เราไม่รู้ว่ายอดรักโคโรน่าจะพิศวาสใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าตอนนี้มันชักจะรักมนุษย์มากเกินไป เอาชีวิตมนุษย์ไปสวรรค์มากขึ้นทุกวัน อย่ากระนั้นเลย เรามามองที่การกิน อยู่ หลับ นอน ของเรา อย่าให้ยอดรักโคโรน่ามาใกล้ชิดกับเราดีกว่า ให้มันไปอยู่นอกเมืองกับค้างคาวแล้วกัน นี่พูดด้วยความแค้นดอกนะ เพราะมันชักจะเหิมเกริมมากเกินไปเสียแล้ว อย่าแบ่งโอกาสการกิน อยู่ หลับ นอนให้เจ้าตัวร้ายนี่เด็ดขาด

เริ่มต้นจากการกิน ทุกมื้อควรได้รับไวตามินซีเพื่อป้องกันเซลล์มิให้สูญเสียความชื้นหรือน้ำ โดยนัยนี้ต้องทำให้เซลล์แข็งแรง สามารถจะป้องกันโรคได้ หลักทางแพทย์ของจีนแนะนำให้กินส้มวันละ 3 ผล การที่เซลล์แข็งแรง มีน้ำหล่อเลี้ยงสมบูรณ์ ส่งผลให้การติดต่อสื่อสารเพื่อการทำงานภายในเซลล์สมบูรณ์ไปด้วย เรียกว่าไม่ยอมแพ้สิ่งแปลกปลอมเข้าไปทำอันตรายการทำงานภายในของเซลล์ได้ อย่างน้อยที่สุด ไร้อาการเป็นหวัดน้ำมูกไหล เพราะร่างกายต้องการกำจัดสิ่งแปลกปลอม ซึ่งเป็นอาการส่อเบื้องต้นว่า ร่างกายกำลังมีเชื้อโรคแล้วนะ มีอะไรเป็นภูมิต้านทานพอเพียงหรือไม่ต่อสิ่งที่มาจากแบคทีเรียและไวรัส ไวตามินซีช่วยป้องกันโรคได้ ทำให้เซลล์แข็งแรง มีอยู่ในธรรมชาติ ทั้งจากพืชผัก และผลไม้ โดยเฉพาะประเภทส้ม กินให้มากเข้าไว้ ควรกินอาหารที่ประกอบด้วยของพวกนี้ประมาณ 70 % นั่นคือ กินสลัด ก่อนกินเนื้อ กินแป้งและจบด้วยกินอาหารประเภทไวตามินซี เช่นส้มหลังอาหารทุกมื้อ จะได้ไวตามินซีพอเพียงต่อเซลล์ที่จะป้องกันเชื้อโรคและไวรัสมิให้มีโอกาสทำลายการทำงานของเซลล์ได้ อย่างน้อยก็ต่อต้านหวัด สำหรับยอดรักไวรัสโคโรน่านั้นร่างกายอาจยังไม่รู้จัก และเล็กมาก มากับบรรยากาศที่เราหลีกกายหายใจเอาเข้าไปลำบาก เราก็ต้องป้องกันไว้ก่อนด้วยการมีภูมิต้านทานอยู่ภายในเซลล์ ได้ข่าวว่าหน้ากากที่สวมปิดจมูกกำลังขาดตลาด ในเมืองไทยขึ้นราคา ทางที่ดีก็คือใช้ผ้าฝ้ายใยโปร่งที่เชื้อไวรัสติดร่างแหอยู่ข้างนอก แต่เราสามารถหายใจออกเพื่อให้คาร์บอนไดออกไซด์ไปเสียได้ ไม่หายใจกลับเข้าร่างกายอีก เพราะติดอยู่ภายในหน้ากากทั่วไปที่สวมปิดจมูกกันอยู่

เครื่องดื่มหลังอาหาร มีให้เลือกหลายอย่าง แล้วแต่ปากและใจอยากดื่มชนิดไหน เริ่มต้นจากน้ำขวดที่มีขายในตลาด เช่นน้ำเนสเล่ย์ผลิตจากระบบกลั่น ไวรัสหรือแบคทีเรียไม่รอดชีวิตแน่นอน บางทีเขากรองด้วยระบบ reverse osmosis คงกรองหลายชั้น แล้วเติมสารที่เป็นประโยชน์ต่อกระดูกเช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และโซเดียม ดีกว่าน้ำตามท่อที่เติมสารตะกั่วเพื่อป้องกันท่อระเบิด แต่เป็นอันตรายต่อร่างกายเพราะสารตะกั่วเป็นโลหะหนัก เราจะเห็นเคลือบที่หม้อทองแดงเวลาต้มน้ำเป็นฝ้าสีขาว

ถ้าอยากดื่มอะไรที่ออกรสชาติหลังอาหาร มีให้เลือก และทำเองได้หลายวิธี จากชาไทย ทำเป็นสองวิธีคือ ดื่มแบบชาไม่ใส่นมใส่น้ำตาล เพียงใส่ขวดน้ำไว้ดื่มหลังอาหาร หรือแช่ตู้เย็นไว้ติดตัวเวลาอากาศร้อน หรือเมื่อต้องการน้ำชาเย็นๆ จากตู้เย็น หรือเมื่อต้องการปรุงให้เป็นชาไทยออกรสหวาน เริ่มต้นด้วยการซื้อเป็นถุงชื่อ “ชาไทย” ใส่ขวดแก้วเก็บไว้ เวลาชงก็ใช้น้ำกลั่นเข้าไมโครเวฟให้ร้อนสัก 1-2 นาที แล้วเอาชาไทยประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ห่อด้วยกระดาษกรองกาแฟยี่ห้อ Mr.Coffee กล่องละ 50 ฟิลเตอร์หรือกระดาษกรอง 50 ชิ้น ผูกห่อเพื่อแช่ในน้ำร้อนจนได้ความเข้มหรือสีที่พอใจ ว่าอ่อนหรือแก่แค่ไหนแล้วแต่ชอบ ถ้าจะทำชาเย็นชนิดหวานก็เติมนม กับน้ำตาลปึกที่ละลายใส่ขวดแก้วไว้ พอให้รสชาติถูกใจไม่หวานมาก กะว่าไม่ต้องเติมน้ำแข็ง เพราะใส่ตู้เย็น จะได้ดื่มจากขวดชาเย็นได้เลย ถ้าทานแบบนี้ ก็ใส่ขวดแช่ตู้เย็นไว้ดื่มได้ทันทีที่ต้องการ มีประโยชน์จากพืชสมุนไพรที่มีส่วนดีหลายอย่าง และรู้สึกว่าจะป้องกันเจ้ายอดรักไวรัสโคโรน่าได้นะ เพราะมีสารธรรมชาติที่กระตุ้นการทำงานของเซลล์ ที่มีระบบ exosomes คอยเป็นสายลับว่ามีอะไรแปลกปลอมอยู่ในร่างกายหรือเปล่า มันจะบอกให้ระบบ antibody ช่วยทำงาน หวังว่าสารในชาไทยจะเป็นตัวช่วยให้ระบบป้องกันแข็งแรงขึ้น ดีกว่าดื่มน้ำธรรมชาติที่ไม่มีสมุนไพร น้ำสมุนไพรอีกอย่างหนึ่งคือน้ำใบย่านางที่คั้นสด

หลังจากเรื่องการกิน มาพิจารณาเรื่องการอยู่ สถานที่อยู่อาศัย ควรปลอดโรคและแมลง เก็บของออกจากหิ้งและตู้ หลังฉีดสเปรย์ยากำจัดแมลงก็เช็ดถูปัดกวาด ให้สะอาดไร้ฝุ่นและคราบไข่แมลง ซักผ้าเครื่องนอนจะช่วยให้รู้สึกถึงกลิ่นความสะอาด เมื่อเวลานอนจะเพิ่มความสุข ก่อนนอนหลับ หมายถึงครึ่งชั่วโมงหลังกินอาหาร เป็นเวลาที่ง่วง ควรหลับได้จะดีมาก ก่อนนอนก็นวดจากโคนข้อมือถึงปลายนิ้วทุกนิ้ว แล้วกดที่จุดกลางมือระหว่างเส้นหัวใจกับเส้นปัญญา หายใจลึกเข้าสู่ท้องนับถึงแปดก่อนหายใจออก ทำการหายใจลึกนี้ซ้ำสามครั้งหลังจากนวดด้วยหัวแม่มือจากข้อมือถึงปลายนิ้วทุกนิ้วแล้ว ทำเช่นนี้ ทั้งสองมือ แล้วนวดริมนิ้วมือ คือใช้หัวแม่มือกับนิ้วชี้นวดสองข้างของนิ้วทุกนิ้ว เพื่อผ่อนคลายความระบมจากการใช้มือ นอกจากนี้ อาจนวดเท้าทั้งสองข้างเช่นเดียวกัน คือใช้หัวแม่มือกดจากฐานเส้นเท้าสู่ปลายนิ้วเท้าทุกนิ้ว

เราทดแทนการใช้ร่างกายทำงานตลอดวันด้วยการกิน การอยู่ ถึงเวลาพักผ่อนนอนหลับก็มีความสำคัญ หลังจากนวดมือทั้งสองข้าง จะช่วยให้หลับสนิทและหลับยาวเต็มอิ่ม ก่อนหลับก็สวดมนต์ชินบัญชรสักหนึ่งจบ จะช่วยให้จิตเป็นสมาธิ ขณะหลับจิตนิ่ง หลับเร็วยิ่งขึ้น

การนอนก็มีส่วนสำคัญต่อชีวิต เพราะร่างกายคนไม่เหมือนกัน ได้กล่าวถึงเตียงนอนแล้วว่า ผู้เขียนนิยมเตียงไม้บุด้วยเครื่องนอนช่วยให้นุ่มเล็กน้อย ไม่ใช้สปริง บุด้วยผ้าปูที่นอนด้วยผ้าฝ้ายนุ่นนอนสบายไม่อบความร้อน ห่มด้วยฝ้ายอีกจะดีที่สุดกับการปรับอุณหภูมิระหว่างหลับ อย่าลืมว่า เรากำลังเตรียมร่างกายให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้ยอดรักโคโรน่ามาพิศวาสอาศัยอยู่ หรือถึงกับให้มันแย่งชีวิตของเราไป พวกนี้ร้ายมาก พอมันเข้าไปทางลมหายใจ สู่ปอด ไม่สามารถกรองโลหิตให้บริสุทธิ์ได้ สมองก็ปั่นป่วน ทำงานสื่อสารไม่ได้ ชีวิตก็เอวังด้วยประการง่ายๆ คือ กิน อยู่ หลับนอน ไม่เอื้ออำนวยให้เซลล์แข็งแรง สุขภาพร่างกายจะไม่สามารถทำลายไวรัสหรือแบคทีเรียได้ ฉะนั้น จะกินอะไร จะใช้ชีวิตอย่างไร จะอยู่อย่างไร จะแข็งแรงหรือไม่ คือปัจจัยของการปลอดไวรัสทั้งปวง คนที่เป็นโรคไวรัสโคโรน่าทั้งๆที่ไม่ได้เดินทางติดต่อกับใคร สงสัยว่าโลกหมุนเอาบรรยากาศที่มีไวรัสปะปนอยู่ไปทั่วพิภพของโลกใบนี้แน่ๆ อยู่ที่ว่า เราจะสามารถทำลายมันในตัวของเราได้หรือไม่ จากการกิน อยู่ หลับนอน ที่เอื้ออำนวยให้ร่างกายสร้าง exosomes เพื่อบอกระบบคุ้มกันให้ทำลายมันได้อย่างไร

ร่างกายของเรามีระบบลมปราณ ใช้ให้เป็นประโยชน์ เริ่มจากทำสมาธิ ขณะเดิน เหยียบลงไปบนดินให้รับพลังจากดิน เข้าสู่ระบบลมปราณ ซึ่งมีเส้น Hara เดินจากเท้าสู่กระหม่อม และระบบหมุนเวียนกลับ พาพลังลมปราณจากกระหม่อมสู่ฝ่าเท้าลงสู่ดิน เพื่อรับพลังจากสวรรค์เข้าสู่ร่างกาย สร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกาย อย่าปล่อยจิตให้คิดทำลายสิ่งรอบตัว ทั้งคนอื่น สัตว์ และพืช แล้วจิตจะบริสุทธิ์เพียงพอที่จะสร้างพลังลมปราณหมุนเวียนทั่วร่างกาย เมื่อร่างกายต้องการสร้างภูมิคุ้มกัน มันจะช่วยกันทำงานทุกระบบ แต่ถ้าไม่รู้จักพื้นฐานเบื้องแรก ของจิตเมตตา เรียกว่าฐานไม่มี จะเอาอะไรมาสร้างความบริสุทธิ์ให้จิตเพื่อสร้างพลัง ลมปราณได้เล่า คิดแต่บัดนี้ เรื่องง่ายๆ มาจากภายในจิต และร่างกายของเราเอง ถ้าได้ข่าวว่าผู้เขียนเลิกส่งบทความ อาจแพ้ต่อเจ้ายอดรักโคโรน่าเมื่อไรก็ได้ ชีวิตมันบ่แน่ดอกนาย