ระหว่าง 23-32 หลังการใช้งาน และเป็นส่วนประกอบของโปรตีนคือ คาร์บอน ไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน และซัลเฟอร์ แล้วก็จะหายใจออกเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ ฉะนั้นปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว คงจะหมายถึงกิจกรรมของโปรตีนมีมากขึ้น จะเพิ่มจากปีที่แล้วจาก 24 เป็น 26 ในปีนี้ นั่นหมายความว่าร่างกายอาจมีกิจกรรมเกี่ยวกับการใช้โปรตีนมากขึ้นกว่าปีก่อนกระมัง นี่แค่เดาเอาตามความเข้าใจนะ แพทย์อาจอธิบายเป็นอย่างอื่น ก็ยังดีกว่าไม่สนเสียเลย ห้องแล็ปที่ตรวจเลือดปีที่แล้วบอกว่า มีปริมาณโปรตีนในเลือด 7.3 ในขณะที่ระดับที่ควรเป็นอยู่ระหว่าง 6.1-8.1 แต่ปีนี้ห้องแล็ปไม่ทันสมัยพอที่จะวัดปริมาณโปรตีนให้ได้ เลยไม่รู้ความเปลี่ยนแปลงด้านนี้ ซึ่งน่าสนใจทีเดียว เราจะปรับการบริโภคโปรตีนให้ร่างกายได้ถูกกับอายุและการปรับตัวสู้กับภัยธรรมชาติ

มีอีกหลายรายการที่ผลรายงานจากเลือดบ่งออก แต่เราไม่มีความรู้ที่จะรู้จักเพราะไม่ได้ศึกษาด้านแพทย์ เลยต้องถามแพทย์ หรือไม่ก็ปล่อยผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ ทั้งๆที่ห้องแล็ปได้ดีไซน์ให้วัดโลหิตไว้ ถ้ามีใครพอจะถามไถ่ได้ก็ต้องจับเข่าคุยกันแล้วจดไว้ จะได้กินอยู่ให้แข็งแรง

อีกอย่างหนึ่งที่เราตรวจประจำปีก็คือ การตรวจการทำงานของระบบหัวใจ ที่เขาเรียกว่า EKG อ่านไม่เป็น ฟังหมอเขาบอกว่า เป็นปกติดีอยู่ ก็เชื่อเขาไว้ก่อน ถ้ามีอาการเจ็บที่หัวใจ ก็ให้แมวเลียนิ้ว ก็หายได้ เพราะสมองผลิตฮอร์โมนแห่งความสุข เท่านั้นเองกับการตรวจ EKG ที่เห็นกราฟเสมอระดับก็พอจะวางใจไว้ก่อน ถ้ากังวลกับการที่หัวใจหยุดเต้นตอนนอนหลับ ก็ทำพินัยกรรมฝากใครไว้ก่อนหลับ

การติดตามการทำงานของร่างกาย ใช้หลักการแพทย์ และการบริโภคอาหารเป็นหลัก ส่วนการดำรงสภาพจิตใจ ใช้หลักการทางศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและอธิบายการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ มีอุปกรณ์ช่วยการดำรงชีวิตให้สมบูรณ์ เช่น พืชที่จะป้อนออกซิเจนในครัวเรือน สัตว์เลี้ยงที่จะจรรโลงใจ หรือมีเงินจับจ่ายซื้อหาของจำเป็นสำหรับชีวิต หรือมีบุคคลช่วยป้อนความสุขให้ชีวิตพอสมควร ถ้าไม่มีสิ่งพวกนี้ ก็อ่าน หรือ เขียน ไปพลางๆจนกว่าจะหลับและฝันดี การรับฟังเรื่องราวทางทีวี บางทีก็มีประโยชน์ต่อความรู้บางรายการรบกวนอารมณ์ก็เปลี่ยนช่อง อย่าเสียเวลา ผู้เขียนไม่รู้ว่า คนสูงอายุใช้เวลาอย่างไร เท่าที่เห็น ก็มีบางคนชอบฟังการพูดของนักพ่นซึ่งเป็นเพียงความเห็นส่วนตัว หรือดูทีวีไปเรื่อยเปื่อยไร้สาระ หรือปลูกผักผลไม้ไปตามเรื่อง ดีกว่านอนเฉยๆ

ที่น่าสนใจ คือการติดตามฟังข่าวคราวของไวรัสและโรคภัยที่กำลังระบาดอยู่ จะได้ปฏิบัติตนป้องกัน ได้รับกับความคือหน้าของการพัฒนาเซลล์ที่จะทำลายชีวิตมนุษย์ ซึ่งมีทั้ง แบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ที่น่าระวังตัว คือมลพิษในบรรยากาศ และสัตว์ร้าย ที่เริ่มหาอาหารยากเย็น จนเข้าในชุมชนเพื่อกินสัตว์เล็กว่าเช่น หมาป่า เมื่อมันเห็นเราเอาอาหารไปเลี้ยงแมวไร้บ้าน มันก็ส่งเสียงเห่าบอกว่า ฉันหิวด้วยนะ ก็ยังคิดอยู่ว่าจะช่วยได้อย่างไร ถ้าเป็นตัวโอพอสซั่มเขาจะมากินอาหารวันเว้นวัน มันยกไปกินหลังต้นไม้ทั้งถาดเลย หกระเนระนาด มันก็เก็บกินเอา ไม่ให้เสียเปล่า มีตั้งแต่ลูกตัวเล็กๆถึงแม่ตัวโต ก็ดีไปอย่างที่มันรู้วิธีหาอาหารเหมือนที่เมืองลอสแอนเจลีสแจกอาหารประชาชน โลกต้องพึ่งกัน และรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ทั้งร่างกายภายในและความปลอดภัย