สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
บำบัดทางปลายประสาท

ทีวีสารคดีแสดงการบำบัดโรงในร่างกายด้วยการให้ดมดอกไม้กลิ่นต่างๆ จะว่าไม่เชื่อก็ไม่ได้เพราะผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้แนะนำ แม้แต่เมืองไทยเองก็เป็นที่ยอมรับในศาสตร์ แม้แต่เมืองไทยเองก็เป็นที่ยอมรับในศาสตร์การบำบัดด้วยจักระซึ่งเป็นศูนย์รวมอวัยวะภายในด้วยการส่งผ่านอำนาจจิต เมื่อผู้เขียนมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ และผลออกมาว่า the right bundle blocked ผู้เขียนก็เข้าใจอยู่เป็นเวลาหลายปีว่าเป็นการอุดตันทางโลหิตสู่ห้องหัวใจ จนกระทั่งวันนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญซึ่งทำ EKG เมื่อหลายปีก่อนนั้นกดคอมพิวเตอร์แสดงการอธิบายความหมายของศัพท์ที่กล่าวนั้นว่า เป็นกระแสไฟฟ้าภายในห้องหัวใจ ไม่ใช่ทางเดินกระแสโลหิตดังเช่นที่ผู้เขียนเข้าใจ และเพิ่งเห็นทางเดินไฟฟ้าภายในห้องหัวใจนี่เองว่า การที่ the right bundle blocked หลายถึงว่ากระแสไฟฟ้าไม่สามารถเดินไปตามเส้นทางภายในหัวใจได้สะดวก เลยเกิดเจ็บหัวใจอย่างที่ผู้เขียนเป็น และเล่าให้แพทย์ฟังว่า เกิดความว่างในห้องสมองเหมือนห้องเปล่าไม่มีอะไรเลย ในระหว่างที่เจ็บหัวใจ และผู้เขียนเข้าใจว่าอาการคล้ายสโตร้ค เมื่อหมอแสดงทางเดินของกระแสไฟฟ้าในหัวใจ จึงเห็นชัดว่ากระไฟฟ้าในหัวใจเกิดขัดข้อง ทำให้เกิดการเจ็บหัวใจ ในขณะเดียวกันสมองก็สื่อสารไม่ได้ เพราะกระแสไฟฟ้าขัดข้อง จึงรู้สึกเหมือนห้องว่าง เราเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่า การสื่อสารระหว่างเซลล์เป็นไปด้วยกระแสไฟฟ้ากับแม่เหล็ก หากอย่างหนึ่งอย่างใดขัดข้อง หัวใจก็เจ็บเพราะเซลล์สื่อสารกันไม่ได้ ในกรณีของผู้เขียนที่ EKG รายงานว่า the right bundle blocked และบอกกับนายแพทย์ เขาจึงเปิดคอมพิวเตอร์ให้เห็นภาพตอนที่หัวใจเจ็บเป็นเพราะกระแสไฟฟ้าเดินทางในห้องหัวใจไม่สะดวก ติดขัดบางจุด เรียกว่า the right bundle blocked การบำบัดด้วยการอมยาเม็ดเล็กๆใต้ลิ้น สักพักก็คลายเจ็บหัวใจ ไม่รู้ว่ามันทำงานอย่างไร เพราะกระแสไฟฟ้า กับยาเม็ดเล็กซึมซาบใต้ลิ้นรวดเร็วได้ผลทีเดียว เมื่อขอยาอีก 2-3 ขวด นายแพทย์สั่งให้ผู้เขียนหนึ่งขวด ผู้เขียนขอสองหรือสามขวดไม่สำเร็จ เภสัชกรต้องโทรศัพท์ไปขอแพทย์เองเกือบครึ่งชั่วโมงจึงได้สองขวด แสดงว่าเป็นยาที่ไม่จ่ายง่ายนัก เพราะอาจทำงานสื่อสารกระแสไฟฟ้าและแม่เหล็กก็ได้ เพราะซึมใต้ลิ้น ซึ่งติดต่อกับเซลล์สมองด้วยการสื่อสารของแม่เหล็กกับไฟฟ้าระหว่างเซลล์

ย้อนกลับมาถึงการบำบัดด้วยปลายประสาท เป็นอีกทางหนึ่งในการบำบัดโรคภายใน และการบำบัดแพทย์แผนปัจจุบัน แสดงว่าวิทยาการพิสูจน์ว่าได้ผลจึงใช้บำบัดกับคนไข้ทั่วไป แม้เมืองไทยก็เรียนมาตั้งแต่สมัยหลวงปู่ดาสิรา นราดา พ.ศ.1846 และนายแพทย์ใหญ่ของกรมการทหารเรือคือพลเรือตรี หลวงสุวิชา ณแพทย์ ร่ำเรียนมาถ่ายทอดให้แก่ภรรยาของท่าน คืออาจารย์เยาวเรศ บุนนาค ที่ผู้เขียนเรียนจากท่านเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว แสดงว่าวิชาการบำบัดด้วยจิตผ่านพลังงานธรรมชาติที่มีไฟฟ้าและแม่เหล็กนั้นน่าจะได้ผล เพียงแต่ไม่มีผู้ยืนยัน แม้เดี๋ยวนี้ ผุ้เขียนก็ใส่นาฬิกาที่มีปุ่มแม่เหล็กตรงกลางกับอีกสองปุ่มที่คงจะส่งกระแสไฟฟ้าระหว่างสองปุ่มนั้นที่ข้อมือ นาฬิกาที่ได้จากแพทย์ชาวเกาหลีซึ่งเชี่ยวชาญด้านโกรทฮอร์โมน และผู้เขียนเป็นผู้แทนจำหน่ายนานมาแล้วที่อเมริกา เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่าร้อยขวด ขวดละไม่ต่ำกว่า 200 เหรียญ เพราะได้ผลต่อสุขภาพในทางส่งเสริมการผลิตโกรทฮอร์โมนโดยส่งเสริมระบบประสาทให้ทำงานเมื่อร่างกายถดถอยสมรรถภาพของการผลิตโกรทฮอร์โมนเอง เมื่อภาวะเศรษฐกิจเสื่อมก็ยุติไป

การบำบัดด้วยจักระเป็นวิชาที่ยังคงอยู่ เพราะเป็นการสื่อสารภายในร่างกายที่ได้ผลหลายทาง ทั้งการปฏิบัติงานของเซลล์ และการสื่อสารระหว่างเซลล์ โดยใช้หลังการสมาธิ และการกดจุดปลายประสาท สู่ศูนย์รวมประสาทที่สมอง แม้แต่ท่านก็สามารถกระทำได้ เพียงแต่มีสมาธิจิตแน่วแน่ และรู้ศาสตร์การบำบัดด้วยจักระว่าทำอย่างไร ผู้เขียนใช้วิชานี้แนะนำต่อเยาวชนที่ศึกษาในระดับวิทยาลัยและวิชาชีพอยู่เป็นเวลาหลายปี จนเศรษฐกิจฟุบถึงขึ้นโรงเรียนการศึกษาปิดตัวลง แต่ในบทความนี้ก็ได้แนะนำเสมอเมื่อมีโอกาส

ย้อนกลับมาพื้นฐานของอารมณ์ก่อให้เกิดโรค เช่นคนที่เครียด ซึมเศร้า หรือผิดหวัง หากรู้ต้นเหตุก็แก้ที่ต้นเหตุ และใช้การสมาคมที่ส่งเสริมสภาพจิตในการบำบัด ตัวการรักษาโรคเบื้องต้นได้แก่

1.อาหาร ปราศจากสารพิษ

2.น้ำ ปราศจากตะกั่ว เพราะขัดขวางการสื่อสารระหว่างเซลล์

3.สิ่งแวดล้อม ได้แก่ สมาคมกับบุคคลที่มีจิตดี

4.ผู้รักษา ได้แก่ บุคคลที่รู้วิชาการบำบัด ดังตัวอย่างข้างต้น ที่นายแพทย์แผนปัจจุบันใช้กลิ่นดอกไม้ บำบัดโรคภายในร่างกาย

คนทั่วไปจะสร้างจิตเพื่อการบำบัดตัวเองได้อย่างไร นอกจากพื้นฐานสามประการเป็นเบื้องต้น จะต้องเตรียมสภาวะจิตที่บริสุทธิ์พอสมควร ดังเช่นที่พระอาจารย์ไพบูลย์ นิสัยสุตานุยุติ ได้แนะนำการบำบัดด้วยสมาธิให้กับผู้เขียน และผู้เขียนเรียนการนำจิตเข้าสู่สมาธิกับท่าน

ง่ายๆ ก็คือ ฝึกจิตของตนเองให้บริสุทธิ์ และหัดทำสมาธิจิต เพื่อปูทางแห่งพลังจิตในกาบำบัดโรคของตัวเอง และก้าวหน้าไปสู่การส่งสมาธิจิตไปนอกตัวเอง เพื่อบำบัดโรคให้ผู้อื่นได้ มนุษย์มีกระแสไฟฟ้าเรียกว่าออร่า Aura มนุษย์จะแข็งแรงหรืออ่อนแอ มาจากร่างกายตัวเอง จากก้นกบถึงกระหม่อม และจากก้นกบถึงปลายหัวแม่เท้า เรียกว่า เส้นฮาร่า Hara Line ซึ่งโค้งจากสันหลังขึ้นสู่จุดที่สะดือ และโค้งลงสู่ท่อนถึงฝ่าเท้า ฉะนั้นการบำบัดจึงสามารถส่งพลังจากจิตที่สมองไปสู่อวัยวะภายในซึ่งทำงานบกพร่องได้ โดยผ่านเส้นฮาร่าติดต่อถึงกัน ดังปรากฏที่วิทยาการแพทย์แผนปัจจุบันในการดมกลิ่นดอกไม้เฉพาะอย่าง เพื่อส่งผลไปบำบัดอาการบกพร่องของอวัยวะภายในร่างกาย คนไทยเราถึงแม้จะไม่ได้เรียนวิชาการแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งละเอียดต่อความเข้าใจ เพียงใช้ความเข้าใจถึงระบบอวัยวะภายใน และการทำสมาธิส่งกระแสจิตเพื่อผลแห่งการบำบัดก็ย่อมได้ ดังเช่นที่วิทยาการสมัยแพทย์แผนปัจจุบันอิงการบำบัดปลายประสาทสู่การบำบัดโรคภัยไข้เจ็บภายในร่างกายได้สำเร็จ เพราะเส้นฮาร่าเริ่มจุติจากกลางกระหม่อม ผ่านระบบประสาท ผ่านไขมันสันหลังผ่านลำคอ ผ่านกระดูกสันหลัง ถึงก้นกบ ตรงประตูกลางเรียกว่า Perineum ผ่านลำขาถึงกลางฝ่าเท้า เราจึงเห็นวิชาการนวดด้วยฝ่าเท้า หรือนวดปลายประสาทที่มืออยู่เสมอ เรียกว่า Reflexology จุดต่างๆมีความหมายต่ออวัยวะภายในและสามารถบงการการทำงานของมันให้เป็นปกติได้ ลองใช้หัวแม่มือขวากดจุด จากข้อมือซ้ายถึงกลางหัวแม่มือ แล้วเลื่อนมาที่ข้อมืออีกกดจุดขึ้นไปถึงกลางนิ้วชี้ แล้วเลื่อนมาที่ข้อมืออีกกดจุดเรื่อยไปถึงกลางนิ้วกลาง แล้วเลื่อนมากดที่ข้อมือกดจุดเรื่อยไปถึงกลางนิ้วทาง แล้วเลื่อนมากดที่ข้อมืออีกกดจุดเรื่อยไปถึงกลางนิ้วก้อย เท่านี้ เราก็สามารถกระตุ้นการทำงานของอวัยวะภายในได้หมดทั่วร่างกายเป็นเบื้องต้น จากนั้น ถ้าใช้หัวแม่มือกดที่กลางมือระหว่างเส้นหัวใจกับเส้นสมอง กดแล้วหายใจเข้า แล้วหายใจออกช้าๆ พร้อมกับนับหนึ่งถึงแปด สามครั้ง แล้วนวดสองข้างนิ้วทุกนิ้ว จนเสร็จแล้วจะรู้สึกหลับง่ายทันที

นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ ของการใช้ปลายประสาทบนฝ่ามือให้บำบัดอวัยวะภายในให้ผ่อนคลายและหลับได้ทันที