สิทธิในการถือสัญชาติโดยกำเนิด (Birthplace Rights) กับคำสั่งพิเศษของทรัมป์ ฉบับที่ 14160

หลายคนสงสัยว่า…

เด็กที่เกิดในสหรัฐฯ จะยังได้สัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัติอยู่หรือไม่? โดยเฉพาะในกรณีที่พ่อแม่ของเด็กไม่มีสถานะถูกกฎหมาย หรืออยู่ด้วยวีซ่าชั่วคราว

ในวันที่ 27 มิถุนายน 2025 ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ (U.S. Supreme Court) ซึ่งมีผู้พิพากษา 9 ท่าน มีมติ 6 ต่อ 3 ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนมาก เพราะข่าวที่ออกมาบางครั้งก็ไม่ครบถ้วน

รู้จักมาตรา 14 ของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ

รัฐธรรมนูญฉบับแรกของสหรัฐฯ ลงนามในปี ค.ศ. 1787 และมีการเพิ่มเติมสิทธิต่าง ๆ ของประชาชนใน "Bill of Rights" โดยหนึ่งในบทบัญญัติสำคัญคือ มาตราแก้ไขเพิ่มเติมที่ 14 (14th Amendment) ซึ่งประกาศใช้ในปี 1868 เพื่อรับรองสิทธิของอดีตทาสและลูกหลานของพวกเขา หลังจากสงครามกลางเมือง (Civil War) ในปี 1865 ที่ยกเลิกทาส

สรุปใจความได้ว่า:

“บุคคลใดที่เกิดหรือแปลงสัญชาติในสหรัฐฯ และอยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐฯ ถือเป็นพลเมืองของประเทศนี้ ยกเว้นลูกของนักการทูตต่างชาติ”

คดีสำคัญ: United States v. Wong Kim Ark (1898) ชาวจีนที่มาทํางานสร้างรางรถไฟให้ประเทศสหรัฐฯ แล้วคลอดลูกที่นี่

ศาลสูงสุดเคยตัดสินไว้ว่า …

“เด็กที่เกิดในสหรัฐฯ แม้พ่อแม่จะไม่ใช่พลเมืองอเมริกัน ก็ถือว่ามีสัญชาติอเมริกันโดยกำเนิด”

คำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีทรัมป์: Executive Order No. 14160

เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 ประธานาธิบดีทรัมป์ออกคำสั่งให้ หยุดการให้สัญชาติอัตโนมัติแก่เด็กที่เกิดในสหรัฐฯ หากพ่อแม่อยู่โดยผิดกฎหมาย หรือไม่มีถิ่นที่อยู่ถาวร (ใบเขียว) หรือมาวีซ่าท่องเที่ยว

คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 19 กุมภาพันธ์ 2025 โดยสั่งให้หน่วยงานของรัฐหยุดออกเอกสารแสดงสัญชาติให้เด็กกลุ่มนี้

เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น?

● 22 รัฐในสหรัฐฯ ยื่นฟ้องว่าทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขต ขัดต่อรัฐธรรมนูญ

● ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นด้วยกับรัฐเหล่านี้

● ฝ่ายรัฐบาลกลางจึงยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุด

● ศาลสูงสุดมีมติ 6 ต่อ 3 ว่า…

🔹 ข้อที่ 1:

คำสั่งของปธน.ทรัมป์ยังมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ

แต่การฟ้องร้องในศาลชั้นตันของแต่ละรัฐจะต้องพิจารณาแยกเป็นกรณี ๆ ไป ศาลไม่สามารถสั่งให้ “ยกเลิก” คำสั่งนั้นทั้งหมดได้ทันที

🔹 ข้อที่ 2:

22 รัฐที่ฟ้องร้องไว้ ต้องเริ่มปฏิบัติตามคำสั่งทรัมป์ฉบับที่ 14160 ตั้งแต่ 27 กรกฎาคม 2025 ส่วนอีก 28 รัฐก็ปฎิบัติตามคำสั่งเดิมไปต่อ

บางรัฐกำลังเตรียมฟ้องแบบ กลุ่ม (Class Action Suit) เพื่อคุ้มครองผู้ที่ได้รับผลกระทบจำนวนมาก

ศาลสูงสุดตัดสินว่า…

ศาล ยังไม่ได้ตัดสินใน “เนื้อหา” ของสิทธิพลเมืองโดยกำเนิด ว่าจะให้หรือไม่ให้

แต่เพียงตัดสินว่า ประธานาธิบดีมีสิทธิออกคำสั่งพิเศษได้ และศาลล่างไม่มีอำนาจบล็อกคำสั่งนึ้ได้ทั่วประเทศ

นี่คือสิ่งที่เรียกว่า:

“Procedure Victory, Not a Substance Victory”

“ชนะคดีด้วยขั้นตอนทางกฎหมาย ไม่ใช่ด้วยข้อเท็จจริงหรือเนื้อหาของคดี”

The phrase "procedure victory, not a substance victory" highlights a situation where the outcome of a legal case is determined by adherence to or misapplication of procedural rules, rather than a ruling on the actual merits or "substance" of the case.

แปลพอสังเขป

“ชัยชนะเชิงกระบวนการ ไม่ใช่ชัยชนะในเนื้อหา” สะท้อนถึงสถานการณ์ที่ผลของคดีถูกตัดสินจากการปฏิบัติตาม หรือการบิดเบือนกฎเกณฑ์ในกระบวนการพิจารณาคดี มากกว่าการพิจารณาจากข้อเท็จจริงหรือเนื้อหาสาระของคดีนั้นโดยตรง”

● มีอีก 33 ประเทศทั่วโลกที่ให้สัญชาติแก่ผู้ที่เกิดในประเทศนั้น ๆ โดยอัตโนมัติ

เช่น: สหรัฐฯ แคนาดา เม็กซิโก บราซิล อาร์เจนตินา จาเมก้า คิวบา ปากีสถาน และอื่น ๆ อีกมาก

ข้อคิดส่งท้าย:

"ความสำเร็จทุกอย่าง มีราคาที่ต้องจ่าย"

ไม่ว่าจะเป็น เงิน เวลา ความรู้ หรือการเสียสละ

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เข้าใจเรื่องใหญ่ ๆ นี้ง่ายขึ้นครับ

โชคดีครับ