สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
เครื่องดื่ม

ในบรรดาเครื่องดื่มที่ผ่านเครื่องจักรในการผลิต ทุกคนเคยดื่มมาแล้วทั้งหมด ต่างกันตรงที่ว่าจะเก็บเครื่องดื่มชนิดไหนไว้ประจำรสนิยม ผู้เขียนเคยเห็นหนุ่มฉกรรจ์เม็กซิกันหอบเบียร์กล่องเบ้อเริ่มจนข้อโก่ง ยืนรอแถวจ่ายเงินต่อจากผู้เขียน เมื่อผู้เขียนอนุญาตให้เขาวางพักในรถเข็น เขาก็แสดงสีหน้าเบาแรงไปโขอยู่ เมื่อผู้เขียนถามเขาว่า อร่อยหรือ เขาแสดงความปราโมทย์วาบขึ้นในสีหน้าอย่างเห็นได้ชัด ตอบว่า ยูยังไม่รู้อะไร อร่อยมากที่ซู๊ด ผู้เขียนชี้ให้ดูน้ำกลั่นสิบแกลลอนที่ซื้อในรถเข็น สำหรับไอ นี่อร่อยที่ซู๊ด

ก่อนมาอเมริกา เพื่อนบอกว่าเธอต้องดื่มกาแฟนะ จะได้อยู่ไฮโซ คืออยู่ในสังคมชั้นสูง (High Society) ผู้เขียนไม่เห็นว่ากาแฟอร่อยพอที่อยากจะอยู่ไฮโซ จะเป็นโลโซก็ไม่ได้ เพราะไม่รู้จักคุณเสก เลยอยู่ในพวกโนโซ (Know Society) กลุ่มนี้ดีอย่างหนึ่ง ตรงที่แชร์ความดี หรือไม่ดีของสิ่งต่างๆ ทำให้มีความรู้รอบตัวเพิ่มขึ้น เป็นต้นว่าแนะนำให้รู้จักดูทีวีช่อง 28-4 ของญี่ปุ่น รู้จักเครื่องดื่ม ยี่ห้อ “ซีเรียล (CeReal)” ผลิตโดยสิงคโปร์ น้ำเข้าโดยบริษัทไทยที่คลองกุ่ม มีขายที่แล๊ค-ซี ไช่น่าทาวน์ ข้อเด่นของเครื่องดื่มนี้ เขียนไว้ตัวเบ้อเริ่มว่าใส่ข้าวเหนียวดำ ก็สิงคโปร์จะมีที่ดินปลูกข้าวเหนียวดำที่ไหน แต่เขาประมวลความรู้ว่าข้าวเหนียวดำมีคุณประโยชน์ดีที่สุด ผสมด้วยข้าวโพดซึ่งมีโปรตีนตัวเดียวที่หาไม่ได้จากธัญพืชอื่น แล้วยังมีข้าวมอลต์ ข้าวสาลี ข้าวขาว เติมน้ำตาลซูโครสจากอ้อย ผลิตด้วยเครื่องจักรเพื่อบดให้ละลายในน้ำร้อนได้ง่าย เป็นเครื่องดื่มธัญพืชรวม เหมาะสำหรับพระสงฆ์ที่ไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้หลังเที่ยงวัน จะได้ประกอบกิจของสงฆ์โดยไม่ต้องพะวงว่าท้องจะหิว เพราะมีคุณสมบัติครบเฉกเช่นธัญญาหารที่เป็นมื้อหลัก เวลาไปหาของถวายสังฆทานที่แล๊ค-ซี เขาจัดไว้สมบูรณ์ตามความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของสงฆ์ เพียงแต่เราแถมเครื่องดื่มซีเรียลถุงใหญ่นี้เข้าไปด้วยก็เป็นอันครบถ้วน ดีกว่าไปบริจาคเงินถวายสังฆทานแล้วพระสงฆ์ไม่ได้ใช้ เพราะเขาหมุนเวียนชุดสังฆทานไม่ถึงพระ นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ประเทศเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ สามารถทำรายได้อย่างงามจากปัญญา ความรู้ เพียงแต่มีความคิด ไม่มีที่ดินปลูกข้าว แต่สามารถนำเอาข้าวและธัญพืชที่ปลูกโดยแรงงานของคนและควายไทยมาขายคนไทย แถมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้ประโยชน์สูงต่อสุขภาพ จะมองข้ามไปเสียก็ยาก เพราะมาจากของดีมีแต่คุณค่าทั้งนั้น เพียงแต่คุณประโยชน์ของข้าวดำซึ่งนับว่ามากที่สุดก็เป็นจุดขายในตัวเพียงพอแล้ว เพราะมีสารป้องกันศัตรูอิสระซึ่งเกิดเองในร่างกาย ต่อต้านสารพิษ ต่อต้านมะเร็ง มีโปรตีนครบถ้วนในข้าวดำ นอกจากนี้มีโปรตัวเซี่ยม สังกะสี ไวตามินอี ต่อต้านความเสื่อมชราของเซลล์ ปรับการสูญเสียสมรรถทางเพศ ควบคุมปริมาณไตรกลีเซอไรต์ซึ่งเป็นตัวแปรคู่กับโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ไม่ให้สูง นอกจากนี้ข้าวดำยังมีโอเมก้า 3-6-9 บำรุงสมอง ป้องกันความจำเสื่อม ช่วยสตรีที่ขาดเอสโตรเจน ช่วยให้เส้นเลือดไม่แข็งตัวหรืออุดตัน ดีต่อหัวใจ ป้องกันโรคพาร์กินสัน หรือโรคสั่น นอกจากนี้ เขาเติมไวตามินเอ สำหรับบำรุงสายตา ไวตามินซี สำหรับผิว และแคลเซี่ยมกับธาตุเหล็ก สำหรับบำรุงกระดูก สิ่งต่างๆ เหล่านี้อยู่ในถุงเดียว เพียงแต่มีความเสี่ยงตรงที่เขาใส่บางตัวเพื่อช่วยละลายและคงสภาพ ซึ่งเราไม่รู้จักผลข้างเคียง แต่ก็ไว้ใจการตรวจขององค์การอาหารและยาของอเมริกาไว้ก่อนว่าไม่มีตัวที่อาจเป็นอันตราย เพราะมีสารเคมีแค่สองตัวเท่านั้น นอกนั้นเป็นสารอาหารและไม่ปรากฏว่ามีแทนนินซึ่งทำให้เสพติดเหมือนอย่างกาแฟ และช็อคโกแลต

เครื่องดื่มหลังอาหารอีกอย่างหนึ่งที่นิยมกันมาก คือโมค่า (Mocha) เป็นส่วนผสมระหว่างกาแฟกับช็อคโกแลต เติมนมอัลมอนต์นิดหน่อยก็อร่อยแล้ว ไม่ต้องเติมน้ำตาล เนื่องจากส่วนผสมทั้งสองอย่างนี้มีแทนนิน ซึ่งทำให้เสพติด เมื่อดื่มเป็นประจำอยู่ 4 กระป๋องใหญ่ เริ่มผิดสังเกตว่าปัสสาวะบ่อยมาก ถามหมอก็ไม่ได้คำตอบแน่นอน ตรวจปัสสาวะโดยเพื่อนทำงานอยู่ในห้องแลปพบว่ามีเลือดปน สันนิษฐานว่ามีนิ่วในกระเพาะปัสสาวะไว้ก่อน เพราะสาเหตุจากทานผักผลไม้สด แล้วโปตัสเซี่ยมทำปฏิกิริยากับโคเลสเตอรอลก่อให้เกิดนิ่ว ไม่ใช่ผลของแทนนินที่ก่อให้เสพแล้วติด แต่เพราะนิสัยที่ดื่มหลังอาหารก่อให้เกิดการทำปฏิกิริยาของประสาทรู้สึกพอใจในรสชาติของเครื่องดื่มมากกว่า เพราะเครื่องดื่มนี้ไม่มีคาเฟอิน หรือคาเฟอินฟรีถึง 99.7 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม โมคามีไวตามิน เอ ดี ซี อี และแคลเซี่ยม กับธาตุเหล็ก เช่นเดียวกัน ฉะนั้นจะไปโทษว่า เครื่องดื่มก่อให้เกิดการเสพแล้วติดก็ไม่ได้ เพราะเครื่องดื่มเพื่อประสงค์ให้รู้สึกอยากดื่มอีกหลังเวลาอาหารก็ผลิตจากสิ่งที่ให้คุณค่าของโภชนาการคล้ายคลึงกัน แล้วแต่ว่าผู้บริโภคจะรู้จักยับยั้งไม่ให้ดื่มติดต่อกันนานเพียงใดต่างหาก จึงจะเลี่ยงผลข้างเคียงที่ผู้ผลิตเองก็ไม่คาดหวังจะให้เกิดผลร้ายต่อสุขภาพตามมา อยู่ที่ผู้บริโภคจะควบคุมอุปนิสัยเอาเองได้มากน้อยแค่ไหนก่อนสายเกินการ นั่นคือ อยู่ในกลุ่มโนโซจะปลอดภัยต่อสุขภาพที่สุด อย่าไฮโซมากนัก (ดื่มกาแฟจนติดเป็นนิสัย)

ส่วนเบียร์กับไวน์อย่างไหนเป็นผลไม่ดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน ดูเหมือนว่าผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 อย่างนี้ ไม่มีใครบอกส่วนประกอบ มีแต่คำเตือนตามกฎหมายว่าห้ามสตรีมีครรภ์ดื่ม และห้ามทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกลเมื่อดื่มแล้ว ฉะนั้นคงไม่เหมือนเครื่องดื่มที่มีสารอาหารซึ่งแจกแจงส่วนประกอบทุกอย่างเพื่อยืนยันผลดีต่อสุขภาพ และในขณะเดียวกันประกาศแค่คำเตือนก็เพื่อให้ผู้บริโภครู้ตัวว่ากำลังดื่มอะไรเข้าไปในร่างกาย ถึงแม้ว่าไวน์จะทำจากองุ่น ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่เมื่อมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ด้วย ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความดีอันพึงมีต่อสุขภาพอีกต่อไป เพราะเมื่อแอลกอฮอล์ทำให้เซลล์หลงทางในการปฏิบัติหน้าที่เสียแล้ว ก็มีแต่นอนหลับท่าเดียว อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงว่าจะทำผลดีอะไรต่อไปได้ ไวน์ดูเหมือนว่าจะให้โทษต่อสุขภาพน้อยกว่าเบียร์ เพราะมาจากผลไม้ แต่เปลี่ยนสภาวะเสียแล้ว พึ่งประโยชน์อะไรก็ไม่ได้ เบียร์ทำด้วยการหมัก เหมือนข้าวหมากที่คุณแม่เคยทำ กินอร่อยแล้วนอนดีกว่า ไม่สามารถคิดอ่านอะไรได้อีก

เครื่องดื่มกระป๋องที่เด็กๆ ติดกันนักหนา ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์ เพราะแค่ภาชนะทำด้วยอลูมิเนียมที่ดูดซึมเข้าไปในน้ำที่ดื่มก็ขัดขวางการติดต่อระหว่างเซลล์เสียแล้ว จะไปหวังให้การสังเคราะห์อาหารเป็นไปสมบูรณ์แบบได้อย่างไร เครื่องดื่มประเภทกระป๋องทำจากอลูมิเนียมจึงตกไปจากอาหารที่ควรดื่มเพราะเหตุนี้

เครื่องดื่มเดี๋ยวนี้อยู่ในภาชนะกระดาษ เช่นน้ำผลไม้ชนิดต่างๆ กล่องเล็กระทัดรัด พกติดตัวไปได้สะดวก ทำจากน้ำกรองผสมน้ำผลไม้หนึ่งอย่าง แล้วเติมสารอาหารที่เป็นไวตามิน และเกลือแร่อีก 16 อย่าง กว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ออกมาจำหน่ายได้ ก็ดีเหมือนกันเสมือนว่าเราทานไวตามินน้ำแทนไวตามินเม็ด แช่เย็นหรือพกติดตัวไปดื่มได้นอกบ้าน

เครื่องดื่มที่เราทำเองที่บ้านก็มีไว้สำหรับดื่มที่บ้าน จะพกพาติดตัวไปได้ก็แค่น้ำกลั่นหรือน้ำดื่มใส่น้ำแข็งเท่านั้น ไม่อย่างนั้น น้ำผลไม้คั้นหรือน้ำชาก็เสื่อมคุณภาพเสียก่อน ต้องซื้อชนิดที่เขาบรรจุกล่องกระดาษเรียบร้อย จึงจะเปิดแล้วดื่มทันทีโดยไม่เสีย เพราะความร้อนของอากาศ ถึงแม้เราซื้อน้ำผลไม้คั้นที่เขาขายบรรจุขวดแก้วขนาดใหญ่ เราจะพกพาไปนอกบ้านก็ต้องรักษาอุณหภูมิโดยใส่น้ำแข็งรอบๆ หรือใส่กระเป๋าชนิดเก็บความร้อนก็พอประทังไปสัก 4-5 ชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุณหภูมิที่ขึ้นถึง 90 องศาอย่างทุกวันนี้

เครื่องดื่มสำหรับฤดูร้อนจะต้องมีติดตัวตลอดเวลา เพราะไม่แน่ว่าเราจะเกิดการหน้ามืด ใจหวิว เพราะอุณหภูมิรอบตัวที่อบอ้าวมากเมื่อไหร่ ถ้ามีกระเป๋าใส่น้ำหิ้วติดมือตลอดเวลาก็ยังพออุ่นใจได้ เวลาฉุกเฉินให้ดื่มน้ำเย็นไว้ก่อนอื่น