ธรรมะ (ชาติ) ของชีวิต
k.koch



ตอนที่ 10 การให้ธรรมะแก่พ่อแม่เป็นการทดแทนบุญคุณที่สูงสุด

พ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิด อุ้มชู เลี้ยงดู ฟูมฟัก ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ลูกไม่สบายพ่อแม่ก็ไม่สบายกว่าลูกหลายเท่า ลูกทุกข์ใจ แต่พ่อแม่ก็ทุกข์ใจยิ่งกว่า พระคุณของพ่อแม่มีมากมายจนไม่สามารถเขียนบรรยายไม่หมด การตอบแทนบุญคุณของท่านทั้งสองจึงเป็นสิ่งที่ลูกทั้งหลายควรกระทำอย่างยิ่ง

การตอบแทนพระคุณบิดามารดานั้น ในพระไตรปิฎกได้กล่าวไว้ว่า

“การทำตอบแทนแก่ท่านทั้งสองเราไม่กล่าวว่าเป็นการทำได้โดยง่าย ท่านทั้งสองคือใคร คือ มารดาและบิดา ถึงบุตรจะมีอายุ 100 ปี มีชีวิตอยู่ 100 ปี ประคับประคองมารดาด้ายบ่าข้างหนึ่ง ประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง ปฏิบัติท่านทั้งสองนั้นด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำ และการบีบนวดและแม้ท่านทั้งสองนั้นจะถ่ายอุจจาระและปัสสาวะลงบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแล การกระทำอย่างนั้นไม่ชื่อว่าอันบุตรได้ทำ หรือทำตอบแทนแก่มารดาและบิดาเลย ถึงบุตรจะสถาปนามารดาและบิดาไว้ในราชสมบัติซึ่งเป็นเจ้าเหนือหัวแห่งแผ่นดินใหญ่ที่มีรัตนะ ๗ ประการมากมายนี้ การกระทำอย่างนั้นยังไม่ชื่อว่าอันบุตรได้ทำ หรือทำตอบแทนแก่มารดาและบิดาเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมารดาและบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้ให้แก่บุตรทั้งหลาย

ส่วนบุตรคนใดให้มารดาและบิดาผู้ไม่มีศรัทธา สมาทาน ตั้งมั่น ดำรงอยู่ในสัทธาสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยศรัทธา)

ให้มารดาและบิดาผู้ทุศีล สมาทาน ตั้งมั่นดำรงอยู่ในสีลสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยศีล)

ให้มารดาและบิดาผู้ตระหนี่ สมาทานตั้งมั่น ดำรงอยู่ในจาคสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยการเสียสละ)

ให้มารดาและบิดาผู้ไม่มีปัญญา สมาทาน ตั้งมั่น ดำรงอยู่ในปัญญาสัมปทา (ความถึงพร้อมด้วยปัญญา)

ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้นชื่อว่าอันบุตรได้ทำและทำตอบแทนแก่มารดาและบิดา”

(คัดลอกจากพระไตรปิฎก เล่มที่ 20 หน้า 78 ข้อ 34)

จากข้อความในพระไตรปิฎก สามารถสรุปได้คร่าว ๆ ว่า ไม่ว่าลูก ๆ จะตอบแทนพระคุณพ่อแม่ด้วยการดูแลเอาใจใส่ด้วยความรัก ป้อนข้าวป้อนน้ำ อาบน้ำ ชำระร่างกายให้อย่างมิได้รังเกียจ การช่วยให้พ่อแม่กินได้นอนหลับสบาย หรือแม้แต่มอบทรัพย์สมบัติล้ำค่ามากมายให้แก่พ่อแม่ก็ไม่สามารถทดแทนบุญคุณนั้นได้

แต่ก็ยังมีวิธีการทดแทนบุญคุณให้แก่พ่อแม่ที่ดีที่สุดนั้นคือ การให้ธรรมะแก่ท่าน การสอนธรรมะให้แก่พ่อแม่ที่ผิดศีล ไม่ศรัทธาในพระธรรม ให้มาศรัทธาในพระธรรมเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ยิ่งใหญ่

“การให้ธรรมะพ่อแม่เป็นการทดแทนบุญคุณที่สูงสุด”

ไม่มีใครรู้ว่าตนเองจะมีเวลาบนโลกนี้อีกนานเท่าไหร่ แต่เราพอที่จะคาดเดาได้ว่าพ่อแม่ที่แก่ชราของเรานั้นยังมีเวลาไม่มากนัก หากจะตอบแทนพระคุณท่านก็ควรรีบทำเสียตอนนี้ รอตอบแทนด้วยการทำบุญกรวดน้ำไปให้คงไม่ทันเสียแล้ว เพราะหลังจากที่จิตของมนุษย์หลุดออกจากร่างกายไปแล้ว จิตก็ไปสู่ภพภูมิตามกรรมที่ได้ก่อไว้ในขณะที่มีชีวิตอยู่ หากพ่อแม่ของเราเคยทำบาปมาแล้ว เราอาจจะไปเปลี่ยนแปลงอดีตของท่านได้ แต่หากท่านยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีคำว่าสาย เพราะจิตสุดท้ายหรือลมหายใจสุดท้ายของมนุษย์ก็มีผลต่อการไปจุติในภพภูมิใหม่ของดวงจิตเป็นอย่างมาก องคุลีมาลเคยทำชั่วมาตลอดชีวิต แต่กลับตัวกลับใจได้ จิตสุดท้ายไม่เศร้าหมองก็รอดพ้นจากนรก

หากพ่อแม่ยังมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง การสอนธรรมะให้ท่านก็สามารถทำได้ตามปกติ เช่น พาท่านเข้าวัด สวดมนต์ นั่งสมาธิ วิปัสสนา แต่หากพ่อแม่ที่แก่ชราแล้ว ย่อมมีโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาเบียดเบียน ร่างกายก็ไม่มีแรงที่จะเดินเหินได้ตามปกติ จะให้ท่านเดินจงกรมก็คงไม่ได้ จะให้นั่งสมาธิก็อาจจะทำให้ปวดหลัง ทำให้ท่านทุกข์ทรมานมากกว่าเดิม จะสอนแค่ครั้งหรือสองครั้งก็คงไม่ได้เพราะความจำก็เสื่อม ขี้หลงขี้ลืม แถมขี้ใจน้อย การพูดจาก็จะต้องระมัดระวังทำให้การนำธรรมะมาสอนให้ท่านทั้งสองนั้นต้องมีข้อจำกัด โดยเฉพาะพ่อแม่ที่ใกล้ฝั่งแล้ว ยิ่งต้องทำอย่างรอบคอบ สอนเท่าที่จำเป็น เพราะพ่อแม่ที่แก่ชราแล้ว สามารถละกิเลสหยาบ ๆ ได้แล้ว และคงไม่มีเวลาที่จะไปคิดทำร้ายใครอีกแล้ว เพราะฉะนั้นให้เจาะจงไปที่การฝึกจิต เนื่องจากการฝึกจิตจะทำให้พ่อแม่มีความสุขในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่และเมื่อถึงเวลาที่จะละโลกนี้ไปแล้ว จะได้มีแสงสว่างนำทางท่านไปสู่ภพภูมิที่ดี เช่น นำภาพพระพุทธรูปที่ท่านชอบมาวางไว้ในที่ที่เห็นได้สะดวก ชวนให้ท่านระลึกถึงพระพุทธเจ้า และคอยเตือนให้ทำบ่อย ๆ เพราะท่านอาจจะหลงลืมได้ ชวนให้ท่านภาวนาในอริยาบถที่สบาย ๆ ไม่ว่าจะเป็นท่านั่งพื้นหรือท่านอน ชวนกันระลึกถึงกรรมดีที่เคยทำร่วมกัน เพื่อประคับประคองจิตของท่านให้มีสุขอยู่ตลอดเวลา เมื่อถึงวาระที่ต้องจากโลกไปท่านจะได้จากไปอย่างมีความสุขและมีแสงสว่างนำท่านไปกราบพระพุทธเจ้าบนแดนทิพย์นิพพาน


k.koch