กินรำทำเพลง 9 ธันวาคม 2566

กินรำทำเพลงฉบับนี้เล่าเรื่องมาจากเมืองไทย ค่ะ..ผู้เขียนมาเที่ยวเมืองไทยอยู่ตอนนี้ ระหว่างเดือน พฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ดังนั้นเชื่อว่าจะมีเรื่องเล่าอาหารการกินมาให้อ่านกันจุใจล่ะค่ะ แหล่งอาหารแรกที่จะนำมาเล่าเกิดขึ้นเมื่อผู้เขียนนัดสังสรรค์กับเพื่อนๆ นิเทศศาสตร์ จุฬาฯรุ่น 1 ซึ่งพวกเรานั้นเวลานี้อายุเข้าปลายเจ็ดสิบก็มี ปลายหกสิบก็มี เพราะสมัยเราเข้าเรียนนั้น เป็นรุ่นแรก เรียกคณะอิสระสื่อสารมวลชน ทางคณะรับนักเรียนสองประเภทคือ ประเภทที่ต้องสอบเข้าตามกฏเกณฑ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอีกประเภทคือที่ทำงานองค์กรที่เกี่ยวกับงานสื่อสารมวลชนและประชาสัมพันธ์ส่งมาเรียน

ดังนั้นเวลาเรียนเราจึงมีเพื่อนหลากหลายวัย การเวลาผ่านมาเนื่อนนานเรียนจบแยกย้ายกันไปแต่ก็สนิทกันมาก รุ่นบุกเบิกตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จักคณะนี้ จวบจนเมื่อเป็นคณะนิเทศศาสตร์ รุ่นแรกๆ ทำชื่อเสียงไว้มีผลงานตามสื่อหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ให้เห็น คณะก็เลยเป็นที่นิยมและกลายเป็นคณะหนึ่งที่สอบเข้ายากระดับต้นๆ ของมหาวิทยาลัยเลยทีเดียว โอ้..คุยถึงความหลังเรื่องคณะแล้วหยุดไม่ได้ ดังนั้นก็ขอหักมุมเล่าเรื่ออาหารการกินให้เข้ากันกับหัวข้อเรื่องดีกว่าค่ะ

ทันทีที่มีเพื่อนฝูงใครไปใครมาจากต่างประเทศ หรือต่างจังหวัด พรรคพวกก็จะมีการจัดให้ได้พบปะสังสรรค์กัน โดยมีเพื่อนที่เรายกให้เป็นผู้จัดการนัด ได้แก่ “พี่แป้น” อมรา พรหมโมบล ซึ่งคราวนี้นัดกันลงตัว เลือกไปกินอาหารเพื่อสุขภาพให้สมกับ ส.ว. ที่ห่วงใยในการกินอยู่อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย นัยว่าเราจะได้เป็น “เด็กสมบูรณ์” ต่อไป

สถานที่คือร้านวีรสุ….อ๊ะ เดี๋ยวนะคะ….ร้านนี้ไม่ได้ขายแต่เครื่องไฟฟ้าและเครื่องครัวเรือนนะคะ ผู้เขียนก็เพิ่งทราบว่า เขามีร้านอาหารเพื่อสุขภาพมาหลายปีแล้ว ซึ่งร้านนี้อยู่ในห้างวีรสุบนถนนวิทยุ ชื่อร้านคือ Vista Kitchen by Verasu

มิได้มาโฆษณาร้าน ไม่ได้อะไรจากการเขียนนอกจากว่านำเสนอร้านที่เล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ และในวัยของพวกเรา การกินอยู่ที่ดีก็จะทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขไร้กังวล ก็ตามที่ฝรั่งเขาเชื่อน่ะค่ะ “You are what you eat”

ที่น่าเชื่อถือคือทางร้านเขาทำการศึกษาตามหลักเทรด์นิยมของ Dr. Peter J.D’Adamo ซึ่งได้รับรางวัลแพทย์ธรรมชาติบำบัดยอดเยี่ยมจากอเมริกาเมื่อปี 1990 ที่ใช้เวลาศึกษาและเขียนหนังสือขึ้นมาชื่อว่า Eat right for your type เป็นการเลือกกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด

หากสนใจไปค้นหาอ่านได้นะคะในเว็บไซต์ของวีรสุและร้านอาหารที่ชื่อว่า Vista Kitchen ซึ่งจะมีข้อมูลโดยละเอียดถึงการกินตามกรุ๊ปเลือดซึ่งน่าสนใจมากค่ะ ไฮไลท์มีอยู่ตรงคำอธิบายดังนี้ ว่า

เลือดคนแต่ละกรุ๊ปนั้นจะมีสารเคมีในเลือดต่างกัน แต่จะมี Antigen เป็นตัวกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ซึ่งอาหารทุกชนิดล้วนมีโปรตีนซึ่งเป็นอนุมูลอิสระมีคุณสมบัติเหนียวและจับเกาะติดเลือดเรียกว่า เลคติน ถ้าการกินอาหารที่มีเล็คตินไม่เหมาะกับเลือดเรา เล็คตินเหล่านั้นยังเข้าไปรบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร การสร้างอินซูลินการเผาผลาญอาหาร และความสมดุลย์ของฮอร์โมน

ผู้เขียนแค่จะมาแนะนำว่าไปลองมาแล้ว อาหารที่เราสั่งเขามาเสิร์ฟ ทุกจานเมื่อมาวางน้องคนที่ดูแลโต๊ะเราซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าทีม ได้มาเล่าถึงประโยชน์และการปรุงที่เอาใจใส่ บางจานเขามาสาธิตให้ชมเลย นั่นคือข้าวยำปักษ์ใต้ที่เต็มไปด้วยผักและน้ำยำ (บูดู) เป็นต้น น้องคนนี้มาบริการเราส่วนตัวเลยเพราะเพื่อนเราคือหนูตุ้ม เอื้อบุญ และพี่แป้นรู้จักคุ้นเคยกับเจ้าของวีรสุเป็นอย่างดี และจองโต๊ะติดต่อก่อนมา เราก็เลยได้รับการต้อนรับอย่างดี ถือว่าเป็นโชคของกลุ่มเราในการรับประทานอาหารกลางวันเชิงสังสรรค์ในวันนั้น

เป็นการกินที่สนุกมาก เพราะการที่เราได้มาพบกันอีกในวัยนี้ (โดยที่กลุ่มเราหลายสิบคนได้ชิงจากไปอยู่บนฟ้ากันก่อนนั้นแล้ว) ทำให้วันนี้แปดสหายกระชุ่มกระชวยมากและถือว่าเรายังโชคดีมีสุข โดยเฉพาะเพื่อนวัยเก้าสิบกว่าของเราที่เราเรียกว่า “หมวดอนุวัฒน์”) ปีนี้เพื่อนวัยเลยเก้าสิบแล้วแต่ยังสดใสหัวใจสะออน ขี่บิ๊กไบค์เที่ยวไปเรื่อยๆ เป็นที่หวาดเสียวจนลูกเพิ่งห้ามขับขี่เมื่อไม่กี่วันนี้ แถมยังมีหวานใจคนใหม่คอยให้กำลังใจอยู่แบบไม่เคยขาดเพื่อน เป็นที่อิจฉาของผองเพื่อนเป็นอย่างยิ่ง

ชมภาพประกอบ อาหารอร่อยๆ จัดมาอย่างสวยงาม และภาพเพื่อนๆ วัยรุ่น (รุ่น ๑ ของนิเทศน์จุฬา) ขอลงบันทึกไว้ในความทรงจำของวันสังสรรค์ ที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ค่ะ ว่าพวกเรามีใครมาร่วม ประกอบด้วย “อ้วน” ดารณี (ศรีเฟื่องฟุ้ง) อัตตะนันท์ คนนี้เป็นเจ้าภาพมื้อนี้ (อีกแล้ว) ไม่ยอมให้เพื่อนๆ แชร์ ทรงศีล สุเสวี น.อ.สุรเดช โกมลบุตร พ.อ.ธีรพล อรรคราช “โอ่ง” จันทิมา (มุทุกันต์) เชยสงวน พ.ต.ท.อนุวัฒน์ แก้วอุบล “ตุ้ม” เอื้อบุญ (แพทยากุล) หอรัตนชัย สนุกสนานเม้าท์กันทุกเรื่องเกือบสามชั่วโมงก็แยกย้ายกันกลับ ทิ้งวลีเด็ดไว้ว่า “ลาทีมิใช่ลาก่อน” ค่ะ

พบกับเรื่องราวกินรำทำเพลงตอนต่อไปได้อีกเร็วๆ นี้ค่ะ