สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
พลังในการบำบัด

โลกเรามีพลังอยู่ คือ

1.พลังโน้มถ่วง Gravity Force

2.พลังแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Force) ซึ่งมี 2 ชนิด คือ ก.Static electricity (ไฟฟ้าสถิตย์) ข.Electricity (ไฟฟ้ากระแส)

3.พลังนิวเคลียร์สูง (Strong Nuclear Force) ซึ่งสามารถดึง ประจุไฟฟ้าบวก กับ ประจุไฟฟ้าลบ ไว้ด้วยกัน

4.พลังนิวเคลียร์ต่ำ (Week Nuclear Force) ไม่ดึงประจุ แต่สร้างการเสื่อมสภาพของสสารเรียกว่า Beta decay โดยปล่อยประจุอิเลคตรอนผ่าน Boson โดยใช้ Photon วิ่งผ่านนิวเคลียร์สูงด้วย Photon และ Gluon

ไม่ต้องเวียนเศียรกับศัพท์นี้ดอกนะ เพราะถ้า มร.อีลอน มัสค์ สามารถส่งดาวเทียม 12,000 ดวงไปสู่อวกาศได้ ทำไม่เราจะไม่เข้าใจ เพียงเข้าใจว่า พลังจักรวาล ประกอบด้วย microcosmic + wave + brain พูดอย่างภาษาไทยเราก็คือ พลังจักรวาลประกอบด้วย อนุภาคคอสมิค ทำงานด้วยคลื่นไฟฟ้ากับสมอง

ถ้ามีข้อบกพร่องประการใดๆ จากการทำงานของ สมอง และอนุภาคอื่นๆ จะก่อให้เกิดโรคที่เรียกว่าความผิดปกติของการเรียนรู้ด้วยความตั้งใจ (Attention Deficiency Disorder) ซึ่งแยกไว้ดังนี้

1.ทำไม่สำเร็จ (Lack Dopamine)

2.ขาดความเอาใจใส่ (Inattentive)

3.ใจจดจ่อมากไป (Over focusing)

4.ไม่สนใจเรียนรู้ Temporal lobe ADD (Learning Disorder)

5.ขาดความกระตือรือร้น หลบตัว Limbic ADD (Middle) เรียกว่า flight

6.ความสับสนวนเวียน Ring of Fire : แสดงออกเกินขนาด Over reacting, Bi-polar

7.ความกระสับกระส่าย Anxious ADD ตื่นเต้นเกินขนาดเมื่อพูดท่ามกลางชุมชน มีอาการปวดหัวรุนแรง

การทำงานของสมอง ประกอบด้วยส่วนกลางที่ทำหน้าที่ติดต่อกันระหว่างสมองส่วนหน้า (Cerebrum) และสมองส่วนท้าย (Cerebellum) กับ แกนสมองไปสู่สันหลัง (Brain stem) แบ่งการทำงานของสมองส่วนกะโหลกศีรษะ 8 คู่ กับส่งสัญญาณไปสู่ส่วนอื่นอีก 12 คู่ ส่วนต่างๆนี้สามารถทำงานร่วมกันเพื่อวัตถุประสงค์ในการบำบัด โดยเราจะใช้ส่วนประกอบของพลังที่ร่างกายของเรามีอยู่ และสร้างขึ้นจากการเรียนรู้เพิ่มเติม มาประกอบกันให้แข็งแรงเพื่อการบำบัดอาการบกพร่องของสมอง ของร่างกาย ด้วยศาสตร์เรียกว่า บำบัดด้วยจักระ เราเข้าใจคำว่าจักระแล้ว ว่ากำหนดไว้ 7 จักระ ตามศูนย์รวมการทำงานแต่ละระบบ เราจะทำความเข้าใจต่อไปว่า จะนำความรู้ต่างๆมาประกอบกันเพื่อการบำบัดสิ่งที่บกพร่องได้อย่างไร

ศาสตร์การบำบัดด้วยจักระ เริ่มด้วยการสร้างพลังจากการบำเพ็ญเพียรภาวนาให้จิตมีสมาธิแน่วแน่สูงพอในการส่งพลังไปตามความตั้งใจที่จะบำบัดข้อบกพร่อง เริ่มจาก บำบัดตนเอง ต่อมาสร้างพลังสูงพอที่จะบำบัดให้คนอยู่ใกล้ หลังจากฝึกสมาธิสูงพอที่จะส่งไปบำบัดผู้อยู่ห่างตัวในระยะไกลได้

การส่งพลังในการบำบัด ต้องส่งผ่านพลังของจักรวาล คือ ไปตามกระแสจิต หรือการภาวนา มาจากการสำรวมจิตเป็นหนึ่งเดียว ไม่คิดอะไรอื่นนอกจากเป้าหมายในการบำบัดสิ่งบกพร่องของร่างกาย ผ่านพลังจักรวาล universal life energy หรือพลังแสงอาทิตย์ การบำบัดจึงไม่สามารถกระทำได้หากไม่มีแสงอาทิตย์ จึงใช้ศัพท์ในการบำบัดว่า Reiki มาจาก Rei (Ray) คือพลังของจักรวาลที่สร้างพลังชีวิตขึ้นจาก 1.Rain, 2.Mouth/Breath, 3.Prayer/Montra, 4.King ส่วนคำว่า Ki ,มาจาก คำว่า Kee หรือ Chi ในภาษาจีน หมายถึง พลังงานในกายจาก ลมหายใจ พลังชีวิต และ พลังแรงกาย

พลังจักรวาล ที่เรารู้จักด้วยศัพท์ว่า Universal Energy and light เราได้รับพลังมาจากดวงอาทิตย์เพียงแหล่งเดียวเท่านั้น เราเห็น 7 สีรุ้งจาก 35% ของแสงอาทิตย์ นอกนั้นเรามองไม่เห็น เราเรียกว่ามันเป็นคลื่นสั้นและคลื่นยาว ที่เรามองเห็นผ่านแก้วปริซึ่มเป็น 7 สี หรือเวลาเราฉีดน้ำรดน้ำต้นไม้ปรากฎสีรุ้งจากกระแสน้ำผ่านบรรยากาศ ที่เราวัดความเร็วด้วยหน่วยนาโนมิเตอร์ ออกมาเป็นคอสมิคเรย์ ระหว่าง 0-100 นาโนมิเตอร์ ถัดไปเป็นเอกซเรย์ ระหว่าง 100-200 อุลตร้าไวโอเลตซี 200-300 อุลตร้าไวโอเลตบี 300-400 อุลตร้าไวโอเลตเอ 400-500 ถัดไปเป็นรังสีโซล่าร์ 450-500 ถัดไปเป็นสีรุ้ง 7 สีมีหน่วยวัดที่ 500-700 ถัดไปเป็นอินฟราเรด 700-800 หน่วยวัดของเรดาร์ วิทยุเอฟเอ็มและทีวี กับวิทยุเอเอ็มเป็นคลื่นยาววัดตามการใช้งาน

จะเห็นได้ว่า การส่งพลังจิตเพื่อการบำบัดด้วยจักระสามารถผ่านคลื่นแสงได้ทั่วโลกตราบที่มีแสง การบำบัดจึงจะเป็นไปได้ การบำบัดต้องใช้แสงเป็นตัวประกอบ จึงเรียกว่า Reiki การบำบัดด้วยจักระสามารถช่วยยอาการบกพร่องทางประสาท 7 อย่าง อาทิ 1.ขาดความตั้งใจที่จะทำงานให้สำเร็จ 2.ขาดความพยายาม 3.ใจจดจ่อเกินควร 4.การเรียนบกพร่อง 5.ขาดความกระตือรือร้น 6.แสดงออกเกินขอบเขต 7.กระวนกระวาย หรือตื่นเต้นเกินขนาดเมื่อต้องออกพูดในที่สาธารณะ หรือปวดศีรษะเกินเหตุ

คำว่าเร็คคี้ หรือ Reiki จากต้นศัพท์ คำว่า แสงอาทิตย์ Ray และ Ki ต้นศัพท์คือ Chee หมายถึงการเปิดจักระเพื่อให้การทำงานของ 10 ระบบของร่างกายประสานงานกันอย่างเรียบร้อยราบรื่น ส่งผลให้ร่างกายไม่มีการเจ็บป่วย ฉะนั้น การบำบัดด้วยจักระ คือ ส่งจิตไปสู่ความบกพร่องของระบบ ให้ทำงานดีขึ้น โรคหรือความไม่สบายจะได้สลายไปด้วยพลังจิตที่ส่งไปบำบัด แปลว่า Healing with Reiki : Healing quick energy, Stamina, Good muscle tone เพราะพลังเร็คคี้เป็นพลังที่มีอยู่ในบรรยากาศ มีความสามารถในการผ่านพลังในตัวเอง เพื่อปรับภาวะความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของ 10 ระบบทั่วร่างกาย

เบื้องต้น เราเข้าใจแล้วว่า 10 ระบบของร่างกายประสานงานกัน ถ้าพบว่ามีการบกพร่องที่ระบบใด อวัยวะใดบกพร่อง ก็ส่งจิตไปสู่การทำงานของอวัยวะนั้น เพื่อให้ระบบประสานงานดีขึ้น ทั้งนี้ เรารู้ว่า ระบบต่างๆ ได้รับการส่งเสริมจากการบริโภคอาหาร ระบบการย่อยส่งไปเลี้ยงเซลล์ ระบบการพักผ่อนต้องให้เวลาพอเพียงในการทำงานเสริมร่างกายให้สมบูรณ์ จิตใจเป็นส่วนสำคัญให้ระบบต่างๆราบรื่น การทำงานของระบบสมองจึงเป็นส่วนสำคัญ ในการบำบัดด้วยเร็คคี้ อาหารครบทุกหมู่ การพักผ่อนเต็มตามที่ร่างกายต้องการ มีการออกกำลังกายและกล้ามเนื้อทุกส่วนสม่ำเสมอ มีการหย่อนอารมณ์ให้คลายความเครียด เหล่านี้เป็นปัจจัยส่งเสริมการบำบัดด้วยจักระ