วันเกียรติภูมิครูอาสา โครงการสอนภาษาไทยวัฒนธรรมไทยในต่างประเทศ ผ่านการเวลาการสอนเด็กสายเลือดไทย โดยความคิดริเริ่มของพระธรรมทูตไทย คือ พระธรรมราชานุวัตร (กมล โกวิโท) หัวหน้าสงฆ์วัดไทยลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 รวมพลังพระธรรมทูตร่วมกับชุมชนไทย ปลูกฝังความเป็นไทยโดยเชื้อชาติ เพื่อรักษาอัตลักษณ์ทางสายเลือด มิให้หลอมละลายรวมจนหมดเอกลักษณ์ของพ่อแม่รุ่นบุกเบิก ครูอาสาสมัครไปสอนในนามคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินงานมาถึง 28 ปีแล้ว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กมลพร บัณฑิตยานนท์ ผู้อำนวยการ “ศูนย์ส่งเสริมการสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทย ศาสตราจารย์หม่อมหลวงจิรายุ-ศาสตราจารย์ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ได้เดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา และไปนิเทศการสอน พร้อมทั้งสังเกตและประเมินผลหลักสูตรการใช้หลักสูตรภาษาและวัฒนธรรมไทยสำหรับคนไทยในต่างประเทศ สนับสนุนงบวิจัยโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา เมื่อปี พ.ศ. 2554 ได้รับการเสนอแนะจากพระธรรมทูตและชุมชนไทยให้จัดสัมมนาสังสรรค์ครูอาสาทุกรุ่นให้รุ่นบุกเบิกถึงรุ่นปัจจุบันได้เสวนาสืบทอดอุดมการณ์ถึงรุ่นปัจจุบัน
งานเกียรติภูมิครูอาสา จุฬาฯ ครั้งที่ 1 จึงเกิดขึ้นจากความพยายามอุทิศตนของผู้อำนวยการศูนย์ฯ ปัจจุบัน โดยได้รับเมตตาจากพระเดชพระคุณพระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมงฺกโร) อดีตประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดยานนาวา ให้ทั้งคำปรึกษาและสถานที่ ทรัพยากรทั้งที่ท่านมีศาสนกิจหนักมาก อีกทั้งได้รับความสนับสนุนจากอดีตประธานโครงการทุกรุ่น งานเกียรติภูมิครูอาสาจึงเกิดขึ้นอย่างสง่างาม เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2555 ภายใต้มโนทัศน์สำคัญ 3 วรรค คือ “พลังนำธรรมจักร” หมายถึงความริเริ่มเสียสละของพระธรรมทูต “พลังรักสายเลือดไทย” หมายถึงความรักที่จะปลูกฝังความเป็นไทยของชุมชนไทยจากรุ่นแรกที่มาบุกเบิก ถึงรุ่นลูกหลาน และ “พลังน้ำใจครูอาสา” เป็นพลังทั้งสามผสานที่ขาดจากกันไม่ได้
จีวรสีเหลืองเรืองอร่าม แบ่งรายการเป็น 3 ภาค ภาคเช้า ศาสตราจารย์กิตติคุณอำไพ สุจริตกุล ประธานในพิธีฝ่ายคฤหัสถ์จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เปิดกรวยถวายราชสักการหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ณ อาคารเจษฎาบดินทร์ วัดยานนาวา กรุงเทพฯพระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ประธานฝ่ายบรรพชิตมีอาการอาพาธไม่สะดวกที่จะขึ้นมาในห้องพิธี หลังจากที่ผู้อำนวยการศูนย์ได้ไปนมัสการพระคุณเจ้าที่กุฏิแล้ว พระราชธรรมวิเทศ หัวหน้าสงฆ์วัดไทยลอสแองเจลิส ทำหน้าที่ประธานฝ่ายบรรพชิต ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล เจริญพระพุทธมนต์ และกล่าวสัมโมทนียกถา พระสงฆ์ 29 รูปเจริญพระพุทธมนต์ คณะครูอาสานำโดยศาสตราจารย์กิตติคุณอำไพ สุจริตกุล และ ศาสตราจารย์สุมน อมรวิวัฒน์ ถวายสังฆทานและภัตตาหารเพล พระสงฆ์อนุโมทนา ผู้ร่วมพิธีกรวดน้ำรับพรและถวายพระราชกุศล จากนั้นผู้ร่วมพิธีรับประทานอาหารร่วมกัน
เสียงดนตรีไทย ควบคุมวงโดย ผศ. พงษ์ลดา ธรรมพิทักษ์กุล สาขาดนตรีศึกษา คณะครุศาสตร์ เพลงที่เข้าบรรยากาศ เนื้อร้องมีความหมายลึกซึ้ง สีจีวรเหลืองส้มเปล่งปลั่งและเรืองอร่าม เรียกขวัญกำลังใจของฝ่ายคฤหัสถ์ที่มีทั้งกรรมการวัด ชุมชนไทย ครูอาสา เสียงบรรเลงดนตรีไทย เพลง “เทียนธรรม” ทำนองเพลง ลาวเสี่ยงเทียน ศ.กิตติคุณสุมน อมรวิวัฒน์ ประพันธ์เนื้อร้อง ดังนี้
แสงแห่งพลังนำธรรมจักร เสมือนบทบาทของพระธรรมทูต จากเมืองไทยที่จาริกไปตามพระพุทธดำรัส “จรถ ภิกฺขเว จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย” “ดูกรภิกษุทั้งหลาย จงท่องเที่ยวไป เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่มหาชน เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก” พระธรรมทูตไทยในสังกัดสมัชชาสงฆ์ไทยในสหรัฐอเมริกาและสภาคณะธรรมยุตในสหรัฐอเมริกา มีบทบาทสำคัญ นำธงชัยพระพุทธศาสนาเป็นหลักศูนย์กลางชุมชนไทย
เสียงเพลงมาร์ชของเพลง “ฉันเป็นคนไทย” ทำนองประพันธ์โดยศิลปินแห่งชาติ พันเอกชูชาติ พิทักษากร คำร้องของศาสตราจารย์ประภาศรี สีหอำไพ เนื้อความหลักมาจากวิสัยทัศน์ของพระธรรมราชานุวัตร (กมล โกวิโท)
เมื่อผู้เขียน เขียนเนื้อเพลง ยังไม่มีทำนอง ยังไม่เคยไปวัดไทยลอสแองเจลิส ยังไม่เคยคลุกคลีกับชุมชนไทย นอกจากไปเรียนหนังสือ ไปทัศนาจรสหรัฐอเมริกา “หลวงเตี่ย” บอกว่าให้แต่งเพลงโครงการ มีเนื้อร้องว่า เด็กสายเลือดไทยที่เกิดในอเมริกาเป็นเหมือนพลเมืองชั้นสอง ถ้าไม่รวมกลุ่มเชื้อชาติเอาไว้ให้ชุมชนเข้มแข็ง มีพลังสายเลือดไทยเหมือนพวกยิวที่รักษาวัฒนธรรมของตนไว้ เหมือนชาวญี่ปุ่น เกาหลี จีน กลุ่มพลังชุมชนของเขาแข็งแกร่งไม่ถูกหลอมละลายลงเบ้าหลอมมหึมาของอเมริกันชน ต่อไปเด็กของเขาจะเติบใหญ่ มีสิทธิ์ มีเสียงดังในสังคม สามารถนำความเจริญรุ่งเรืองในอาชีพ กลับไปพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของพ่อแม่บรรพชน โดยไม่จำเป็นต้องกลับไปอยู่ประเทศไทยก็ได้
วิสัยทัศน์ของหลวงเตี่ยนั้นลึกซึ้ง เนื้อเพลงมาจากถ้อยคำที่ได้รับฟังความในใจของท่าน ให้สร้างเนื้อเพลงลงโดยวิธีคิดแบบหนามยอกเอาหนามบ่ง สะกิดจิตสำนึกในอัตลักษณ์เชื้อชาติไทย ทางสรีระผิวพรรณ ท่านใช้คำว่า หน้าไทย ใจฝรั่ง ผิวเหลือง ขาวก็ไม่เชิง ดำก็ไม่ใช่ เป็นลูกที่เกิดและอาศัยอยู่ในชาติอื่นซึ่งมิใช่บ้านเกิดเมืองนอนของพ่อแม่
เพลง ฉันเป็นคนไทยในระยะแรก เด็กยังตัวเล็กเอวบางก็จริงๆ แต่โตขึ้นคงจะเป็นเพราะอาหารเด็กไทยสูงใหญ่ขึ้น แถมรู้ภาษาไทยมากขึ้น คำว่า “อาศัย” ที่ใช้จากคำว่า Live เหมือนพลเมืองไทยอาศัยอยู่ในเมืองไทย กลายเป็นพึ่งพา ทำให้ความหมายอัตลักษณ์ของเชื้อชาติไทยแจ่มแจ้ง มิใช่ย้ำเน้น “จุดด้อย” เพราะกาลเวลาประจักษ์แจ้งในสิทธิมนุษยชน เสมอภาคทุกผิวพรรณ คนเอเซียนมิได้เป็นพลเมืองชั้นสองแล้ว
พลังนำธรรมจักร พลังรักสายเลือดไทย พลังน้ำใจครูอาสา ควรต้องมีคำขวัญร่วมกันว่า “คิดบวก คิดดี พูดดี ทำดี มีความสามารถ รักชาติศาสน์กษัตริย์ คือคุณสมบัติของเกียรติภูมิครูอาสา จุฬาฯ” ถ้าเข้าโครงการมาด้วย คิดลบก็จะไม่พบกัลยาณมิตรที่แท้จริง
หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ปลูกความเป็น “ครู” ไว้ว่า
การเสวนาในหอประชุม เริ่มด้วย ศ.ดร. ศิริชัย กาญจนวาสี คณบดีกล่าวรายงาน รองอธิการบดี ศ. เลอสม สถาปิตานนท์ เป็นประธานกล่าวเปิดประชุมเสวนา มีพิธีมอบโล่ผู้มีอุปการคุณและหน่วยงานต่างๆ บนเวที มีกลุ่มพลังนำโดยพระสงฆ์ พระครูวรกิตติโสภณ พระสุมณธมฺมวงศ์ พระมหาบุญลือ วชิรเมธี เสียดายที่พระพรหมวชิรญาณ และพระวิเทศธรรมรังษีมีศาสนกิจมากจำเป็นต้องพักผ่อน คณะครูอาสามากันพร้อม รุ่นบุกเบิก ศ. กิตติคุณสุมน อมรวิวัฒน์ ศ.กิตติคุณอำไพ สุจริตกุล ศ.ประภาศรี สีหอำไพ รศ. ไขสิริ ปราโมช ณ อยุธยา คณะชุมชนไทยมีทั้งขึ้นบนเวที คุณชวพจน์ ถุงสุวรรณ และนั่งฟังอยู่ที่นั่งผู้ฟังได้แก่ คุณอุไร เรือนพรหม คุณวิจิตตรา กาญจนทัพพะ คุณสมเกียรติ - คุณสมสภาพ พงษ์กันทา จำเรียง โค้วตระกูล คุณพิศักดิ์ จักกะพาก ฯลฯ
ดร.หทัยรัตน์ ทับพร พิธีกรประกาศเชิญตั้งจิตอธิษฐานแผ่เมตตาแด่พระเดชพระคุณพระธรรมราชานุวัตร (กมล โกวิโท) ผู้ริเริ่มโครงการภาคฤดูร้อนและต่อเนื่องมาถึง 28 ปี พระมงคลเทพโมลี (สุพจน์ ชุติปาโล) ผู้ริเริ่มครูอาสา 1 ปี และมีวัดในความดูแลของท่านอีกหลายแห่งได้แก่วัดมงคลรัตนาราม เบอร์กเลย์ และแทมปา วัดธรรมคุณาราม ยูทาห์ และพระเทพกิตติโสภน (สมบูรณ์ สมฺปุณฺโณ) อดีตประธานสมัชชาสงฆ์ไทยในอเมริกา ผู้ถึงแก่มรณภาพแล้ว รวมทั้ง ครูอาสาผู้ถึงแก่กรรมได้แก่ อ. อร่ามศรี ศุชะทัต และ รศ. มลิวัลย์ ลับไพรี
การเสวนา สรุปประเด็นสำคัญได้แก่ การชำระประวัติโครงการให้ชัดเจนจนถึงผลงานที่นับเนื่องมาจนแนวคิดริเริ่มของพระธรรมราชานุวัตร เพื่อสืบทอดอุดมการณ์ครูอาสาสมัคร ปัญหาอุปสรรคในการจัดโครงการ บ้างก็มีเห็นว่าครูอาสาสมัครน่าจะได้รับอนุเคราะห์ในด้านค่าเดินทางและควรจะหาหน่วยงานภาครัฐสนับสนุนงบประมาณเช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ฯลฯ รวมทั้งร่วมกันพัฒนาโครงการสู่อนาคตที่ยั่งยืนสืบไป
เพื่อสรุปแนวคิดต่างๆ อย่างรวบรัด ผู้เขียนขอเสนอบทสรุปไว้ดังต่อไปนี้
พลังนำธรรมจักร