ป้องกันการถูกขโมยข้อมูลไว้ก่อน จะได้ไม่เดือดร้อนทีหลัง!

ข่าวที่กำลังได้รับความสนใจในด้านเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการดำรงชีพในโลกอันศิวิไลซ์นี้ ตั้งแต่การใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟน ที่สามารถทำธุรกรรมได้หมด เช่น โอนเงิน ชำระบิล ดูบัญชีในแบ็งค์เรา รับแจ้งการใช้เครดิตการ์ด รวมถึงโซเชียวมีเดีย อีเมล ไลน์ เฟซบุค และแอปอื่นๆ อีกมากมาย แม้แต่การลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล การขอตรวจและฉีดวัคซีนโควิด ก็ต้องผ่านเทคโนโลยีนี้ทั้งสิ้น ทุกคนเลยจำเป็นต้องเรียนรู้ บางคนกว่าจะทดลอง เนื่องจากสื่อสารกับเพื่อน หรือโลกภายนอกไม่ได้แล้ว เลยยอมเปลี่ยนโทรศัพท์ ที่นี้ล่ะพอเล่นเป็น จึงรู้ว่ามันสะดวกรวดเร็วกว่าสมัยก่อนเป็นไหนๆ ส่งรูป วิดีโอ คลิป ได้ทันที ติดใจเลย จนตอนนี้เล่นจนตาเปียกตาแฉะ กลายเป็นปัจจัยที่ห้าไปแล้ว

ขณะเดียวกัน พวกมิจฉาชีพก็ต้องมีการพัฒนาเช่นกัน เมื่อก่อนต้องไปปล้นธนาคาร กว่าจะได้เงินมามากๆ ต้องเสี่ยงตาย เลยมาเรียนรู้ว่าจะขโมยข้อมูลจากฐานข้อมูลบริษัทใหญ่ๆ อย่างไร แล้วรีดเงินเป็นค่าไถ่ถอน ซึ่งง่ายกว่าเยอะ ทำได้ทั้งภายในและต่างประเทศ โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตนอีกต่างหาก หรือสามารถเข้าไปแฮคในศูนย์คอมพิวเตอร์ของบริษัทใหญ่ๆ ให้หยุดการทำงานได้เลย ยกตัวอย่างเช่น

• 6 June 2021 Colonial Pipeline ยอมจ่ายเงิน $4.4 Million ให้แฮกเกอร์ Hacker บุคคลที่หยุดชะงักการทำงานของคอมพิวเตอร์ในการส่งข้อมูลขนส่งน้ำมันทางฝั่งตะวันออกของบริษัทนี้ ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ในอเมริกา ทำให้มีการหยุดส่งน้ำมันไปสามวัน ถึงกับยอมจ่ายค่าไถ่เลย โดยแฮกเกอร์ ระบุให้จ่ายผ่านด้วยบิตคอยน์ (Bitcoin) 75 เหรียญ มูลค่าเกือบห้าล้านเหรียญ จึงสามารถส่งน้ำมันได้ต่อ

• 15 August 2021 T-Mobile ออกมายอมรับว่าข้อมูลลูกค้าทั้งอดีตและปัจจุบันกว่า 100 ล้านชื่อ มีทั้งชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด เบอร์โซเชียว เบอร์ใบขับขี่ ถูกขโมยไปโดยแฮกเกอร์ (data Breach) ย้งไม่ทราบว่าจะเอาค่าไถ่เท่าไร ตอนนี้แจ้งให้ลูกค้าไปลงทะเบียนกับบริษัท McAfee ซื้อประกัน Identity Theft Protection ฟรี จ่ายเบี้ยประกันให้สองปีเผื่อมีใครเอาข้อมูลเราไปใช้ในทางที่ผิด เช่น เปิดบัญชีธนาคาร เครดิตการ์ด เป็นต้น

• 23 August 2021 Apple iCloud ยอมรับว่าถูกนาย Hao Kou Chi จากเมือง La Puente อายุ 40 ปี ขโมยรูป วิดีโอ ของลูกค้าเป็นพันๆ บัญชี ได้กว่า 620,000 ภาพและวิดีโอ โดยขู่จะปล่อยภาพ วิดีโอเปลือยของสาวๆ สู่ทางอินเตอร์เน็ต ถ้าบริษัทแอปเปิลไม่จ่าย แต่โชคดีสำหรับบริษัท แต่โชคร้ายสำหรับแฮกเกอร์ที่ถูกจับได้เสียก่อน เพราะมีที่อยู่ถิ่นฐานในประเทศอเมริกา

เรื่องที่เจอกับคนไทยและถามผมบ่อย ๆ คือเรื่อง Identity Theft เนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจกับไอดีต่างๆ ของตัวเอง เช่น ใบขับขี่ ใบโซเชียล บัตรเครดิต วันเดือนปีเกิด บัญชีธนาคาร จดหมายต่างๆ ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับบัญชีเครดิตการ์ด บิลโทรศัพท์ บิลค่าน้ำค่าไฟ และเมื่อข้อมูลเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี วันดีคืนดีคุณก็จะได้รับโทรศัพท์มาทวงหนี้ จดหมายต่างๆ จากสำนักงานของรัฐบาล ในเรื่องภาษี กว่าเราจะรู้ ผู้ร้ายก็เอาข้อมูลของเราไปใช้เรียบร้อย และหนีไปไกลแล้ว เหลือแต่ความทุกข์ทรมานมอบให้เราตามแก้ไข ซึ่งบางครั้งเราไม่มีความชำนาญด้านภาษา และไม่รู้จักกระบวนการว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง ผมก็จะเขียนอีกครั้งในโอกาสนี้ เพราะทุกอย่างเราสามารถป้องกันไว้ก่อนที่เหตุจะเกิดขึ้น มันดีกว่าแน่ๆ

ส่วนเมื่อท่านตกเป็นเหยี่อแล้ว สิ่งที่ควรทำมีดังนี้

1. แจ้งศูนย์เครดิตต่างๆ ในประเทศนี้มี 3 บริษัทใหญ่ๆ

Equifax 888-548-7878

Experian 888-397-3742

TransUnion 888-916-8800 แจ้งว่าเราเป็นเหยี่อที่เบอร์ 800-888-4213

เวลาโทรไป ขอคุยกับแผนก Fraud Unit บอกว่าเรามีเครดิตการ์ดที่ถูกขโมยเบอร์ หรือบัตรถูกขโมย แล้วเขาจะทำหมายเหตุในบัญชีเราทันที เรียกว่า “Flagged” หรือถ้าสงสัยว่ามีคนนำข้อมูลของเราไปเปิดบัญชีธนาคาร ขอเครดิตการ์ด ขอกู้เงิน เราก็บอกเขาว่า “My I.D. has been used to apply for credit fraudulently, contact me at (เบอร์โทรศัพท์ของเรา) เพื่อยืนยันเมื่อมีผู้ไปสมัครขอเครดิต” ทางศูนย์เครดิตจะใส่หมายเหตุอันนี้ไปเลย แล้วธนาคารหรือแหล่งเงินกู้ก็จะให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือต้องสอบถามยืนยันกับเราในกรณีมีคนมาสมัครขอเครดิต

2. แจ้งเจ้าหนี้ต่างๆ (Creditors) ทั้งทางโทรศัพท์ และลายลักษณ์อักษร ส่งไปรษณีย์แบบมีการเซ็นรับรองรับจดหมาย (Certified Mail)

3. แจ้งตำรวจท้องที่ที่ท่านอาศัยอยู่ จดหมายเลข (Case#) เรื่องในการแจ้งความ หรือขอ Police Report เก็บไว้เป็นหลักฐานในกรณีบริษัทจะมาทวงหนี้ที่เราไม่ได้ไปก่อไว้

4. ถ้าเช็ค หรือสมุดเช็ค หรือบัตรเครดิตหาย ต้องแจ้งธนาคารทันที และให้ระงับเช็คที่ได้เขียนไปแล้วแต่บริษัทยังไม่มาเบิก ธนาคารจะปิดบัญชี และเปิดบัญชีใหม่ให้ ยกเลิกบัตรเก่า และออกบัตรเครดิตใหม่ด้วยเลขที่บัญชีใหม่ให้ เราควรจะแจ้งบริษัทตรวจสอบเช็ค (Verify Check Service) เวลาเราเขียนเช็คด้วย มีบริษัทใหญ่ๆ คือ

Check Rite 801-568-1380

Cross Check 888-937-2249

Chex Systems 800-428-9623

Tele Check 800-361-8199

International Check Service 800-526-5380

อ่านค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ Non-profit websites ดังนี้

 Federal Trade Commission www.consumer.gov/idtheft

 Identity Theft Resources Center www.idtheftcenter.org

 Privacy Rights Clearinghouse www.privacyrights.org

 Social Security Online www.ssa.gov/pubs/idtheft.htm

 U.S. Postal Inspection Service www.usps.com/postalinspectors

5. กรณีที่สงสัยว่ามีคนไปเปลี่ยนที่อยู่ของเรา (Fraudulent Change of Address) ต้องรีบไปที่สำนักงานไปรษณีย์ในเขตของท่าน เพื่อตรวจสอบว่า ใครแจ้งย้ายที่อยู่ของเราโดยไม่ได้รับอนุญาต ไปรษณีย์มีตำรวจของตัวเองเรียกว่า U.S. Postal Inspector

6. กรณีที่สงสัยว่ามีคนเอาเบอร์โซเชียลของเราไปใช้ ก็ต้องติดต่อสำนักงาน Social Security Administration แผนก Fraud Investigation 800-269-0271 ถ้ามีเหตุผลครบถ้วน เขาสามารถออกใบโซเชียลเบอร์ใหม่ให้ ตรวจสอบใบแจ้งรายได้ และสวัสดิการประจำปีว่ามีใครจงใจเอารายได้มาใส่บัญชีเราหรือเปล่า (Earning and Benefits Statement)

7. พาสปอร์ต ต้องแจ้งสำนักงานที่ออกพาสปอร์ตเป็นลายลักษณ์อักษร เขาจะได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษในกรณีที่ผู้ร้ายเอาข้อมูลไปขอหนังสือพาสปอร์ตเล่มใหม่

8. ใบขับขี่ถูกขโมย หรือหาย ติดต่อกับ DMV บางกรณีคนขโมยข้อมูลของเราไปใช้สมัครขอใบขับขี่ในชื่อของเรา เบอร์เหมือนกัน แต่รูปถ่ายคนละคนกัน เจอมาหลายครั้ง DMV สามารถตรวจสอบและทำหมายเหตุในใบขับขี่เราได้ ว่าเราเป็นเหยื่อ I.D. Theft เข้าไปในเว็บไซต์ www.dmv.ca.gov หรือแวะสำนักงาน DMV ใกล้บ้านคุณ

9. ถ้ากรณีที่มีคนนำคำสั่งศาลที่ผู้ไม่หวังดีได้แอบเอาข้อมูลของเราไปใช้แล้ว บริษัทหรือบุคคลที่เป็นเจ้าหนี้ไปฟ้องศาลแล้วชนะ บริษัทจะได้รับคำสั่งศาล (Judgment) ในการเรียกร้องค่าเสียหายจากเราเป็นเงินจำนวนเท่านั้นเท่านี้ ถ้าเราไม่เกี่ยวข้องรู้เรื่องด้วย ต้องเอาใบแจ้งความ และหลักฐานอื่นๆ ไปที่ศาลที่ออกคำสั่ง แจ้งเขาว่าเราเป็นเหยื่อของ I.D. Theft ศาลจะพิจารณายกเลิกคำสั่งได้ บางรายเอา Judgment ไปลงทะเบียนอายัดบ้านเราด้วย (Liens)

เอาละครับ ป้องกันไว้ก่อน อย่าไว้ใจใครโดยเฉพาะรูมเมทที่อาศัยอยู่ด้วยกัน หรือแฟนเก่า เวลาดีกันก็รักกันปานจะจูบปากกันทุกวัน เวลาเลิกกันก็มักจะมีวิชามารออกมาเสมอๆ อย่าไป Co-Sign ค้ำประกันให้กับใคร รับฝากเงินสด เพราะดีไม่ดีคุณต้องรับผิดชอบเต็มๆ ด้วย และสุดท้ายเป็น พาร์ทเนอร์ชิป (Partnership) หรือหุ้นส่วนกัน ควรจะมีหนังสือสัญญาที่เขียนโดยทนายความ ที่มีความรู้ในเรื่องธุรกิจการค้า เขียนให้ละเอียดในกรณีทะเลาะกัน หุ้นส่วนที่จะขอขายหุ้นออก ว่าใครต้องทำอะไร อย่างไร จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ มาด่ากันเสียๆ หายๆ ในโซเชียลมีเดีย ฟังแล้วมันหดหู่ใจจริงๆ มีอะไรก็พูดคุยกันดีๆ ใช้สติแทนอารมณ์กันจะดีกว่า เราพูดภาษาเดียวกัน คิดถึงเวลาที่เขาเคยดีกับเราเถอะ อย่าลืมสุภาษิตที่ว่า “อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง” ยังใช้ได้เสมอครับ


โชคดีครับ

คิด ฉัตรประภาชัย