สมัยก่อนตักข้าวพูนจาน มีแกงเผ็ด แกงจืด ปลาทูน้ำพริก ก็นับว่าเต็มโต๊ะ สมัยนี้จะเจริญอาหาร ต้องมีหลากรสหลายประเภท ถ้าไม่ต้องการกินข้าวอย่างเดียวที่จะให้คาร์โบไฮเดรท ก็มีถั่วเล็นทิลเม็ดบางต้มไม่ต้องปรุงรส ให้ธาตุเหล็กกับแคลเซี่ยม อร่อยกว่ากลืนแคลเซี่ยมเม็ดโตกลัวติดคอ นอกจากนี้ถั่วพินโต้เม็ดใหญ่กว่าเล็กน้อยต้มแล้วให้แร่ธาตุเหมือนกัน สารที่จะได้จากผักก็มีหลายอย่าง เช่น ยอกแอสปารากัสลอกเยื่อเหนียวแล้วผัดพอให้นุ่มเติมซอสเห็ดหอมให้มีรสชาติเค็มนิดหน่อย ให้ไวตามินสูงเพราะกำลังงอก มีไฟเบอร์แข็งแรงเพราะต้องชูก้านทะลุดินขึ้นมา นอกจากนี้ อาจปรุงแกงจืดผักรวมหลายอย่าง เช่น แซลเลอรี่ มะระ ถ้าเป็นลูกใหญ่ ก็หั่นเอาแต่เนื้อถ้าลูกเล็กก็ใส่ทั้งเม็ดด้วยจะได้สารที่สร้างกระดูกและพอเคี้ยวไหว บรัสเซลล์สเปราท์ลูกกลมถ้าจะใส่ทั้งลูกก็ต้องต้มนานเสียคุณค่า จึงผ่าครึ่ง เพื่อให้รสและแร่ธาตุของพืชออกมาในน้ำซุป นอกจากแกงจืดก็มีแกงเผ็ด แกงส้ม ที่ใช้เปลือกแตงโมร่วมปรุงด้วยเพราะสารสำคัญมีอยู่ที่เปลือกสำหรับเลี้ยงเม็ดแตงโมให้เจริญเป็นเถาไม้เลื้อยต่อไป จะเป็นสารที่สร้างความสมบูรณ์ของเซลล์ในร่างกายคนด้วย นอกจากแป้ง ก็ควรให้ความสำคัญแก่โปรตีนจากเนื้อสัตว์ไร้ไขมัน เช่น จากเนื้อ pork rib ที่ติดกับกระดูก มีแคลเซี่ยม ทอดให้ไขมันแห่งก่อนบริโภคและเยื่อเหนียวที่ติดอยู่สามารถฉีกออกจากเนื้อง่ายขึ้น จะได้ย่อยได้สะดวก

เรื่องของผลไม้ ดูเหมือนว่าจะให้สารจำเป็นต่อร่างกายครบมากกว่า เพราะพืชเตรียมสร้างชีวิตใหม่ไว้ที่ผลไม้ มีทั้งโปตัสเซี่ยม โปรตีน ฤดูนี้มีผลไม้ออกมาพร้อมกันหลายชนิด กินมื้อเดียวก็สี่ห้าอย่างแล้ว ยกตัวอย่าง

มะม่วง มีไวตามินที่ดีต่อประสาทและสมอง เช่น ไวตามินบี และไวตามินอื่นอีก 8 ชนิด เช่น ไวตามินเอ สำหรับผิว ไวตามินบี 2 สำหรับออกซิเจนไปให้เซลล์ ไวตามินบี 3 ช่วยสังเคราะห์อาหาร ป้องกันการอักเสบ ช่วยรักษาระดับน้ำในร่างกาย ป้องกันสารพิษและการระคายเคือง ทำงานร่วมกับไวตามินบีคอมเพล็กซ์ ทำให้ไม่ชรา ไวตามินบี 6 ช่วยทำให้ผิวไม่แห้งเป็นขุย ช่วยสร้างอะมิโนแอซิดหรือโปรตีนเพื่อสร้างเนื้อเยื่อและกระดูก นอกจากนี้ มะม่วงมีไวตามินบี 9 ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง สร้างเซลล์ใหม่ ช่วยให้เซลล์ทำงานเต็มความสามารถ นอกจากนี้ ถ้ามะม่วงมีรสเปรี้ยวเพราะมีไวตามินซี หรือกรดแอสคอบิค ช่วยสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินสำหรับสร้างผิว ลดความย่นของผิว ป้องกันคุ้มครองหัวใจของเซลล์หรือ ดี.เอ็น.เอ. ให้ความคุ้มครองเซลล์เพราะสร้างความชุ่มชื้น ป้องกันเซลล์มิให้เป็นมะเร็ง ทำลายศัตรูอิสระในเซลล์ นำเอาไฮโดรเจนไปสู่เซลล์ ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยดูดซืมธาตุเหล็ก ช่วยสร้างเนื้อเยื่อ รักษาแผล ป้องกันการติดเชื้อและอักเสบ นอกจากนี้ ไวตามนิอีในมะม่วง ป้องกันการสูญเสียไขมันที่ดี เช่นเดียวกับที่มีในปลาแซลมอนและพืชอื่นๆ ป้องกันหัวใจและหลอดเลือด ชะลอความชราของเซลล์ นี่เพียงแต่รายการไวตามินในมะม่วงเท่านั้น ส่วนแร่ธาตุในมะม่วง มีแมกนีเซียม ซึ่งมีส่วนสำคัญที่จะสร้างพลังงานจากอาหาร กำจัดศัตรูอิสระในเซลล์ และช่วยให้เซลล์พร้อมที่จะสร้างเซลล์ใหม่ได้ นอกจากนี้ แมกนีเซียมในมะม่วงช่วยสร้างเนื้อเยื่อในสมอง กล้ามเนื้อ กระดูก ถ้าขาดแมกนีเซี่ยมจะมีแก๊สในระบบการย่อย ไตไม่ทำงาน ทำให้เพลีย ฟอสฟอรัสในมะม่วงช่วยสร้างความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ ที่สมอง ผิว ผม เล็บ กระดูก และกล้ามเนื้อ ช่วยให้แผลหายเร็ว อีกแร่ธาตุหนึ่งในมะม่วงเรียกว่า ซิลิก้า เหมือนกับแร่ธาตุที่อยู่ตามภูเขา หากเผาด้วยอุณภูมิ 1650 องศา เซลเซียสแล้วปล่อยให้เย็นก่อนบดละเอียดทำปูนซีเมนต์ ซึ่งเมื่อเติมน้ำมันจะแข็งดุจหินอีก แร่ซิลิก้านี้ทำให้มะม่วงแข็งตอนดิบ และนุ่มตอนสุก เปลี่ยนเป็นสีเหลืองของเบต้าคาโรทีนเหมือนแครอท ซิลิก้ารวมแร่ธาตุมากมาย จึงแข็งแรงมากเมื่อใช้ก่อสร้างกำแพงหรือถนนซีเมนต์ ผู้เขียนทำงานโฆษณาปูนซีเมนต์นครหลาง 10 ปี ตั้งแต่ขึ้นภูเขาไปทำฉากระเบิดถึงการออกแบบถุงปูนซีเมนต์ตรานกอินทรี ช่วยให้บินมาอยู่อเมริกา 40 ปี เรียกว่าสรรพคุณของมะม่วงช่วยให้บินแบบนกอินทรี อีกแร่ธาตุหนึ่งในมะม่วงคือซัลเฟอร์ ที่ช่วยเชื่อมหน่วยโปรตีนที่เซลล์นำไปสร้างเป็นเนื้อเยื่อต่างๆ ตั้งแต่ สมอง กล้ามเนื้อ กระดูก สายตา เป็นการเชื่อมการทำงานของ 10 ระบบในร่างกายทั้งหมด

เพียงแค่สารในมะม่วงก็ยาวเหยียด ยังมีผลไม้อื่นที่วางบนโต๊ะอาหารทานพร้อมกันเพราะสุกได้ที่รับประทานในฤดูเดียวกัน ได้แก่ เพอร์ซิมอน สีส้มเนื้อกรอบหวานใจประจำฤดูด มีสารเบต้าคาโรทีน เช่นเดียวกับแครอท อีกอย่างหนึ่งที่ให้ไวตามินซีป้องกันร่างกายจากโคโรน่า คือ ผลส้มทั้งส้มเกลี้ยง ส้มเขียวหวาน และส้มโอเปลือกสีขาว ข้างในอาจเป็นสีม่วงหรือสีขาวแล้วแต่พันธุ์ คุณค่าทางโภชนาการคือ ไวตามินซีช่วยเสริมร่างกายในยามหน้าสิ่วหน้าขวานต่อต้านไข้หวัดใหญ่และโคโรน่าไวรัส นอกจากนี้อดซื้อไม่ได้ก็คือ พลัม เปลือกสีม่วงแกมแดง ปอกแล้วเนื้อใสอ่อนนุ่มเคี้ยวง่ายสำหรับคนสูงอายุ ไม่เหมือนกับถั่วลิสงบางทีคนบริจาคบอกว่าช่วยเอาไปกินหน่อยเพราะฟันของฉันเคี้ยวไม่ไหว แต่ความกรุปกรอบรสชาติมันน่าเคี้ยว และให้โปรตีนตามตระกูลถั่วทั่วไป พยายามกินไว้ไม่เสียแรงเคี้ยว ผลไม้ที่วางเต็มตลาดหน้านี้ เห็นทีจะผ่านองุ่นสีเขียวลูกยาว หรือสีม่วงลูกกลมไม่ได้ เพราะตอนปอกเปลือกแล้วใส่ปากเคี้ยวอร่อยคุ้มกับงานที่ต้องล้างด้วยน้ำกลั่นก่อนแล้วถึงปอกเปลือกแต่ละลูก ผลไม้อีกอย่างที่มีประจำตู้เย็นเห็นจะขาดส้มเกลี้ยงไม่ได้ เพราะปอกง่ายเข้าถึงปากรวดเร็วกว่าส้มลูกใหญ่ นี่ยังจาระไนไม่หมดถึงผลไม้วางโต๊ะอาหารหน้านี้ อีกอย่างหนึ่ง คือพุดทราจีนสีเขียวตอนดิบอยู่ เมื่อสุกจัดสีม่วง เนื้อในสีขาวรสอร่อยเคี้ยวง่าย ให้ไวตามินซี

ที่กล่าวมานี้ เพียงแต่ยกตัวอย่างจากอาหารและผลไม้หลากชนิด หลักการมีว่า พยายามกินแป้งจากหลายแหล่ง ทั้งข้าวขาว ข้าวบราวน์ เสริมคาร์โบไฮเดรทและโปรตีน ด้วยถั่วชนิดต่างๆ ต้มเปื่อยไม่เติมรสอะไร โปรตีนได้จากถั่วต่างๆด้วย นอกเหนือจาก Pork ribs ที่ติดกระดูก ทอดพอให้ไขมันละลายแห้งก่อนบริโภค จะให้ไวตามินและแร่ธาตุจำเป็นที่ร่างกายต้องการสำหรับการสร้างสารเพื่อกระดูก กล้ามเนื้อ และระบบประสาท ส่วนสารที่ได้จากผลไม้ จะเสริมไวตามินและแร่ธาตุจำเป็นสำหรับกระบวนการจำเป็นในร่างกาย เครื่องดื่ม ได้จากน้ำผักผสมต่างชนิดคั้นขายเป็นขวดสำเร็จรูป หรือน้ำผลไม้คั้น เช่นน้ำพืช น้ำองุ่น มีหลายรสให้เลือกตามใจต้องการ ของว่างขบเคี้ยวไม่จำเป็นต้องมี เพราะได้สารเพียงพอแล้ว ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรง เพียงแต่นอนหลับตรงเวลา และนอนเต็มอิ่ม 8 ชั่วโมง เพราะถ้าร่างกายยิ่งชราเพียงใด ยิ่งต้องการเวลาทำงานในร่างกายนานขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ ท้องร้องจ๊อกๆ ถามว่า อาหารมาแล้วยังจ๊ะ น้ำย่อยมารอแล้วจ้า