สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
ใครนำทางและคุ้มครองชีวิต

คุณเคยขอบคุณคนที่นำทางชีวิตและคุ้มครองให้คุณมีสวัสดิภาพและสุขภาพยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้บ้างไหม เราขอบคุณพระเจ้าถ้าอยู่ในศาสนาคริสต์ ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถ้าเป็นพุทธ ชีวิตผู้เขียนไม่มีอะไรมากตอนเด็ก ปีนต้นมะม่วงขึ้นไปดูหนังสือ เพราะง่วงไม่ได้เดี๋ยวตกต้นมะม่วง ถึงเวลาสอบวิชาเลขคิดในใจได้คะแนนเต็ม เพราะมีออกซิเจนบำรุงสมอง ถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัย ติด 3 แห่ง มีนักเรียนชายคนหนึ่งบอกว่า อย่างนี้เรียนวิศวะไม่ได้หรอก เลยเรียนคณะพาณิชย์และการบัญชีที่จุฬาลงกรณ์ ตอนนั้นสร้างอยู่นอกรั้วจามจุรี เป็นตึกสร้างใหม่ อยู่ใกล้สามย่าน มีอาหารการกินแยะ พอเรียบจบ ก็ได้งานสอนที่วิทยาลัยกรุงเทพฯ และทำหน้าที่เลขานุการให้อธิการบดีคนแรกคือ ดอกเตอร์เจริญ คันธวงศ์ ซึ่งจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ที่อเมริกา วิชาที่สอนชื่อว่า Introduction to Business เพื่อเตรียมนักศึกษาทุกคนให้รู้ว่า ตนเองสนใจจะทำอาชีพอะไรในอนาคต และเรียนรู้ทุกวิชาตั้งแต่ต้น เช่นการจัดการบุคคล การบริหารการเงิน การตลาด เพื่อให้เขามีทักษะรอบรู้พอที่จะเลือกเรียนคณะที่ชอบต่อไป นักศึกษาเริ่มเข้าเรียนทั้งหมดเกือบ 300 คน ต้องเรียนวิชานี้ในห้องประชุมใหญ่ ที่ผู้เขียนบรรยาย จัดว่าใครคุยกันในชั้นเรียนก็แค่หยุดพูดและมองหน้าเขา ไม่มีใครคุยกันในชั้นเรียน นับว่าได้ผล สอนอยู่ 3 ปี ถึงได้ลาออกมาทำงานธุรกิจด้านประชาสัมพันธ์ตามบริษัทต่างๆ ก่อนที่จะทำหน้าที่หลัก คือหัวหน้าแผนกโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้บริษัทปูนซีเมนต์นครหลวงอยู่ 3 ปี จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ก่อนที่จะย้ายถิ่นฐานมาอยู่อเมริกา นับว่า เมื่อนึกย้อนหลังไปก็ให้สงสัยว่า ทำไมวิถีชีวิตจึงเป็นไปชนิดที่เรามิได้วางแผนไว้ก่อน อะไรคือสิ่งที่ลิขิตชีวิต ทำไมคิดข้ามครึ่งโลกมาถึงอเมริกา ซึ่งไม่รู้จักใครสักคนเดียว อยู่รอดปลอดภัย ได้เรียนวิชาที่ไม่ได้คิดมาก่อน คือ Health and Human Services โดยได้ทุนเรียนปริญญาที่ มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย เขาให้ทุนเรียนต่อปริญญาเอก อาจารย์เจริญซี่งมาอเมริกาตอนนี้ บอกว่า อย่าไปเรียนเลย ผมนี่เบื่อเรียน เลยไม่ได้เรียนต่อปริญญาเอกที่เขาเสนอให้ทุนการศึกษาที่ California State University of Long Beach จะขอไปเรียนตอนนี้ก็คงไม่มีปัญญาจำอะไรได้หรอก จะเดินก็เกือบไม่ไหวแล้ว ยังดีที่วิชาที่เรียน คือ Health and Human Services ยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของตัวเอง และมวลชน จะเลิกเขียนเขาก็บอกว่าอย่าเลย ก็เลยลองคิดดูว่า ร่างกายของคนเรานั้นจะรับใช้สติปัญญาได้ถึงแค่ไหน

ตอนกลับไปเยี่ยมเมืองไทยหลาย 10 ปีมาแล้ว หลานแนะนำให้เรียนหลักสูตรเกี่ยวกับการทำงานของร่างกายที่สถาบันพลังกายทิพย์เพื่อสุขภาพ ว่าร่างกายทำงานอย่างไร จึงสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้

จากความรู้ที่ได้จากสถาบันพลังกายทิพย์เพื่อสุขภาพของอาจารย์เยาวเรศ บุนนาค ที่เมืองไทย เมื่อหลายสิบปีก่อน ร่างกายของเรามี 7 จักระ หมายถึง ศูนย์รวมที่ทำหน้าที่สั่งงานสำคัญแก่ร่างกาย อยากจะกล่าวถึงอีกก็คือ ร่างกายจัดออกเป็นจักระ คือศูนย์รวมการสั่งงาน

1.จักระที่ 7 อยู่กลางกระหม่อม มีต่อมไพนีล (Pineal) ที่ทำหน้าที่ผสมผสานการทำงานทั้งหมดของร่างกาย และควบคุมการทำงานของศูนย์รวมจักระอื่นๆ ที่จะควบคุมอวัยวะต่างๆ ให้ทำหน้าที่สำคัญต่อร่างกายทั้งหมด เช่น ผลิตฮอร์โมนที่เป็นตัวสื่อสารการประสานงานและสั่งงานของอวัยวะอื่นๆ ทั้งหมด โดยการควบคุมระบบประสาททั้งหมด จักระนี้เรียกว่าจักระที่ 7 มีชื่อเป็นภาษาไทยว่า สหัสรา (Crown) อยู่กลางกระหม่อม เราควรมีการพักผ่อนนอนหลับเต็มที่เพื่อให้เขาได้หยุดพักและร่างกายส่วนอื่นทำงานบ้าง เช่น หลังกินอาหารครึ่งชั่วโมงเกิดความง่วง เพราะร่างกายภายในทำการย่อยอาหารจะได้นำไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย เรียกว่า ผสมผสานการทำงานทั้งหมด และควบคุมการทำงานของจักระอื่นๆทุกจักระต่อไป การพักผ่อนนอนหลับที่ร่างกายพึงมีควรเป็นประมาณวันละ 8 ชั่วโมง จักระนี้ถึงแม้จะนับเป็นจักระที่ 7 แต่ก็มีหน้าที่สำคัญ ควบคุมการทำงานของระบบประสาท ผสมผสานการทำงานทั้งหมดของร่างกาย และควบคุมการทำงานของจักระอื่นๆทั้งหมด เพราะอยู่ที่สมอง ซึ่งเป็นตัวสื่อสารข่าวไปยังอวัยวะทุกส่วน

2.จักระที่ 6 อยู่ตรงหน้าผาก เหนือหว่างคิ้ว ตรงกับการทำงานของต่อมพิจุอิทาริ (Pituitary) ทำงานร่วมกับต่อมไพนีล ทำหน้าที่ควบคุมความทรงจำ การทำงานของสายตา สมรรถภาพการทำงานของอวัยวะของผู้ชายและผู้หญิง เช่น ต่อมลูกหมาก มดลูก จักระนี้มีความสำคัญยิ่งใหญ่ ตรงที่ไม่เฉพาะแต่ควบคุมการทำงานของระบบอวัยวะ แต่ยังทำหน้าที่เสมือนตาทิพย์ รู้แจ้งด้วยตนเอง ทำให้การมองเห็นสมบูรณ์ ถ้าไม่ทำงานตามสมรรถภาพ ก็เกิดสายตาผิดปกติ ความทรงจำบกพร่อง มีความหลงลืม หลงผิด คิดผิด อย่างเช่น ก่ออาชญากรรม ลักขโมย ผิดศีลธรรม ต่อมนี้ชื่ออว่า อัชนา (Brow or Ajna)

3.จักระที่ 5 อยู่ต้นคอตรงข้ามคอหอย เรียกว่า วิสุทธิ (Throat) ทำงานกับต่อมไทรอยด์ และพาราไทรอยด์ นับว่ามีหน้าที่สำคัญ ร่วมกับตับ คอ ไหล่ แขน มือ หู และการได้ยินเสียง นอกจากนี้ควบคุมการทำงานของต่อมไทรอยด์ ปอด ทางเดินหายใจ เป็นสาเหตุของทางเดินหายใจ โรคคอพอก การได้ยิน ปวดต้นคอ โรคหวัด โรคหลอดลมอักเสบ หืดหอบ โรคผิวหนัง

4.จักระที่ 4 อนัตตา คือ หัวใจ (Heart) ทำงานกับหัวใจด้านหลัง กระดูกสันหลัง และส่วนทรวงอก อวัยวะที่ควบคุม คือ หัวใจ ปอด แขน มือ ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมความรัก ความเมตตา และการรักษา แก้อาการโรคหัวใจ โรคความดัน โรคหืด โรคปวดทุกชนิด

5.จักระที่ 3 มณีปุระ (Solar Plexus) กระดูกสันหลังข้อที่ 8 ตรงสะดือ ทำงานกับต่อมหมวกไตและตับอ่อน ควบคุมการผลิตเม็ดเลือด ตับ ม้าม และกล้ามเนื้อกระเพาะอาหาร นับว่าทำหน้าที่สำคัญไม่น้อยในการบำรุงรักษาสุขภาพ สร้างพลังจิต บุคลิกภาพ การเจริญเติบโตของร่างกาย การรักษาที่จุดนี้แก้ระบบย่อยไม่ปกติ แผลในกระเพาะอาหาร ลำไส้ ตับ ไต และความอ้วน

6.จักระที่ 2 สวัสดิ์ธนา (Splenic Sacral) อยู่ตรงปลายกระดูกกันกบข้อที่ 1 รังไข่ หรือ ก้นกบ (Ovary or Testis ) ทำงานสร้างเสริมพลังชีวิต อารมณ์ ความรู้สึกทางเพศ ความมุ่งมาด ปรารถนา และความสงบสุข

7.จักระที่ 1 มูลลัดดา (Root Chakra) อยู่ระหว่างอวัยวะสืบพันธุ์ กับ ทวารหนัก ทำงานกับต่อมหมวกไต (Adrenal Gland) ควบคุมการทำงานของขา เท้า กระดูก และลำไส้ใหญ่ เป็นตัวสร้างพลังชีวิต การอยู่รอด และการสร้างพลังกาย

การบำบัด อาจเป็นได้ด้วยการนวดคลึง ใช้ช้อนไม้ถูนวด หรือ การกดย้ำเบาๆ ด้วยเหตุนี้ วิธีการนวดแผนไทย จึงมีผลดีต่อสุขภาพโดยทั่วไป คนเราเมื่อมีอาการปวดเจ็บที่ใด ก็ใช้ยาหม่องถูกนวดบริเวณนั้น สักครู่จะรู้สึกบรรเทา และกินอาหารที่ให้ประโยชน์แก่ระบบร่างกาย เป็นต้นว่า ผักเขียว ผลไม้ ถั่ว และมีการพักผ่อนทั้งร่างกาย และจิต อย่างสมบูรณ์ ก่อนนอน ก็นวดมือด้วยหัวแม่มืออีกข้างหนึ่ง ตั้งแต่ข้อมือถึงกลางปลายนิ้วทุกนิ้ว ทั้งสองมือ และกดจุดกลางฝ่ามือหายใจเข้า แล้วหายใจออกช้าๆ นับถึงแปด ทำทั้งสองมือ จะหลับสนิทเต็มที่