สุขภาพและการบำบัด
สดศรี สุริยะฉาย
เจ็บหัวใจ

เมื่อสองปีก่อน ผู้เขียนเคยเจ็บหัวใจ เจ็บจริงๆ ไม่ใช่เจ็บใจ เหมือนอย่างเช่นอาการปวดท้องที่ปวดไปทั่ว แต่เจ็บหัวใจ เจ็บแหลมแปลบตรงหัวใจ ตอนนี้ก็มีเลื่อนไปเจ็บตรงกระดูกกลางหน้าอก เมื่อตื่นขึ้นรู้สึกหนักหน้าอก นึกว่ามาจากการนอนหงาย หรือหมอนแบนเกินไปเพราะต้องการให้โลหิตไปเลี้ยงส่วนศีรษะได้ทั่วถึง หรือไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลานานระหว่างหลับ ทำให้โลหิตหมุนเวียนไม่ทั่วร่างกาย เมื่อแพทย์ตรวจด้วย EKG(Electrocardiogram) คือกราฟที่แสดงการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจตามการเดินทางของโลหิตแดงและโลหิตดำ ตามจุดวัดต่างๆ เริ่มจาก หน้าอก คอ แขนสองข้าง ขาสองข้าง ผล EKG จะอ่านการทำงานของหัวใจว่ามีการข้ามจังหวะ หรือผิดจังหวะ หรือขาดการส่งกระแสกระตุ้น (blockage) หรือไม่ ผลรายงานของผู้เขียนไม่แสดงว่ามีอะไรผิดปกติ แม้ว่าผู้เขียนจะมีประวัติหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอมาก่อนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว โชคดีที่ผู้เขียนใช้โกรทฮอร์โมน ทำให้การสร้างเซลล์ทั่วไปรวมทั้งหัวใจเป็นปกติ ประกอบกับมีการออกกำลังกายพาหมาไปเดินทุกวัน เมื่อเกิดเจ็บที่หัวใจและแน่นหน้าอก จึงต้องสงสัยว่าสเหตุอะไร แพทย์ด้านหัวใจติดเครื่องตรวจหัวใจอยู่ 3 สัปดาห์ พร้อมทั้งจดบันทึกรายละเอียดไว้

ในระหว่างการตรวจ ผู้เขียนยุติการกินยาทุกชนิด เพราะต้องการทดสอบผลข้างเคียงของยาชื่อฟาร์ซาแมกซ์ ที่บังคับมิให้เซลล์ดึงแคลเซี่ยมออกจากกระดูกเพื่อป้องกันกระดูกบาง จากสลากบอกไว้ว่าผลข้างเคียงของยาอาจทำให้เจ็บหน้าอก ปวดกราม หายใจไม่สะดวก และอาจเป็นแผลในกระเพาะอาหาร แพทย์เห็นว่าจำเป็น ดีกว่าต้องนั่งรถเข็นในอนาคต ผู้เขียนรับประทานยานี้อยู่ 2 ปี

ต่อมา รายงานแพทย์ผู้ค้นคว้าเรื่องหัวใจรายงานทางทีวีว่า ผลเสียของยานี้อาจทำให้กระดูกขาส่วนบนเปราะหัก และหัวใจขาดแคลเซี่ยมได้

ตอนเริ่มใช้ยานี้มีเพื่อนของผู้เขียนเป็นทันตแพทย์เตือนว่า ยานี้อาจทำให้หัวใจวายระหว่างหลับ เพราะยานี้บังคับมิให้เซลล์ดึงแคลเซี่ยมออกจากกระดูก ก็เลยไปดึงจากโลหิต ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดแคลเซี่ยมหัวใจอาจหยุดทำงานระหว่างหลับ

แคลเซี่ยมและฟอสฟอรัส ทำหน้าที่ในระบบประสาท โดยต่อมใต้สมอง Hypothalamus รับคำสั่งจาก ต่อม Thalamus ให้ควบคุมการเต้นของหัวใจ เมื่อระบบประสาทขาดการสื่อสาร คนก็หัวใจวายตอนหลับ ไม่ใช่ว่าโชคดีตายสบายอย่างที่คิดกัน แท้จริงอาจเลี่ยงได้

เมื่อผู้เขียนยุติการกินยาได้ 3 เดือน อาการต่างๆหายไป ผลการตรวจด้วยเครื่องหัวใจ ไม่พบว่าหัวใจบกพร่อง เมื่อเช็คอีก 2 เดือนต่อมา หมอบอกว่าหัวใจและปอดอยู่ในสภาพดี นี่แสดงว่าผลข้างเคียงของยาแสดงออกทางการทำงานของหัวใจ

เมื่อไม่ใช่โรคจากหัวใจบกพร่อง ก็ต้องพิจารณาระหว่างทางเลือกว่า จะนั่งรถเข็นเพราะไม่กินยา หรือหัวใจวายระหว่างหลับ ทางออกก็คือ พิจารณาประเด็นอื่นๆประกอบ เช่นความดันโลหิต โคเลสเตอรอล การดำรงชีวิต การกินอาหาร เพราะโรคหัวใจมีอันตรายอยู่สองอย่าง คือกล้ามเนื้อหัวใจ และหลอดเลือดหัวใจ ส่วนลิ้นหัวใจ เป็นเรื่องใหญ่ต้องอยู่ในการพิจารณาของแพทย์ด้านหัวใจโดยเฉพาะ ผู้เขียนนั้น 2 ปีหลังจากนั้น ผลการตรวจ MRI ของผู้เขียนแสดงว่า The right bundle blocked. แพทย์ด้านประสาทวิทยาบอกว่าไม่ใช่ผลของกระแสไฟฟ้าของการทำงานของหัวใจ แล้วก็ไม่แสดงความสนใจอีกต่ออีก คงไม่ต้องวิตกกระมัง ก็มาพิจารณาเรื่องความดันโลหิต ไม่ควรเกิน 140/90 เครื่องวัดความดันโลหิตเรียกว่า sphygmomanometer ทำหน้าที่วัดสองจุด เมื่อพองลมไปยังจุดวัดตรงข้อพับแขนแล้ววัดด้วยปรอทด้วย stethoscope จุดตัวเลขสูงคือจุดที่เลือดเริ่มเดิน เรียกว่า systolic ระดับปกติอยู่ระหว่าง 100-120 อีกจุดหนึ่งเมื่อหัวใจหยุดพัก เรียกว่า diastolic ระดับปกติอยู่ระหว่าง 60-80 คนที่มีความดันสูง ถ้าเกิน 140 ก็ระวังเรื่องอาหาร และลดความเครียด วิธีง่ายๆ คือการพักใจ ทำสมาธิ สวดมนต์ มีศีลห้า ให้ทาน รักษาความปิติในใจ รู้จักเคารพเทวดา คารวะต่อผู้คุ้มครองรักษาเรา แม้มองไม่เห็น เป็นหลักธรรมง่ายๆ จากท่านฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้เราเจริญสมาธิ มีศีล ภาวนา มีจิตพร้อมอยู่ในความสงบ อย่าทำตัวอยู่ใน Hypertension ไปกับโลกยุ่งเหยิงเดินขบวนเหมือนปัจจุบัน

โคเลสเตอรอลตัวร้ายเกิดจากไขมันสัตว์ และสัตว์มีเปลือกเช่นกุ้ง เมื่อก่อนนี้ผู้เขียนบริโภคแต่กุ้ง เพราะไม่มีก้าง ปรากฏว่าผลโคเลสเตอรอลสูง กว่าจะยุติการกินกุ้งหันมากินปลา ก็ต้องเกิดความกลัวตายตอนหลับเสียก่อน และการกินปลาก็ต้องดูว่าไม่มีก้าง ปลาที่กินอยู่เป็นประจำก็ได้แก่ปลาแซลมอน เพราะมีโอเมก้า 3 ซึ่งสามารถจับไขมันร้ายออกทิ้งจากร่างกายได้ และไม่ยากที่จะแช่แข็งไว้ตอนออกจากบ้านไม่ได้บ่อยๆตอนนี้ เพราะเรื่องไวรัสโคโรน่า

สมุนไพรที่จะบำรุงหัวใจ และเลี่ยงโรคหัวใจ ที่อาจารย์สุทธิวัสส์ คำภาเคยบอกไว้ คือกระชายเอามาต้มเก็บน้ำไว้ดื่มในตู้เย็น ผสมกับน้ำผลไม้ดื่มวันละ 2 ช้อนโต๊ะ ตอนนี้ผู้เขียนทำน้ำผักย่านางปั่นด้วยเครื่องเติมน้ำกลั่นแล้วกรองด้วยกระดาษกรองกาแฟหรือกระชอนเพื่อจะได้ดื่มกากใบย่านางละเอียดแล้วเข้าร่างกายด้วย ปรากฏว่า ลืมไปเลยเรื่องปวดหัวใจหรือปวดหัว ทางการแพทย์ให้อมยา Nitroglycerin ใต้ลิ้นเวลาปวดหัวใจ ผู้เขียนอมแล้วปวดท้องอยู่หลายชั่วโมงเกือบครึ่งวัน บอกหมอ เขาให้กินยาอีกอย่างหนึ่งก่อนอนยานี้ ผู้เขียนพยายามไม่กินยาหรือใช้ยาอมใดๆทั้งสิ้น เพราะกลัวผลข้างเคียงที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้จะอ่านสลากก่อนใช้ยา สู้ใช้ธรรมชาติรักษาไม่ได้ ปลอดภัยดี ชาใบเตยต้มน้ำดื่ม หรือใส่แหวนเงินที่นิ้วกลางซ้าย คนที่กล้ามเนื้อหัวใจไม่แข็งแรงเกิดจากไม่กินผลไม้ และถั่ว แต่ชอบกินข้าวเหนียว ส่วนคนที่หลอดเลือดตีบ ให้งดผลไม้สด ให้กินของดอง ซึ่งผู้เขียนไม่ชอบ

น้ำผลไม้ที่มีประโยชน์กับหัวใจได้แก่ แครนเบอรี่ องุ่น ตอนนี้ เพื่อนบ้านทำยำแครอทกับหัวไชเท้ามาให้ผู้เขียน ใช้โรยหน้าข้าวบราวน์ไรซ์อร่อยดี เป็นเครื่องเคียงสำรับที่ขาดไม่ได้ เพราะเป็นผักสดรสดี ทำให้เจริญอาหารและมีประโยชน์กับหัวใจ จนต้องขอบคุณใบย่านางปั่น และแครอทกับหัวไชเท้า อยากแนะนำให้ลองดู แล้วจะหายเจ็บหัวใจกับปวดหัวเลย

ถ้าขาดไวตามินอี จะทำให้หัวใจบกพร่อง

ถ้าขาดไวตามินดี ทำให้ไอบ่อยๆ ควรออกแดดบ้าง

ถ้าขาดไวตามินบี 1 ทำให้หัวใจโต บวม ให้ทานถั่วลันเตา ข้าวโพด แครอท มะเขือเทศ เพื่อให้ครบคุณค่าที่ร่างกายต้องการ เพราะอาหารบางอย่างมีไม่ครบ ถั่วสปลิทพีทำซุป ซื้อแห้งจากร้านทั่วไป ผู้เขียนกินถั่วพิชาติโอซื้อจากคอสโก กินเป็นประจำหลังอาหารทุกมื้อ ก่อนกินส้มเพื่อไวตามินซีป้องกันโคโรน่าเพราะมีภูมิคุ้มกันจากส้ม