สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
กินง่าย อยู่ง่าย

เรายอมรับกันว่า เศรษฐีอยู่ดี กินดี นอกนั้นคงจะเป็น อยู่ง่าย กินง่าย ถ้าคิดว่า เป็นเศรษฐีแล้วมีโชคเพราะกินแต่หมูเห็ดเป็ดไก่เป็นประจำ มีโคเลสเตอรอลจากสัตว์พวกนั้นมากกว่าคนไม่กิน ยกเว้นแต่เห็ดที่ดี เพราะให้ไวตามินดีสูงทำให้กระดูกแข็งแรง เศรษฐีไม่เคยถูกแดดมากนักเลยไม่ค่อยแข็งแรงกระมัง นอกจากนี้เศรษฐีมีภัยก็เพราะคนชอบจ้องแย่งทรัพย์มากกว่า ผลดีเลยลงเอยที่ความเป็นคนอยู่ง่ายกินง่าย ยกตัวอย่างง่ายๆ อยากกินปลาอย่างง่ายๆ ก็ต้องปลาแซลมอนที่เขาลอกหนังแล้ว หั่นเป็นแว่นลงหม้อแกงส้มที่ละลายน้ำพริกไว้ได้เลย รอให้น้ำกลั่นในหม้อแกงเดือดปุดๆ เสียก่อนค่อยใส่ปลาแซลมอนหั่นเป็นแว่นแล้วลงไปจะได้สุกทันทีไม่เละ สาเหตุที่ใช้น้ำกลั่นในการปรุงอาหารเพราะเลี่ยงสารตะกั่วที่เขาใส่ในน้ำประปาเพื่อป้องกันท่อน้ำแตก เวลาต้มน้ำก๊อกถึงแม้จะกรองด้วยไส้กรองของระบบบริตต้าแล้วก็ตาม เราจะเห็นแร่ตะกั่วตกตะกอนที่หม้อแก้วเป็นฝ้าขาวเพราะสารตะกั่ว ถ้าเรายังบริโภคน้ำประปาเข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีใดๆก็ตาม แร่ตะกั่วนั้นก็จะเดินทางอยู่ในร่างกายด้วย เราอยากกินง่ายมีชีวิตง่าย ก็ต้องเลี่ยงมิให้ร่างกายเจ็บป่วย ใช้น้ำกลั่นสำหรับบริโภคเข้าสู่ร่างกายไว้ก่อน แกงส้มสมัยนี้ทำง่ายๆ ไม่ต้องหาน้ำมะขามคั้นแล้ว เพราะรสชาติแค่ใส่ผักกาดขาวใส่น้ำปลาซีอิ๊วเห็ดหอมกับใส่แครนเบอรี่แทนน้ำตาลก็อร่อยได้สุขภาพดีอย่างง่ายๆ เพราะโอเมก้า 3 เป็นไขมันชนิดดีที่จะกำจัดตัวไตรกลีเซอไรด์ซึ่งเป็นส่วนผสมของไขมันร้ายซึ่งเป็นสาเหตุของไขมันอุดตันในเส้นเลือด กินแกงส้มอย่างง่ายๆ ไม่ต้องเสียเวลาคั้นมะขามเปียก ไม่ต้องซื้อน้ำมะขามเปียกก็อร่อยเพราะได้โอเมก้า 3 ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน และแครนเบอรี่เป็นผลไม้ที่ธรรมชาติมีให้ ร่างกายเราสร้างอย่างพืชไม่ได้ก็ต้องพึ่งผลไม้ทุกทาง การปรุงปลาแซลมอนที่เคยปรุงแบบทอดด้วยน้ำมันจนผิวเหลืองกรอบแล้วราดด้วยผักผัดพริกนานาชนิดนั้นลืมไปได้เลย เพราะยุ่งยากเสียเวลา เขาไม่แนะนำให้ทอดปลาแซลมอนเพราะเสียคุณค่า ก็กินแบบแกงสัมนี่แหละนอกจากนี้ปลาแซลมอนยังช่วยแก้อาการปวดเข่า เช่นเดียวกับปลาทูน่า ที่มีโอเมก้า 3 เช่นเดียวกัน วิธีทำก็ละลายน้ำแกงทำน้ำยาป่า คือไม่ใส่กะทิ สำหรับราดขนมจีน ประดับด้วยผักริมจานต่างๆ ก็ได้คุณค่าและอร่อยเหมือนกัน แมวบีบี้ของผู้เขียนต้องห่อสาหร่ายทะเลด้วยปลาทูน่าเป็นซูชิ เราก็ใช้สาหร่ายทะเลแกล้มน้ำพริกน้ำยาหรือแกล้มอาหารเพื่อให้ได้โปรตีนจากทะเล หรือเคี้ยวเล่นกรอบๆ เรียกว่ากินง่ายๆ ได้คุณค่าดีกว่า วิธีกินอะโวคาโดอย่างง่ายๆ เพราะได้ 10 ไวตามิน 12 แร่ธาตุอยู่แล้ว ก็เพียงแค่ราดน้ำพริกกะปิที่เอาแต่น้ำ ไม่ต้องราดส่วนที่เป็นกระเทียมและพริก ไม่เสียเวลาหาน้ำสลัดซึ่งบางทีขาดตลาดไม่มีที่เราชอบ น้ำสลัดยี่ห้อนิวแมนขาดตลาดอยู่เสมอ ก็ทำเองได้ด้วยน้ำผึ้งกับมัสตาร์ดที่มีอยู่เป็นซองเล็กๆแบบเป็นซอสสำหรับเติมอาหาร ก็ใช้ได้ทุกเวลาที่ต้องการ น้ำผึ้งช่วยให้นอนหลับ ทำให้สมองผ่อนคลาย ถ้ามีอาการปวดหัวก็กินน้ำมันปลา บางทีน้ำขิงก็ช่วยบำบัดอาการปวดหัวได้ วัดไทยเวลามีงานเขาแจกน้ำขิง เรียกว่าภูมิปัญญาพื้นบ้านของไทยได้คุณค่า น่ารู้ไว้บ้าง ตอนนี้อากาศเปลี่ยน ตอนกลางคืนอากาศเย็นอย่างเตรียมตัวไม่พร้อมเกิดไอไม่หาย แม้จะกินยาไทยเรียกว่ายาน้ำมะขามป้อมก็ไม่หาย เขาบอกว่าพริกแดงมีสารแคปไซซิน เขาใช้ผลิตยาแก้ไอ

ถ้าแก้ด้วยอาหารอย่างเดียวไม่พอก็ต้องให้ร่างกายได้รับการออกกำลังสร้างความร้อน เราคงเคยได้ยินคำว่า บู๊ตึ๊ง เป็นการออกกำลังกายง่ายๆสอนโดยศาสตราจารย์จางฉี ที่สอนพละศึกษาที่มหาวิทยาลัยจีน เคยออกอากาศทางโทรทัศน์โดยอาจารย์ศุภกิจ นิมมานนรเทพ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงปรับภาวะอักเสบต่างๆ เมื่อร่างกายสร้างความอบอุ่นก็สามารถปรับภาวะไข้หวัดใหญ่ให้ทุเลา แถมแก้ไขการนอนกรนได้ นอกจากนี้ ยังช่วยปรับภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ นัยว่าสามารถให้ลิ้นหัวใจแข็งแรงขึ้น แก้ภาวะไข้หวัดและหายใจหอบหืดได้ เรียกว่า เป็นภาวะสร้างความร้อนในร่างกาย สามารถช่วยให้ร่างกายบำบัดสิ่งบกพร่องได้ คือ Hemostatic ที่จะส่งผลให้ร่างกายสมดุลกับจิต และวิญญาณ ภาษาอังกฤษเรียกว่า

Mind--->Body--->Spirit--->are Hermetically sealed, Self-immunity, Relaxed, Free from pain, Carcinogen

การหายใจ คือหลักของการออกกำลังร่างกายด้วยลมปราณ สอนโดยอาจารย์คุณย่าเยาวเรศ บุนนาค ที่เมืองไทย

จังหวะที่หนึ่ง ให้ย่อตัวลงช้าๆ พร้อมเป่าลมออกทางปากช้าๆยาวๆ ย่อตัวลงประมาณ 5-6 นิ้ว อย่าย่อมาก จะทำให้ตัวโอนเอน ลำตัวต้องลงไปตรงๆ

จังหวะที่สอง ให้ยกตัวขึ้นช้าๆ พร้อมสูดลมปราณเข้าทางจมูกช้าๆ เช่นกัน ทำ 10 ครั้ง

จังหวะที่สาม ยกมือไว้ที่หัวใจ ดึงศอกซ้ายลง หายใจออก ดึกศอกขวาขึ้น หายใจเข้า ทำ 10 ครั้ง

จังหวะที่สี่ ดึกศอกซ้ายไปข้างหลัง มือยังกุมกันที่หัวใจ แล้วกลับมาที่เดิม ก่อนทำกับศอกขวา

จังหวะที่ห้า มือเท้าเอว ก้มหน้าชิดคาง หายใจออก แล้วเงยหน้าขึ้น ทำ 10 ครั้ง

จังหวะที่หก มือเกี่ยวกันตรงหน้าผาก หายใจเข้า ยกข้อศอกเฉียงขึ้น 45 องศา หายใจออก 10 ครั้ง

จังหวะที่เจ็ด มือประกบกันที่หน้าผากแล้วยกขึ้นเหนือศีรษะแนบหู หายใจเข้าเมื่อยกขึ้น ออกเมื่อยกมือลง ซ้ำ 10 ครั้ง

การที่มีเจ็ดจังหวะ เพราะต้องการออกกำลังเจ็ดจักระ ซึ่งเป็นศูนย์รวมอวัยวะที่จะส่งพลังไปยังระบบสำคัญของร่างกายทุกส่วนต่อไปเพราะประสานกับลมหายใจและการเดินทางของโลหิตด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายพร้อมกับการนำลมหายใจไปสู่เซลล์ นี่เป็นหลักง่ายๆของการรักษาสุขภาพให้อยู่ง่ายๆ และอยู่อย่างมีสุขภาพดี ไม่ต้องใช้เครื่องมืออุปกรณ์ ทำที่ใดก็ได้ผล

หรือจะใช้ท่านั่งออกกำลังก็ได้ โดยเหยียดขาขนานออกไปตรงๆ มือเท้าไว้ข้างหลัง

จังหวะที่หนึ่ง ดึงเท้าเข้าหาตัว หายใจเข้า แล้วปล่อยเท้าออกตรง หายใจออก สลับกันสองเท้า

จังหวะที่สอง จับข้อเท้าดึงเข้าหาตัวด้วยมือข้างตรงข้าม แล้วสลับกัน

จังหวะที่สาม กดเข่าลงต่ำ ในขณะที่งอเข่าเอาเท้ามาวางไว้ที่หัวเข่าอีกข้างหนึ่ง ทำสลับกัน

จังหวะที่สี่ นั่งขัดสมาธิ แขนวางไว้ที่ข้างหัวเข่า หายใจออกในขณะที่กางนิ้วออก หายใจเข้าในขณะที่กุมนิ้วเข้าหากัน ทำสลับกัน

จังหวะที่ห้า ยืนตรง ยื่นแขนตรงไปข้างหน้า หายใจเข้าเต็มที่เมื่อมือซ้ายขึ้น มือขวาลง ทำสลับกัน

จังหวะที่หก ท่ายืน พับแขนเอามือวางไว้ที่ท้ายทอย เหยียดแขนอีกข้างตรงไปข้างหน้า ทำสลับกัน

จังหวะที่เจ็ด แทนที่จะวางมือไว้หลังท้ายทอย ให้เอามือวางแตะที่ไหล่ ทำสลับกัน