สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
นางฟ้ามาเอง

สมัยผู้เขียนยังเด็กอยู่บ้านสวนที่บางซื่อ มีกิจกรรมที่โปรดปรานอยู่ 2-3 อย่าง อย่างหนึ่งคือพี่ชายคนโตให้ขี่คอเดินไปตามทางรถไฟเพื่อขึ้นรถรางต้นสายไปโรงเรียนผดุงศิษย์ ไม่อย่างนั้นผู้เขียนไม่ไปโรงเรียนแรมเดือน เพราะกลัวคนเก็บเงินในรถรางที่ไว้หนวดเฟิ้มดัดโง้งงอไปถึงข้ามแก้ม พอไปถึงโรงเรียนชั้น ป.1 ครูถามว่าหนูชื่ออะไร ชักไม่พอใจ ไม่อยากไปโรงเรียนอีก อาศัยที่ได้ขี่คอไปก็เลยยอม พอขึ้น ป.2 ได้พาสขึ้นไปเรียน ป.4 ค่อยยังชั่วหน่อย เรียนอยู่โรงเรียนเดิมเพราะใกล้บ้าน ถึงเวลาสอบไล่ประมาณเดือนมีนาคม มะม่วงแก่ได้ที่ ก็หอบหนังสือพร้อมน้ำปลาหวานขึ้นไปดูหนังสือบนต้นมะม่วง จะได้เก็บมะม่วงตามชอบใจจิ้มน้ำปลาหวานไปดูหนังสือไปจะได้ไม่ง่วง จนกระทั่งจบ ม.8 เมื่อไปสอบเอ็นทรานส์เข้ามหาวิทยาลัย ผลปรากฏว่าติด 3 มหาวิทยาลัย ก็ไปเรียนทดลองหมดทั้งสามแห่ง แห่งแรกก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นึกว่าจะได้ความรู้มาทำสวน แต่เดินได้เดือนหนึ่งจากตึกหนึ่งไปอีกตึกหนึ่งในมหาวิทยาลัยก็ไกลโขอยู่ เลยลองไปเรียนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คิดว่าคงไม่สำเร็จเพราะสบายเกินไป แถมมีเรือให้ล่องเจ้าพระยาเสียอีก เลยไปเรียนอีกแห่งเพราะชอบพระนามอันเป็นที่รักมาก เรียนไปก็ชอบใจ เพราะมีพระเจ้าอยู่หัวเสร็จไปทรงดนตรีให้ฟัง วิ่งตามรถพระที่นั่งตั้งแต่หน้าประตูมหาวิทยาลัยจนท่านเสด็จขึ้นบันไดขั้นสูงสุด ทรงตรัสประโยคแรกก็หัวเราะได้หายหอบ เรื่องนี้ประทับใจเล่ามาแล้วหลายตลบ พอเรียนจบก็ได้รับปริญญาจากพระหัตถ์อีก มีรูปถ่ายไว้ด้วยไม่รู้อยู่ไหนแล้ว ตามประสากินยาแก้ความจำเสื่อมยังไม่ได้ผล

อีกประสบการณ์ที่โปรดปรานก็คือการใช้ฟันหน้าแทะอ้อย ซึ่งตัดใหม่ๆ จากต้น ปอกเปลือกแล้วก็แทะด้วยฟันหน้า ได้ผลเลยเพราะฟันเก

อีกประสบการณ์ที่ชอบก็คือใช้ฟันรุดมะรุมที่พี่ชายเก็บมาจากต้นให้คุณแม่ทำแกงส้ม เราก็รูดมะรุมด้วยฟันหน้าจากเปลือก อะไรจะปานนั้น เพราะอร่อยและสนุก

วันดีคืนดีมาอยู่อเมริกาจนคิดว่าเป็นบ้านแล้ว เนื่องจากจัดการอะไรต่ออะไรจนสะดวกต่อการหยิบใช้ไม้สอบไปทุกอย่าง คิดว่าถ้ากลับไปอยู่เมืองไทยอีก คนแก่เกินกว่าจะสะดวกสบาย เพราะต้องไปเริ่มต้นจัดใหม่ให้เข้ามือ อยู่ไปเรื่อยๆ คิดว่าหลงลืมเสียมากกว่า ว่าอยู่ที่ไหน

วันหนึ่งมีคนเก็บมะรุมมาขายเจอกันตรงประตู เรียกว่านางฟ้ามาช่วยให้ได้แทะมะรุมแกงส้มปลาจาระเม็ดเหมือนสมัยเด็กอีก แทะไปก็คิดถึงวันที่เคยร่วมวงแทะมะรุมกับครอบครัวตอนเป็นเด็ก มีคุณแม่ซึ่งเป็นชาวเหนือปลูกต้นมะรุมไว้ที่สวน มะรุมนี่ต้องทำเป็น เขาไม่นิยมให้ปอกเปลือกด้วยวิธีฝานออก เพราะเปลือกแข็ง อาจจะหลุดไปเป็นก้างติดคอลำบากมาก จะทำอันตรายเนื้อเยื่อลำคนจนถึงกระเพาะเลยเชียว ต้องใช้วิธีครูดเอาผิวเขียวออกจนหมดเกลี้ยง แล้วล้างน้ำให้สะอาดเสียก่อนลงหม้อแกง เพราะไม่อย่างนั้นจะเหม็นเขียวจากเปลือกสีเขียวที่ครูดออกด้วยมีดใหญ่ไม่หมดจด มะรุมนี่ไม่ควรต้มจนเปลือกมะรุมเปื่อย เพราะมีสิทธิ์ที่จะกลืนเปลือกชิ้นเล็กๆ เข้าคอโดยไม่รู้ตัวก็ยุ่งอีก ธรรมชาติสร้างเปลือกไว้แข็งพอที่จะป้องกันเมล็ดซึ่งจะทำให้พันธุ์ปลูกเป็นชีวิตต่อไปได้ ฉะนั้นวิธีกินมะรุมให้อร่อยและปลอดภัยต่อสุขภาพ ต้องรู้วิธีเตรียมและต้มแค่พอดีสุกไม่ถึงกับเปลือกเละ หั่นมะรุมเป็นท่อมยาวประมาณนิ้วก้อยพอเหมาะที่จะถือเข้าปากครึ่งหนึ่งเพื่อครูดเนื้อได้แล้วกลับอีกครึ่งหนึ่งทำอย่างเดียวกัน นี่คือความสนุกของการกินแกงส้มมะรุม เมื่อเตรียมหม้อแกงให้น้ำเดือดใส่น้ำพริกแกงเผ็ดหรือแกงส้มตามประสงค์ เหยาะน้ำปลาเห็นหอมพันท้าย กระฉอกน้ำตาลปึกที่ละลายน้ำใส่ขวดไว้แล้วให้สะดวกในการเทลงหม้อแกง ผู้เขียนทำกับข้าวไม่เป็น จึงไม่สนใจสัดส่วนชั่วตวงวัด กะด้วยสายตาและคะเนเอาว่าพอดีแล้ว ก็อร่อยทุกที ข้อสำคัญก็คือใส่มะรุมลงในน้ำเดือดที่ปรุงเครื่องแกงและรสชาติแล้วเสียก่อนที่จะใส่ปลาจาระเม็ดทั้งตัว เพราะต้องการน้ำแกงให้ได้รสปลามีกระดูกซึ่งอุดมด้วยไวตามิน เวลารับประทานก็สะดวกเพราะปลาจาระเม็ดมีก้างเฉพาะตรงกลางและครีบ แกะเอาเนื้อออกสะดวกและง่ายมากกินแต่เนื้อปลาข้างบนข้างล่าง มีแต่ก้างตรงกลางกับครีบและหัวปลาทิ้งได้เลย ซดน้ำแกงอร่อยก็เพราะได้น้ำกระดูกปลานี่แหละ ให้ไวตามินบริบูรณ์ โดยเฉพาะที่เม็ดมะรุมมีแร่ธาตุที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างชีวิตใหม่ของพืชครบถ้วน การกินเม็ดมะรุมก็เสมือนการกินถั่วที่มีสารอาหารสูงพอที่จะสร้างชีวิตใหม่เช่นกัน อาหารมื้อนี้หวนคิดถึงสมัยเด็กได้ดี ความต่างของแกงเผ็ดกับแกงส้มอยู่ที่การใส่มะพร้าวผงลงไปเมื่อทุกอย่างสุกได้ที่แล้ว ก็จะเปลี่ยนแกงส้มเป็นแกงเผ็ด ถ้าเป็นแกงส้ม แทนที่จะใส่กะทิผงก็ใส่น้ำมะขามเปียกที่เขาทำขายเป็นขวดไว้แล้ว ส่งมาจากเมืองไทย ที่แล๊คซีหรือตลาดไทยทั่วไปมีขาย

นอกจากแกงมะรุมพาให้หวนถึงความหลังแล้ว เพื่อนบ้านยังให้มะระลูกใหญ่ทำให้นึกถึงแกงอ่อมมะระอีก ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าแกงอ่อมทำอย่างไรเพราะขาดประสบการณ์ในการทำอาหาร แต่ก็สามารถส่งแกงอร่อยเข้าสู่ปากได้ภายใน 5 นาที เริ่มต้นที่ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดในน้ำเดือด ปรุงด้วยน้ำปลา น้ำตาลปึกละลายไว้แล้ว ผ่ามะระออกเป็น 2 ซีก ใช้ช้อนชาฝานเม็ดตรงกลางทิ้งไป หั่นมะระหนาครึ่งนิ้วลงหม้อแกงที่น้ำกำลังเดือด หั่นหมูที่แช่แข็งไว้รอให้นิ่มพอหั่นได้ลงไปในหม้อ กะว่าหมูเปื่อย เป็นอันพร้อมเสิร์ฟ

ตอนนี้กำลังฮิตแกงเผ็ดแกงส้ม เพราะทำง่ายซดง่ายรวดเร็ว เหมาะกับฤดูร้อน มีอีกอย่างหนึ่งคือแกงเผ็ดเนื้อใส่มะเขือยาว ก็แบบเดียวกัน แต่ว่าเกี่ยงที่เม็ดมะเขือมีมากเกินกว่าเนื้อ ผู้เขียนเลี่ยงการกินเมล็ดผักผลไม้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดในของมะเขือเทศหรือมะเขือแกง ถ้าสามารถเลี่ยงเม็ดได้ก็กินอาหารอย่างมีความสุข ไม่ต้องสังหรณ์ว่าอาการปวดท้องนี่มาจากเมล็ดอะไรหลุดเข้าไปในไส้ติ่งหรือเปล่า ถ้าเลี่ยงได้ก็ไม่ควรกินเมล็ดใดๆทั้งสิ้น เพื่อความสบายใจว่าอาการปวดท้องไม่สาหัสสากรรจ์ พอจะกินยาตราตกเบ็ดคุมได้อยู่ ไม่ถึงกับต้องพึ่งโรงพยาบาล เพราะการกินอยู่ให้ขายหน้าแพทย์ เดี๋ยวจะหาว่ากินไม่เลือก