สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
ตายแล้วไปไหน

เราจะไม่อ้างอิงคำตอบจากศาสนา แต่จะพูดกันเรื่องจริง ที่ผู้เขียนประสบมาด้วยตนเอง ตอนเป็นเด็กสมัยอายุประมาณ 11-12 ปี อยู่บ้านสวนริมทางรถไฟสถานีบางซื้อ รางรถไฟจะอยู่สูงกว่าระดับดินที่เป็นสวนมะม่วงมาก บ้านสวนก็ต้องปลูกยกพื้นสูงจากพื้นดินประมาณ 1 ชั้น เอาไว้ตั้งคอกให้ไก่นอน ตอนเช้าพี่ชายเอาผู้เขียนขี่คอเดินตามทางรถไฟเพื่อไปขึ้นรถรางต้นทาง ไปโรงเรียนสตรีผดุงศิษย์พิทยา เขาแยกโรงเรียนสำหรับเด็กชายอีกแห่งหนึ่งเรียกว่า โรงเรียนผดุงศิษย์พิทยา พี่ชาย 3 คนก็เรียนที่นั่น ผู้เขียนเรียนจนจบมัธยม 8 สอบติด 3 มหาวิทยาลัย ไปเรียน ม.เกษตร ก็เดินระหว่างตึกไม่ไหว เพราะไกลกันมาก ไปเรียนธรรมศาสตร์ก็คิดว่าคงไม่จบแน่เพราะล่องเจ้าพระยาสนุก เลยไปเรียนจุฬา ระหว่างนั่งดูหนังสือเตรียมสอบเลือกคณะ มีเด็กผู้ชายมาถามคำถาม เขาตอบว่าอย่างนี้เรียนถาปัดไม่ได้หรอก เพราะตอนนั้นพี่ชายคนกลางไปเรียนเพาะช่างเราก็ชอบวาดรูปตามเขาไปด้วยก็นึกว่าจะเรียนสถาปัตย์ เมื่อเขาให้ข้อคิดเช่นนั้นก็เลยเรียนคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เมื่อจบปริญญาตรีแล้วจะเรียนต่อโทก็พอดีมาอเมริกา ได้รับทุนการศึกษาต่อโททางคณะเรียกว่า School of Health and Human Services ที่ California State University of Long Beach จะเรียนต่อปริญญาเอกสาขาเดียวกันเพราะได้ทุนเรียนต่อ ดร.เจริญ คันธวงศ์บอกว่า อย่าไปเรียนเลย คงไม่ได้ใช้ประโยชน์หรอก ผมนี่เบื่อเรียน ก็เลยย้ายจาก Westminster มาอยู่ทางเหนือขึ้นไป อยู่ใกล้วัดไทยลอสแอนเจลีส ก็ไปนอนค้างคืนที่กุฏิ 3 พอตี 4 ท่านพระอาจารย์ไพบูลย์ นิสัยสุตานุยุติ จากจังหวัดนครสวรรค์จะลงกุฏิมาสอนวิปัสสนากรรมฐาน ท่านเก่งมาก บอกว่าจะส่งดวงแก้วมาให้ผู้เขียนระหว่างสมาธิ รับให้ได้นะโยม เราก็เห็นดวงแก้วสีเงินส่งประกายระยิบระยับพุ่งขึ้นสูงที่ดวงตาข้างซ้าย ดวงแก้วสีทองพุ่งประกายขึ้นสูงที่ดวงตาข้างขวา ตรงกลางระหว่างดวงตาทั้งสอง ปรากฏองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กำลังทรงพระดำเนิน ชายพระจีวรโบกพริ้วตามสายลม ทราบตามตำนานภายหลังว่าพระองค์จะเสด็จโปรดสัตว์ที่โลก นรก ยามหนึ่งคือ 3 ทุ่ม ยามสองเสด็จโปรดที่สวรรค์ ยามสามคือเวลาตี 4 เสด็จทรงโปรดโลกมนุษย์ นั่งคือเวลาตีสี่ ที่พระอาจารย์ไพบูลย์ทรงมาที่กุฏิ 3 เพื่อสอนสมาธิ และส่งดวงแก้วมาให้ทางสมาธิ และผู้เขียนได้ประสบการณ์เห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทางพระดำเนินอยู่ในสมาธิ นั่นคือคำตอบของหัวเรื่องนี้ที่ว่าตายแล้วไปไหน

พี่เขยของผู้เขียนมีคนเดียวเพราะมีพี่สาวหัวปีคนเดียว หลานสาวโทรมาบอกว่าแม่ติดโควิด และสามีของหลานสาวที่ดูแลเธอก็ติดโควิด หลานสาวก็ติดโควิด คือติดหมดทั้งบ้าน จากนั้นก็ไม่ได้รับโทรศัพท์จากเธออีกเพราะถูกตัดสาย ที่เล่าเรื่องนี้ เพราะต้องการต่อเรื่องว่าตายแล้วไปไหน เรื่องมีอยู่ว่า พี่เขยของผู้เขียนเป็นทหารไปซ้อมรบที่ภาคอิสานแล้วรถจิ๊บคว่ำเสียชีวิตตรงทางโค้งตอน 4 โมงเย็น มีทหารมาส่งข่าวให้ที่บ้านที่บางซื่อรู้ ผู้เขียนนอนอยู่กับแม่มุ้งเดียวกัน พอตี 4 หลานสาวก็กระโจนมาที่มุ้งบอกว่า สามีของเธอมาเข้าฝันว่า เขาตายแล้วและเป็นห่วงภรรยาจะอยู่คนเดียวกำลังท้องได้ 3 เดือน ก็อยากเอาไปอยู่ด้วย พร้อมกับเอามือมาบีบคอ พี่สาวตกใจตื่น อ้าวพี่ตายไปแล้วนี่ มีทหารมาส่งข่าวเมื่อตอน 1 ทุ่มและเอาแหวนของสามีมาส่งมอบให้กับภรรยาพร้อมของส่วนตัว นี่คือคำตอบที่มาของหัวข้อเรื่องนี้ว่า ตายแล้วไปไหน นั่นคือจิตสำนึกตอนตายจะบงการ หลังจากพี่สาวคลอดบุตรออกมา ก็ปรากฏว่าพูดจาฉลาดราวกับผู้ใหญ่ ผู้เขียนยังนึกในใจเลยว่าสงสัยพี่เขยจะมาเข้าท้องเกิดเป็นลูกมั๊ง แต่ก็ไม่ได้พูดกับใคร เพียงแต่คิดเอาเอง และอาจจะเป็นข้อคิดให้เกิดหัวข้อเรื่องนี้ก็ได้ วิญญาณของคนเราไปตามบงการของจิต

ย้อนมาเรื่องที่ผู้เขียนกำลังทำสมาธิกับพระอาจารย์ไพบูลย์ นิสัยสุตานุยุติ เมื่อท่านบอกว่าจะส่งดวงแก้วมาให้ทางสมาธิ รับให้ได้นะโยม แล้วผู้เขียนปรากฏเห็นองค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้าทรงพระดำเนินอยู่ในวาระที่กำลังสมาธิอยู่นั้น มิใช้ความคิดคำนึง แต่เป็นภาพปรากฎที่เป็นไปตามจริงขณะนั้น เพราะพระบาททรงย่างก้าว พระหัตถ์ทรงเคลื่อนตามจังหวะพระบาท และชายพระจีวรก็โบกพลิ้วตามสายลม และตามตำนานกล่าวว่า ยามหนึ่งคือสามทุ่ม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเข้าเสด็จโปรดนรก ยามสองคือหกทุ่มเสด็จโปรดสวรรค์ ยามสาม คือตีสี่ ทรงเสด็จมายังโลกมนุษย์ นั่นคือเวลาที่ พระอาจารย์ไพบูลย์ กำหนดเวลาให้ศิษย์เข้าชั้นเรียนสมาธิเวลาตีสี่ คือยามสามนั่นเอง ทุกอย่างได้กำหนดไว้อย่างมีหลักการ และปรากฏว่ามีผู้เขียนคนเดียวที่เข้าชั้นเรียนสมาธิวันนั้น ก่อนเรียนตอนหัวค่ำ ผู้เขียนก็เอาอาหารไปเลี้ยงแมวแถวกุฏิทุกครั้งที่ไป และเมื่อวัดไทยเสร็จงานและปลดพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จากการประดับที่เวที เขาก็ยกให้ผู้เขียนมาไว้บูชาหนึ่งภาพ นับว่า เป็นภาพที่ย้อนความทรงจำของผู้เขียนที่ได้รับปริญญาจากพระหัตถ์ของท่านครั้งหนึ่งในชีวิต หลังจากนั่นเขาก็เลิกประเพณีนี้เสีย เพราะต้องทรงงานยื่นปริญญานับพันครั้ง ให้นิสิตที่จบการศึกษาแต่ละปี

ย้อนมาถึงหัวเรื่องนี้ หลังจากที่พี่สาวของผู้เขียนกระโจนมาที่มุ่งที่ผู้เขียนนอนอยู่กับแม่เพราะตกใจตื่นที่สามีของเธอมาเข้าฝันว่าเขาเป็นห่วงเธอที่กำลังตั้งครรภ์และต้องเลี้ยงลูกคนเดียว ก็จะมาเอาเธอไปอยู่ด้วยกัน แล้วก็บีบคอเธอ ทำให้เธอตกใจตื่น เพราะนึกออกว่าเมื่อค่ำนี้มีทหารเอาของใช้ส่วนตัวของพี่เขยมาส่งคืนให้เธอแสดงว่าพี่ตายแล้วนี่

หลังจากพี่สาวคลอดบุตรสาวออกมา เป็นคนฉลาดเฉลียว พูดจาราวกับผู้ใหญ่ ผู้เขียนคิดเอาเองว่า นี่คงเป็นพี่เขยมาเข้าท้องพี่สาว เด็กถึงพูดจาราวกับผู้ใหญ่ จะเป็นไปได้หรือไม่ ก็คงเป็นคำตอบของหัวข้อเรื่องนี้ นี่ก็ภาวนาขอให้รอดปลอดภัยจากโรคร้ายที่คุมคามประเทศไทยอยู่ คิดว่าประเทศไทยคงจะรู้วิธีให้โรงพยาบาลช่วยประชาชนให้รอดพ้นจากโควิดได้ เพราะวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ทันสมัยอยู่ และหลานสาวก็เรียนพอจะรู้วิธีเอาตัวรอดได้ ที่สงสัยอยู่ก็คือพี่เขยเมื่อตายแล้วมาเกิดในท้องภรรยาได้หรือไม่ นั่นคือข้อคิดว่า ตายแล้วไปไหน

ระหว่างยังมีชีวิตอยู่ ก็บำรุงร่างกายและจิตพร้อมกัน บำรุงด้วยออกซิเจนให้สมบูรณ์ ร่างกายของคนเราจะเปลี่ยนเป็นเซลล์มะเร็งไม่ได้ตราบใดที่เซลล์หายใจเอาออกซิเจนเข้าไปพอเพียง เขาทำโดยปลูกถั่วเหลืองในภาวะที่กำลังงอก แล้วป้อนโอโซนเข้าไปในปริมาณที่ควบคุมไว้ ต้นถั่วงอกจะสร้าง Dismutase เพื่อป้องกันตัวเองจากภาวะโอโซน สาร Dismutase อุดมไปด้วย Genistein เสมือนการป้อนออกซิเจนเข้าไปในอาหาร และช่วยให้เซลล์หายใจเอาออกซิเจนเข้าไปมากขึ้น ป้องกันเซลล์มะเร็งมิให้เกิดและเติบโตได้ นอกจากนี้มีสารโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ซึ่งได้มาจากกรดไขมันในปลา ช่วยต่อต้านการก่อตัวของเนื้องอก อันตรายและเซลล์มะเร็ง โดยระงับการสร้างทางเดินเลือดใหม่ (angiogenesis) ทำหน้าที่เช่นเดียวกับสาร N-acetyl cysteine (NAC) ซึ่งมีส่วนประกอบของซัลเฟอร์สกัดได้จากกระเทียมและหัวหอม สมุนไพรอีกอย่างหนึ่งก็คือ Curcumin ซึ่งได้มาจากสมุนไพรของอินเดียชื่อ Turmeric ซึ่งรู้จักกันดีในวงการแพทย์ในฐานะสารฆ่ามะเร็ง Chemotherapy agent อาหารเสริมมีสารไบโอฟลาโวนอยส์ ผลิตจากผัก ผลไม้สีสด ช่วยต่อต้านสารศัตรูอิสระ เช่นเดียวกับไวตามิน เอ ซี ดี อี และสารจากสมุนไพรชื่อ anthocyanins และ proanthocyanins ซึ่งจะป้องกันสายใยคอลลาเจนให้แข็งแรง และขัดขวางทางเดินของเส้นเลือดใหม่ที่จะไปเลี้ยงเนื้องอกหรือมะเร็ง สารทั้งสองนี้ พบได้ในผักสีแดง น้ำเงิน หรือม่วง เช่นกะหล่ำปลีสีม่วง รูบาร์บ ลูกพลัม องุ่น ลูกเบอรี่ ไวน์จากการหมักขององุ่น สารสกัดจากบิลเบอรี่ และสารสกัดจากเม็ดองุ่น เปลือกต้นไพน์ และลูกเบอรี่ฮอร์ทอร์น