ลิขิตฟ้า ชะตาดิน เรื่องของกรรม ตอน กรรมทำแท้ง ภาค 2

เอาละครับมาต่อกันเรื่องกรรมทำแท้งนะจ๊ะ อย่าลืมท่านใดอยากสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรรมทำแท้ง ติดต่ออาจารย์ได้จ้า....

ต่อจากฉบับที่แล้ว

ผลกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้มีส่วนร่วมในการทำแท้ง

กรรมเรื่องทำแท้งนี้ใช่ว่าจะตกอยู่กับผู้ที่เป็นบิดามารดาของเด็กฝ่ายเดียว ผู้ให้ความร่วมมือ ผู้ช่วยออกเงินค่าทำแท้ง รวมไปถึง แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยทั้งหลายที่มีส่วน หรือเรียกรวมว่า “ผู้อยู่ในวงจรการทำแท้ง” ทุกคนต่างก็มีส่วนในการรับผลกรรมเกี่ยวกับการทำแท้งไปด้วยทั้งสิ้นเพราะ พ่อหรือแม่เด็กแม้จะเป็นผู้ที่แสดงเจตนาหลักให้ทำแท้งจะได้รับผลบาปโดยตรงแต่ผู้ร่วมกระทำก็ต้องรับผลนั้นไปด้วย

หากจะเปรียบเทียบให้ชัดเจนก็คือ เวลาที่เราไปตลาดแล้วจะไปซื้อปลาสดมาทำอาหาร ผู้ที่ได้รับบาปมากที่สุดก็คือ ผู้ที่เป็นผู้สั่งให้ฆ่าปลาก็คือคนซื้อ ส่วนแม่ค้าปลาที่จับปลามาตามคำสั่งจะเป็นผู้ลงมือฆ่าเป็นข้อขอดเกล็ดปลาก็ต้องได้รับผลแห่งการกระทำด้วยเช่นกัน แต่ได้รับผลในระดับที่ต่างกันเพราะจัดเป็นกรรมที่สักแต่ทำ (กตัตตากรรม) มีเจตนาอ่อนกว่าคือ ทำเพราะเป็นอาชีพหาเลี้ยงตัวเท่านั้น

แต่อาชีพรับทำแท้งนี้เป็นอาชีพฆ่าคนอย่างหนึ่งเลยทีเดียวแม้จะกล่าวได้ว่าเป็น กตัตตากรรมก็ตามก็ยังมีผลกรรมที่หนักกว่าการฆ่าสัตว์เดรัจฉานอย่างมากมายยิ่งนัก

ในทัศนคติของแพทย์หรือพยาบาลผู้มีหน้าที่ทำแท้งนั้นอาจมีความเห็นที่แตกต่างออกไปเพราะเขาเหล่านั้นอาจมองว่า อาชีพการทำแท้งนั้นถือเป็นการ “ช่วยเหลือ”บุคคลที่ตกทุกข์ได้ยากอีกทางหนึ่งซึ่งผู้เขียนขอนำบทความ นิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 25 ฉบับที่ 7 เดือน กรกฎาคม ปี2544 ที่แสดงถึงความเห็นของนายแพทย์ท่านหนึ่งที่เคยทำแท้งให้กับเหล่าสุภาพสตรี ซึ่งผู้เขียนได้ตัดทอนข้อความเฉพาะส่วนที่สำคัญมาอ้างอิงไว้ ณ ที่นี้ว่า

“คน คือ สิ่งที่มีคุณค่า แต่หากจะต้องเกิดมา โดยมีพ่อแม่หรือคนคอยดูแล เอาใจใส่ ปกป้อง ยามที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รวมทั้งได้รับความรักและการศึกษาตามสมควร” ซึ่งหากเป็นเด็กทุกคนเกิดมาเป็นเช่นนั้นผู้เขียนก็ขอตั้งสมมติฐานไว้ได้เลยว่าอาชีพการทำแท้งก็คงจะไม่มีอยู่ในโลกนี้อย่างแน่นอน

แต่ความเป็นจริงสังคมไม่ได้เป็นอย่างนั้น เพราะมีเด็กที่เกิดมาจาก “ความไม่ตั้งใจให้เกิด” จำนวนมากมายและถูกทอดทิ้งให้กลายเป็นสิ่งไร้ค่าเหมือนเศษสิ่งของตามกองขยะ ซึ่งเขาเหล่านั้นไม่เคยได้รับรู้ถึงความรักที่แท้จริงจากพ่อแม่และสุดท้ายก็ต้องพบกับความยากลำบากมากในชีวิต…….

….การทำแท้ง แน่นอน ไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่ก็เป็นทางออกหนึ่งของผู้หญิงที่ยังไม่พร้อมจะมีลูก ส่วนจะด้วยเหตุผลใด คงไม่จำเป็นต้องไปซักไซ้ไล่เลียง บางทีต่อไปในภายภาคหน้า ครอบครัวของท่านเองอาจประสบปัญหาที่จำต้องตัดสินใจทำแท้งด้วยข้อบ่งชี้ที่ไม่ได้ระบุไว้ ในกฎหมายก็เป็นได้

หากเลือกเกิดได้ ข้าพเจ้ายังคงเลือกที่เป็นเช่นที่ผ่านมา เพราะตลอดชีวิตตั้งแต่เกิด จวบจนมีครอบครัว ข้าพเจ้ามีความสุขพอสมควรตามอัตภาพ หากเกิดมามีแต่ทุกข์ ถูกทอดทิ้ง และขาดความรัก ความอบอุ่น ข้าพเจ้าขอเลือกที่จะถูกทำลายชีวิตขณะอยู่ในครรภ์ซะดีกว่า ข้าพเจ้าคิดว่า การทำแท้งควรที่จะทำให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายได้แล้ว เพื่อให้ทุกชีวิตที่เกิดมา เกิดมาอย่างมีคุณค่าสมกับความเป็นคน…”

มุมมองของนายแพทย์ท่านนี้เรียกได้ว่าแสดงถึงเจตนารมณ์ที่ดีเพื่อเป้าประสงค์ในการลดความทุกข์ร้อนและปัญหาต่าง ๆทั้งจากแม่เด็กและตัวของเด็กเองที่จะเกิดขึ้นตามมาซึ่งเข้ากับหลักของกฎแห่งกรรมว่าด้วย กตัตตากรรมอย่างแท้จริง แต่แม้ว่ามุมมองของนายแพทย์จะมองเห็นเช่นนี้ อย่างไรก็ตามย่อมส่งผลกระทบกับตัวผู้ทำอย่างแน่นอนเพราะ นายแพทย์ผู้ที่กระทำและผู้ที่เกี่ยวข้องทำแล้วได้ “เงิน” เป็นสิ่งตอบแทนถือเป็นอาชีพอย่างหนึ่งและเรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่สร้างรายได้มากมายด้วย จะเห็นได้ว่าขั้นตอนในการทำแท้งนั้นใช้เวลาไม่นาน และค่อนข้างจะทำได้ง่ายและมีความรวดเร็วหากอายุครรภ์มีไม่มาก และเราจะพบเห็นได้ว่ามีอาชีพหมอเถื่อนเพื่อการทำแท้งนี้เกิดขึ้นมามากมาย


ผลที่เกิดขึ้นกับนายแพทย์หรือผู้ที่ลงมือทำแท้ง

เรื่องนี้ถอดความจากเทปของแม่ชีทศพร บูญเทวาพิทักษ์ ครูบาอาจารย์คนสำคัญอีกคนหนึ่งที่มีเมตตาช่วยคนที่กำลังว่ายอยู่ในทะเลทุกข์ และมีคนจำนวนมากที่เคยทำแท้งมา และท่านเมตตาช่วยเหลือ เรื่องนี้กราบขออนุญาตแม่ชีทศพร ไว้ ณ ที่นี้ จุดประสงค์ที่นำมาลงเพื่อให้คนทั้งหลายได้เข้าใจในผลแห่งกรรม

ผู้ที่มีอาชีพทำแท้งนั้นมีโทษใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับพนักงานในโรงฆ่าสัตว์ คือเมื่อฆ่าเขาเบียดเบียนเขาแล้วก็ต้องมีเหตุให้ต้องประสบเคราะห์กรรมด้านสุขภาพต่างๆ มากมาย อาจต้องประสบเคราะห์กรรมคือ กรรมให้เจ็บป่วยทางกาย ที่มีอาการเจ็บป่วยมากหรือน้อยไปตามจำนวนของเด็กที่ตนเองได้ลงมือทำแท้ง

คุณหมอที่เป็นสูตินารีแพทย์บางรายที่ทำแท้งให้กับลูกค้าจำนวนมากบางราย ถึงกับล้มเจ็บมีอาการป่วยเป็นโรคพาร์กินสันมีอาการ ขยับมือเท้าไม่ได้หรือขยับได้ยากลำบากตามลักษณะกรรมที่ได้ทำกับเด็กในครรภ์ผู้ที่ไม่มีโอกาสขยับเขยื้อนร่างกายเช่นกัน หรืออาจจะต้องเจ็บป่วยอย่างรุนแรงจนต้องเสียชีวิตไปก่อนวัยอันควร

ในชีวิตด้านอื่น ๆอาจจะประสบกับปัญหาครอบครัว คือมีอันต้องแยกทางกับคู่ครอง ไม่มีความสงบสุขในครอบครัวหากมีบุตรหลาน บุตรหลานอาจกลายเป็นคนที่ดื้อรั้น ว่ายากสอนยากหรือบุตรมีอายุสั้นเพราะเป็นผลมาจากกรรมที่ไปตัดรอนชีวิตของผู้อื่นไว้เป็นจำนวนมาก


ผลที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ออกเงินให้ไปทำแท้ง

ผลกรรมในลักษณะนี้อาจเกิดขึ้นกับตัวของผู้เป็นพ่อเด็กหรือคนใกล้ชิดของแม่เด็กที่พยายามจะช่วยกันหาทางออกคือต้องหาเงินมาจ่ายในการทำแท้งและเป็นค่ารักษาพยาบาลกับตัวแม่ เนื่องจากเงินที่นำมาทำแท้งเป็นไปเพื่อจุดประสงค์ในการฆ่าและทำบาป เมื่อได้ให้เงินไปแล้วก็จะมีผลทำให้มีเหตุต้องเสียเงินตลอดเวลา คือ แม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีความสามารถหารายได้ได้มากต่อเดือนแต่ก็ต้องมีเหตุทำให้เงินนั้นหมดไปแบบไม่รู้สาเหตุ หรือ เงินหายไปครั้งละมาก ๆ

หรือผลกรรมนั้นอาจปรากฏในอีกลักษณะหนึ่งก็คือในด้านการทำมาหากินก็จะทำมาหากินได้ยากลำบากมากขึ้นจากที่เคยหาได้ง่ายก็ต้องประสบปัญหานานัปการ ถ้าเป็นผู้ค้าขายก็อาจมีเหตุให้ต้องขาดทุนมากและทำอะไรใหม่ ๆก็ทำไม่ขึ้นไม่เจริญก้าวหน้า ฯลฯ


ผลที่เกิดขึ้นกับผู้มีส่วนร่วมอื่น ๆ

ผู้ที่มีส่วนร่วมในการทำแท้งในลักษณะอื่น ๆขอกล่าวรวมไปถึง พนักงานในสำนักงานทำแท้ง,พยาบาลและผู้ที่มีส่วนไม่ว่าทางใดก็ตามให้เกิดการทำแท้งให้สำเร็จก็จะได้รับผลกรรมลดหลั่นกันไป อาจจะได้รับความยากลำบากในการทำงาน,อาชีพการงานไม่มีความก้าวหน้าอย่างที่ควรจะเป็น,มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนงานบ่อย ๆ ,ชีวิตไม่มีความสุขเท่าที่ควร,ชีวิตครอบครัวมีปัญหาจุกจิกทำให้เกิดความเบื่อหน่ายน่ารำคาญอยู่เป็นนิจ ฯลฯ

หากจะกล่าวถึงผลกรรมโดยรวมสำหรับผู้ที่ทำแท้งและผู้ที่มีส่วนในการทำแท้งว่าผลจะหนักหรือเบาก็ขึ้นอยู่กับการแสดงเจตนาและการกระทำที่มีความรุนแรงตั้งใจให้การทำแท้งนั้นสำเร็จก็จะได้รับผลกรรมที่แรงไปตามเจตนานั้น ๆซึ่งเป็นไปตามหลักกฎแห่งกรรมทุกประการ

ที่สำคัญอย่าได้ลืมหรือเข้าใจผิดกันเป็นอันขาดว่า “อายุของเด็กที่ได้ทำแท้งไปแล้วนั้นเขาไม่ได้มีอายุสิ้นสุดเพียงแค่ตอนที่ถูกทำแท้งออกมาแล้ว” เพราะปกติวิญญาณของคน ๆหนึ่งที่จะเกิดขึ้นมาอาจมีอายุขัยยืนนานเป็น 70-80 ปีเมื่อเขาตายในครรภ์ไม่ได้หมายความว่า ชีวิตเขาสิ้นสุดแค่นั้นแต่จิตวิญญาณที่หลุดออกมาแต่ยังต้องวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ไปตามอายุขัยที่ถูกกำหนดมาด้วยกรรมที่เขาทำในอดีตชาติ เมื่อเขาได้รับผลบุญบารมีที่มากพอแล้วเขาจึงจะสามารถอภัยให้กับผู้ที่ก่อกรรมและสามารถไปเกิดใหม่ได้

ขณะเดียวกันก็มีวิธีที่เร็วกว่าการนั่งรอนอนรอให้เขาปล่อยเรา ตามความรู้ที่ได้จากสมาธิญาณ ส่วนท่านจะเชื่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณและระดับความกระหายที่อยากจะหลุดพ้น ขอสรุปโดยย่อ ดังต่อไปนี้ครับ:

เรื่องวิญญาณเด็กนี่ เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครเข้าใจนัก วิญญาณเด็กดวงหนึ่งต้องใช้เวลา50-180ปี กว่าจะถึงบารมีที่จะมาเกิด สมมติว่าเด็กคนหนึ่งใช้เวลาร้อยปีกว่าจะได้คิวมาเกิด เมื่อได้คิวก็จะไปจ่อรอข้างกายแม่ เมื่อได้คิวแล้วเบื้องบนจะตัดความทรงจำในชั้นสวรรค์ที่เคยบำเพ็ญเพียรภาวนามาเพื่อให้เด็กที่จะเกิดเลือกชีวิตด้านธรรมหรืออธรรมเอง ดังนั้นเมื่อไม่ได้เกิด และธรรมะไม่มีในใจ ก็จะเหลือแต่ความอาฆาตแค้นต่อบิดา/มารดา รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง การทำบุญไม่ได้ช่วยให้เขาเห็นทางสว่าง ยกเว้นให้เขาเห็นอภัยทานเท่านั้น

วิญญาณเขาจักปิดกั้นชีวิตครอบครัวความคาดหวังใดๆที่จะได้มาต้องหลุดมือ ชีวิตครอบครัวก็ระหองระแหง...ตอนทำบุญพระก็ไม่เคยถามเด็กว่าทำอย่างไรเขาถึงจะให้อภัยมีแต่ทำบุญ ถวายสังฆทานตามพิธีกรรม

วิญญาณเขาปิดกั้นชีวิตครอบครัวความคาดหวังใดๆที่จะได้มาต้องหลุดมือ ชีวิตครอบครัวก็ระหองระแหง...ตอนทำบุญพระก็ไม่เคยถามเด็กว่าทำอย่างไรเขาถึงจะให้อภัยมีแต่ทำบุญ ถวายสังฆทานตามพิธีกรรม

วิญญาณเด็กจะมีผลต่อลูกที่เกิดมาด้วย เขาจะถามเสมอว่า “ทำไมเอ็งเกิดได้แล้วข้าเกิดไม่ได้” นอกจากนั้นยังส่งผลถึง ธุรกิจที่ทำด้วย ตัวอย่างเช่น พนักงานหรือแม่ครัวมีปัญหาขัดแย้งกับเราตลอด โดนเขาโกงบ้าง ยักยอกเงินบ้าง รายได้ดีแต่เก็บไม่อยู่เนื่องจากถูกโกงหรือมีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นบ่อยๆ ยังรวมถึงนิสัยก้าวร้าวของลูกหรือครอบครัวเราเจอแต่เรื่องและอุปสรรคไม่หยุดไม่หย่อน คนในบ้านใจร้อนหากันประจำ บางทีก็ได้ยินเสียงของหล่น ประตูเปิดปิดเอง เห็นเงาคนผ่านทางหางตาเป็นต้น หรือได้ช่างไม่ดี โกงเรา ผู้ว่าจ้างจ่ายตังไม่ครบ ปัญหาในครอบครัวถึงขั้นท้าหย่าก็มี จากแรงอาฆาตของเด็ก

ทำบุญก็ดี แต่ไม่ช่วยให้เด็กเห็นอภัยทานและเป็นอิสระ ผู้ที่มีบารมีบริสุทธิ์เท่านั้นที่เขาจะฟังคือ มหาอรหันต์ที่มรณภาพไปแล้ว เช่นหลวงปู่ทวด หลวงปู่โตฯลฯ ต้องใช้ผู้ที่มีบารมีหรือเป็นที่รักของเทวดาเท่านั้นที่สามารถเชิญทั้งเด็กและอรหันต์ได้ เพื่อเทศนาเรื่องอภัยทาน ส่วนเด็กจะปล่อยหรือไม่ คู่กรณีที่ทำพิธีจะรู้เองในคืนวันที่สามของการทำพิธี ถ้าปล่อยเขาจะไปหาเพื่อลาคุณและขออโหสิกรรมก่อนจะขึ้นไปบำเพ็ญ รอเวลามาเกิดอีกครั้ง

จบบริบูรณ์แล้วครับ เห็นไหมครับ การแก้ไม่ยากแต่ต้องหาคนที่แก้เป็น ที่สำคัญเจ้าตัวจะได้สัมผัสวิญญาณเด็กเองในคืนวันที่สามจะได้รู้ชัดว่าเขาเป็นอิสระแล้ว ไม่ใช่ให้คนทำพิธีมาบอกว่าเด็กไปแล้ว โดยเราเองก็ไม่รู้ไม่เห็นจริง ขอให้ทุกท่านที่ติดกรรมนี้ซึ่งเกี่ยวทั้งการทำแท้งและเด็กหลุดธรรมชาติพบทางสว่างนะครับ


อย่าพลาดฉบับหน้า มีเรื่องดีๆน่ารู้มาฝากอีก

สนใจสอบถามเพิ่มเติมเรื่องกรรมทำแท้งหรือการจัดฮวงจุ้ยได้ที่ (818)399-5757 หรือ ไลน์ stevefengshui



อ.เดช ญาณทิพย์