กินรำทำเพลง 15 มีนาคม 2568

ตอน ไปชมโขน ธันวาคม 2567

คงจะยังไม่สายเกินไปที่จะกล่าว สวัสดีปีใหม่ พ.ศ. 2568 หรือ ค.ศ. 2025 ขอคุณพระศรีรัตนไตรและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลกจงดลบันดาลให้ท่านผู้อ่านประสบแต่ความสุขความเจริญมีพลานามัยแข็งแรงตลอดปีใหม่นี้นะคะ

ประเดิมทริปด้วยการไปชม โขนพระราชทาน ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปชีพฯ

ดิฉันมาเขียนคอลัมน์นี้ ที่ประเทศไทย เดินทางออกจากซาน ฟรานซิสโกเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 ถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2567 เล่าละเอียดถึงวันมา ก็เพียงแต่จะมาเล่าว่าทุกปีดิฉันไม่เคยพลาดโขนพระราชทานของมูลนิธิศิลปชีพของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยปกติแล้วโขนพระพระราชทานจะสิ้นสุดการแสดงลงในวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี บังเอิญที่สุดที่ปีนี้ทางมูลนิธิได้เพิ่มรอบการแสดง มาจบในวันที่ 8 ธันวาคมพอดี นับเป็นโชคดีของดิฉันเครื่องลงตอนเช้ารอบสุดท้ายคือบ่าย 2 โมงดิฉันมาได้ทันเวลาได้เข้าชม นักเป็นบุญอย่างยิ่ง ปีนี้เป็นการแสดงตอน พระจักราวตาร

ความประทับใจในการชมโขนพระราชทานที่มีในทุกครั้งที่ได้ไปชม ก็คือความภูมิใจ ความปลื้มใจที่เห็นคนไทยทั้งผู้ใหญ่ทั้งวัยทำงาน และเยาวชนที่ให้ความสนใจไปชมกันอย่างล้นหลาม เรียกกันได้ว่าเมื่อใดก็ตามที่เริ่มประกาศให้มีการจองบัตร บัตรจะเต็มภายในเวลาไม่กี่อาทิตย์ และผู้ที่ไปชมก็จะสนับสนุนวัฒนธรรมการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบบไทยไทยมีทั้งเลิศหรูมีทั้งธรรมดาบ้าง บ้างก็ไปเป็นกลุ่มแต่งชุดไทยเหมือนเหมือนกันดูแล้วละลานตายิ่งนัก นอกจากนี้ความปราบปลื้มใจก็คือได้ทราบว่านักแสดงที่มาแสดง ทางมูลนิธิได้เปิดโอกาสให้ทุกคนที่สนใจในศิลปะการแสดงโขนนี้ ได้มีโอกาสเข้าสอบ โดยไม่ได้เลือกว่าต้องมาจากวิทยาลัยหรือโรงเรียนที่สอนด้านนี้โดยเฉพาะ เรียกว่าออดิชั่นจากกรรมการระดับศิลปินแห่งชาติ ซึ่งทุกครั้งที่ดิฉันได้ไปชมโขนก็จะนำมาลงในหนังสือพิมพ์ไทยแอลเอให้อ่านกัน แต่เป็นการลงไปในคอลัมน์บันทึกจากเบแอเรียซึ่งได้ปิดฉากงานเขียนไป เมื่อปลายปีที่แล้ว หลังจากเขียนมาเกือบ 20 ปี

เรื่องย่อ พระจักราวตาร

สำหรับการแสดงโขนตอนนี้ คณะกรรมการการแสดงได้คัดเลือกตอนพระจักราวตารเป็นตอนที่ แสดงกฤษดาภินิหารของพระจักรา หรือพระนารายณ์ที่อวตารลงมาเป็นพระรามเพื่อปราบฝ่ายอธรรม เปรียบราชวงศ์จักรีที่ผดุงความสุขและความสงบให้แก่พสกนิกรชาวไทย

การแสดงเริ่มจากพระอินทร์และเหล่าเทพนิกร พากันไปอัญเชิญพระนารายณ์ขณะประทับเหนือพระยาอนันตนาคราชในเกษียณสมุทรให้อวตารเพื่อปราบยุคเข็น พระนารายณ์เป็นพระราม เทพพาหนะและเทพอาวุธเป็นพระอนุชา พระลักษมีพระชายาเป็นนางสีดา ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งการต่อสู้รบพุ่งกับฝ่ายอธรรม คือทศกัณฐ์และญาติวงศ์ จากนั้นได้ดำเนินเรื่องเป็นลำดับตั้งแต่พระรามครั้งเยาวัยได้ปราบกากนาสูร อสูรญาติของทศกัณฐ์

จากนั้นได้ผูกเรื่องตัดตอนตั้งแต่พระรามเสด็จไปยกศรที่นครมิถิลา ได้นางสีดาเป็นพระเป็นมเหสี จนรับสัตย์จากท้าวทศรถพระบิดาออกเดินป่าเป็นเวลา 14 ปีขณะอยู่ในป่านางสำนักขา ขนิษฐาของทศกัณฐ์ ซึ่งมาพบพระรามและหลงรักแต่ไม่สมหวัง จึงมาฟ้องและยุยงจนเกิดสงคราม ทศกัณฐ์ใช้ให้มารีศแปลงกายเป็นกวางทองมาล่อพระรามออกติดตามกวางทอง ทศกัณฐ์แปลงเป็นพระสุธรรมฤษีลอบเข้ามารักนางสีดาพาขึ้นราชรถพบกับนก สดายุที่ขวางทาง จนในที่สุดทศกัณฐ์ได้พานางสีดาไปไว้ในอุทยานท้ายกรุงลงกา พระรามพระลักษณ์ติดตามได้พลวานรทั้งฝ่ายเมืองขีดขินและเมืองชมพู แล้วยกทัพไปทำสงครามชิงนางสีดากลับคืน

ในตอนสุดท้ายของการแสดงสมมุติว่า พระรามได้แสดงกฤษฎาภินิหารบำราบทศกัณฐ์ได้แล้วจึงเดินทางกลับอยุธยา และมีการเฉลิมฉลองที่สามารถปราบฝ่ายอธรรมราบคาบ สมดังเจตจำนงหมาย พระนารายณ์หรือพระจักราเปรียบประดุจต้นราชวงศ์จักรีที่ปกครองบ้านเมืองให้ความสงบสุขร่มเย็น ทรงเสียสละเพื่อผดุงชาติบ้านเมือง ดับยุคเข็ญ นำชาติไทยให้ก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองมาจนจนถึงทุกวันนี้

(คัดลอกเรื่องย่อนี้มาจากสูจิบัตรเรื่องพระจักราวตาร)

หลังจากที่ได้ชมทุกครั้ง ดิฉันอดไม่ได้ที่จะรำลึกถึง พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่พระราชทานแก่บุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดาในวันที่ 11 สิงหาคม 2562 ความว่า

“….การแสดงโขนครั้งนี้ไม่ใช่จะประสบความสำเร็จเพียงแค่ได้เผยแพร่ศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทยเราเท่านั้น แต่ยังเกิดสิ่งที่มีคุณค่าเพิ่มขึ้นมาอีก คือพวกเราได้สร้างช่างฝีมือรุ่นใหม่เอี่ยมขึ้นมา ที่เข้าใจถ่องแท้ถึงศิลปะการสร้างเครื่องแต่งกายโขน และได้เห็นความผูกพันอย่างใกล้ชิดแบบสังคมไทยสมัยโบราณ ลูกหลานจูงมือพ่อแม่ปู่ย่าตายายคนแก่ในบ้านไปดูโขนในครั้งนี้…”

ขอพระองค์ ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน

เชิญชมภาพที่คัดลอกมาจากสูจิบัตร ซึ่งในวันสุดท้ายที่ดิฉันได้เข้าไปชมนั้นไม่มีจำหน่ายเลย หมดเกลี้ยง ขอขอบคุณ คุณครู ทรงยศ แก้วดี ที่นำมามอบให้ภายหลัง


คุณยายแมว เพ็ญวิภา

รายงาน