เรื่องอ่านเล่น กินรำทำเพลง The Series

กิน Episode 4 อาหารญี่ปุ่น ๒

สวัสดีเดือนสิงหาคม ๒๕๖๓ จากชาวเราก๊วนกินรำทำเพลงค่ะ ช่วงนี้ยังอยู่ในบันทึกการกิน เป็นตอนที่ ๔ แล้วนะคะ ยังอยู่กับการกินอาหารญี่ปุ่น ฉบับที่แล้วเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบฟิวส์ชั่น วันนี้ตามมากับพวกเราไปกินอาหารญี่ปุ่นแบบคนญี่ปุ่น (ในอเมริกา) กินกันนะคะ ร้านที่พวกเราได้รับเชิญไปชื่อร้าน Fuki-Shushi Japanese Cuisine อยู่ในเมือง Mountain View, California สำหรับคนที่ไม่ชินกับเมืองนี้ ถ้าเอ่ยว่าเป็นเมืองใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผู้อ่านก็คงร้อง ฮ้อ..รู้แล้ว..

เมื่อสักครู่ใช้คำว่า “รับเชิญ” ไปกิน ค่ะ..สมาชิกและผู้ที่เราไปร่วมรับประทานกัน “มักจะ” รับเชิญจาก บิ๊กบอสแห่งกรุงไทย คุณน้องประภา ศิริภักดิ์ ผู้ชื่นชอบในอาหารญี่ปุ่น และไม่อยากชื่นชอบคนเดียว แต่จะเชิญเพื่อนฝูงน้องพี่ไปกันเสมอๆ โดยผู้รับเชิญมาร้านนี้นอกจากพวกเราสมาชิกหน้าเดิมๆ อาทิ คุณแดง กิ่งกาญจน์ คุณหนูนา คุณปอ คุณหนูตุ๊กตา คุณธี คุณจี๊ดลดาวัลย์ คุณต๋อยวันทนา คุณต๋อยนิทรา คุณแพร่มแพ้ม คุณพี่จิ๋วสุวัฒนา และคุณพี่ยศ ผู้เป็นสมาชิกดั้งเดิมแล้วก็มีแขกรับเชิญเพิ่มเติมอีกหลายท่าน

จริงๆแล้วร้านนี้ตั้งมาสามสิบกว่าปีแล้ว ขนาดว่าคุณหนูตุ๊กตาเธอรู้จักตั้งแต่เจ้าของรุ่นแรก สามีภรรยาคนญี่ปุ่นที่มีอัธยาศัยดี จนบัดนี้เป็นรุ่นลูกสาวมาบริหารร้านแล้ว อาหารคงรูปแบบญี่ปุ่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจึงมีแฟนพันธุ์แท้นิยมมากินกัน อ้อ ! แถมนิดว่า ร้านนี้สนนราคาอาหารแพงกว่าร้านที่แล้วมาก ก็ขอขอบคุณเจ้ามือ บอสใหญ่แห่งกรุงไทยที่ทุกครั้งจะเป็นผู้ไม่ยอมให้ใครได้จ่าย สาเหตุว่าคุณน้องเขาจะได้สั่งอาหารตามที่ชอบและเป็นคนชอบสั่งเยอะๆจะได้ไม่เกรงใจใคร

ร้านนี้จะมีคณะคุณครูอาสาจากประเทศไทยที่ไปสอนอยู่ที่วัดพุทธานุสรณ์ ทั้งครูประจำปีและครูภาคฤดูร้อน หมุนเวียนเปลี่ยนหน้ากันมาเป็นแขกรับเชิญประจำ ขึ้นอยู่กับว่าปีนั้นใครมาสอน และเมื่อบรรดาครูๆ อาสากลับไปประเทศไทยเมื่อหมดภารกิจแล้ว ทุกคนจะเขียนกลับมาบอกถึงความคิดถึงร้านนี้กันแทบทุกคน

ร้านฟูกินี้เป็นร้านที่ตั้งอยู่ในทำเลเหมาะ มีเนื้อที่ของตัวเองกว้างขวาง จัดเป็นสวนแบบญี่ปุ่นหน้าร้านและตรงลานจอดรถ เรียกว่าเรียกน้ำย่อยของความเป็นญี่ปุ่นให้เราได้เก็บเกี่ยวก่อนเข้าไปลิ้มลองอาหาร ตรงนี้แหละะแขกไปใครมาก็จะถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก ดิฉันมีรูปภาพของบรรดาก๊วนกินรำทำเพลง รูปภาพของครูอาสามากมายเต็มอัลบั้ม เสียดายเนื้อที่นำมาลงไม่หมด และเนื่องจากร้านนี้เราจะชื่นชมบรรยากาศกันมากกว่าอาหาร ดิฉันจึงขอละเว้นที่จะไม่พรรณาสาธยายอาหารมากเหมือนบทก่อนๆ แต่จะให้ชมภาพ และเล่าถึงคณะพรรคมากกว่านะคะ

แต่ในเมื่อเรามาเพื่อกินก็ต้องเล่าล่ะค่ะ ว่าเรามา “กิน” อะไรที่นี่ ของที่อร่อย สด ขึ้นชื่อ ก็เป็นปลาดิบหลากชนิดที่มาด้วยจานใหญ่ สด คุณหนูนา บรรยายว่า “เคี้ยวไปแล้วมันกรุบ มันนุ่มลิ้น” คุณแดง บรรยายว่า “ปลาสดมากเหมือนกินที่ญี่ปุ่นเลย”

คุณน้องประภา บอกสำหรับร้านนี้ ชอบปลาดิบและพลัมไวน์ที่มีเม็ดบ๊วยลอยละล่องมานั้น มีคนแซวว่าขนาดบ๊วยเม็ดเดียวก็สามารถเมาแล้ว !! คุณประภาบอกอาหารที่นี่เหมือนที่ได้กินที่ญี่ปุ่นจึงชอบมา ส่วนพวกผู้ชาย คุณยศ คุณปอ คุณธี นั้นจะชอบหัวปลาทอด กรอบซึ่งตอนแรกเขานำปลาแบบซูชิมาวางเสิร์ฟทั้งตัว พอเรากินเนื้อปลาหมดเขานำเอาหัวปลาไปทอดกรอบกลับมาเสิร์ฟใหม่ ทั้งกรอบทั้งมันดี ส่วนดิฉันชอบเต้าหู้ทอดราดมาด้วยซอสซีสูตรเฉพาะของร้านเขา เต้าหู้กรอบนอกนุ่มในถูกใจส.ว.ยิ่งนัก ส่วนคุณครูอาสาทั้งหลายไม่เกี่ยงเรื่องอาหารเพราะถือว่ามากับพี่ๆ ป้าๆ น้าๆ เป็นสิ่งประเสริฐ อาหารก็สั่งได้ไม่อั้นเจ้ามือไม่เกี่ยงขอให้ครูๆ มีความสุข

ด้วยเหตุว่าร้านนี้มาน้อยๆ คนไม่สนุกเราจึงนิยมมากันเป็นคณะใหญ่ คุยกันแบบไม่เกรงใจเจ้าของร้านเพราะเจ้ามือเราเป็นลูกค้าประจำนับสิบปี เขาจะจัดที่นั่งมุมใหญ่ให้เราได้คุยกันเต็มที่ แต่พวกเราเป็นพวกมีมารยาทนะคะ เราไม่ส่งเสียงรบกวนใคร เราไม่คุยกันข้ามหัวใครไปมา ดังนั้นเมื่องานเลี้ยงเลิกรา เราจึงไม่รู้ว่าใครคุยเรื่องอะไรกันถ้าไม่ได้นั่งใกล้ๆ กัน ด้วยว่าพวกเรามีเรื่องสารพัดจะคุย ยกตัวอย่างนักคุยมาสักกลุ่มสองกลุ่มนะคะ

กลุ่มผู้ชาย คุณปอ คุณยศ คุณธี กลุ่มนี้ชอบปลาดิบกินเคล้ากับไวน์ สนุกสนานด้วยการเมืองทั้งไทยและมะกัน ที่ “มัน” ที่สุดคือได้ทุ่มเถียงถึงความกล้าบ้าบิ่นของปอ.ธอ.นอ.ประเทศนี้กันอย่างถึงพริกถึงขิง เอ้ย..ไม่ใช่สิ ถึงขิงถึงวาซาบิ สนุกปากดีเพราะว่าประเทศนี้เสรี ด่าผู้นำได้ไม่ต้องกลัว ...ก็ผู้นำเองก็ “ด่า” ฝั่งที่ถือหางพรรคตรงข้ามอย่างไม่กลัวเกรงประชาชนผู้เสียภาษีเช่นกัน

กลุ่มคุณครู...ประกอบด้วยครูที่อาสาไปสอนภาษาไทย ในภาพที่นำมาลงเป็นครูภาษาไทยช่วงซัมเมอร์สามคน เป็นครูที่เรียบร้อย ชอบฟังไม่ออกความเห็น เรียบร้อยสมเป็นครูภาษาไทย บอกเราว่าชอบอาหารมาก ชอบมากับพวกพี่ๆ ป้าๆ น้าๆ ที่ร้านนี้มาก ทั้งสามคนนี้เป็นครูของโครงการจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในปีนั้น เรามีครูผู้ชายสองคนเป็นครูชำนาญการดนตรีไทย จากวิทยาลัยนาฏศิลปกรุงเทพฯ โครงการอบรมดนตรีไทยช่วงซัมเมอร์ของสภาวัฒนธรรมไทยในสหรัฐอเมริกาแห่งเมืองฟรีมอนต์ ทั้งสองคนนี้ได้รับเชิญจากสภาฯ มาเป็นครั้งที่สอง ครูสองท่านนี้ชอบที่จะฟังมากกว่า (แต่เวลาไปเยี่ยมท่านที่ไทย ท่านสามารถคุยและแซวให้พวกเราเฮฮาได้เสมอ) ทั้งสองคนบอกว่าชอบมากินข้าวกับก๊วนเรา ทั้งนี้เพราะอาหารสดอร่อย ร้านมีบรรยากาศดี ที่สำคัญได้ไปรับประทานกับผู้มีพระคุณเปรียบเสมือนญาติ ทำให้อาหารอร่อยยิ่งขึ้น เหมือนกับบรรยากาศที่ได้ทานอาหารอร่อยกับครอบครัว เห็นไหมคะ ขนาดครูๆ จากประเทศไทยยังชอบก๊วนกินรำทำเพลงของเราเลย...ว่าเข้าไปนั่น สรุปว่าคำเยินยอ เอ้ย..คำตอบจากคุณครูๆ ทั้งหลายก็พอจะเดาได้ใช่ไหมคะว่า กลุ่มเราไปไหนสนุกที่นั่น

วันนี้ไม่มีอะไรจะเล่าถึงอาหารมากนะคะ ชมภาพกันดีกว่าค่ะ ขอม้วนจบง่ายๆ ว่า เรื่องกินของพวกเราไม่ใช่เรื่องใหญ่ การที่ได้ไปกินด้วยกันสนทนาด้วยกันเป็นความสุขที่แม้มีเงินตราก็หาไม่ได้ในการใช้ชีวิตในต่างแดนของพวกเรา มิตรภาพเป็นสิ่งสำคัญ พวกเราต่างก็นั่งภาวนาและอธิษฐานให้โรคระบาดร้ายแรง เจ้าโควิดสิบเก้านี้จงคลี่คลายไปในเร็ววัน เรานับวันที่จะได้กินรำทำเพลงด้วยกันด้วยใจอันจดจ่อ ก็หวังว่าคงจะอีกไม่นานเกินรอนะคะ

ขอจบการไปกินอาหารญี่ปุ่นที่เริ่มมาตั้งแต่ซีรี่ส์ที่สามถึงสี่แต่เพียงนี้ โอกาสหน้าพาไปพบกับการกินของพวกเราที่ร้านอาหารฝรั่งเศสที่เจ้าของเป็นคนไทยนะคะ และเป็นหนึ่งในก๊วนเรานี่แหละค่ะ สวัสดีค่ะ