ประมวลภาพ



ไทยเอลวิสยังไม่ตาย แต่เขาอาจไม่ใช่คนที่คุณคิด

มานูเอล ตอยยีบี ใช่แล้ว นี่คือชื่อจริงของเขา เขานั่งสงบเยือกเย็นอยู่ที่โต๊ะในร้านอาหาร Siri Thai Cuisine restaurant ที่ Burbank เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาไม่นานนี้ เพื่อรอขึ้นเวทีซึ่งอยู่ด้านในของร้านอาหาร ร้านอาหารแห่งนี้เสิร์ฟทั้งอาหารไทยภาคเหนือและภาคใต้ ตั้งอยู่ในเขตช้อปปิ้งเล็กๆที่ Burbank Boulevard ติดกับร้านรับดูแลสุนัขและร้าน Edible Arrangements นี่คือร้านอาหารไทยแห่งเดียวใน Los Angeles ที่มีเวทีสำหรับการแสดง อาทิเช่น การแสดงเลียนแบบเอลวิสและ Britney Spears ให้คุณได้ชมขณะรับประทานอาหาร

ในวันเสาร์นี้ ร้านอาหารแคบๆแห่งนี้เต็มไปด้วยลูกค้าประมาณ 100 คนที่ต่างพากันมารับประทานอาหารในงานฉลองครบรอบ 3 ปีของร้านและชมการร้องเพลงของ มานูเอล ตอยยีบี หนึ่งในนักร้องผู้รับบทบาทเป็นเอลวิสที่โด่งดังที่สุดของประเทศไทย

ด้วยความสูง 5 ฟุต 2 นิ้ว มานูเอลเป็นชายร่างผอมแต่แข็งแรงซึ่งอาจจะอยู่ในวัย 70 เศษหรือไม่ก็ได้ เพราะเหมือนกับนักแสดงส่วนใหญ่ เขาอยากปกปิดอายุตัวเองเป็นความลับมากกว่า มานูเอล ชอบสวมเสื้อแจ็คเก็ตยีนส์สีซีด มีผมสีดำสนิทและจอนหนาครึ้ม สวมแหวนประดับอัญมณีส่องประกายแพรวพราว และแม้ตอนที่เขาไม่ได้สวมชุดเอลวิส เขาก็ยังเหมือนเอลวิสไม่มีผิด เหมือนเพิ่งเดินลงมาจากเวทีที่ the Opry เมื่อปี 1954 สดๆร้อนๆ

"บัดนี้ ขอเชิญท่านพบกับ เอลวิส เพรสลี่ย์" สุภาพสตรีบนเวทีประกาศเสียงดังก้อง เงาดำสนิทของเธอถูกทาบทับด้วยแสงไฟสีแดง ส้ม เหลืองที่หมุนสลับสีไปมา

หลังจากเรียกพลังด้วยชาไทยเย็น มานูเอลสลัดเสื้อคลุมตัวยาวสีเปลือกมังคุดออก เผยให้เห็นชุดติดกันสีขาว ประดับประดาด้วยอัญมณีสีแดง น้ำเงิน และเหลืองตามลำตัว คอเสื้อ หน้าอก และขา เพลง"C.C. Rider" เวอร์ชั่นของเอลวิสดังกระหึ่มขึ้นจากคอมพิวเตอร์ ขณะที่มานูเอลก้าวขึ้นสู่เวที ผงกศรีษะทักทายผู้ชมในร้าน ลูกค้าที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ต่างหันมามองดูเขาอย่างชื่นชม มานูเอลหยิบไมโครโฟนแล้วเริ่มร้องเพลงด้วยเสียงห้าวลึกอันคุ้นเคย และแล้วผู้ชมทั้งห้องก็ระเบิดเสียงโห่ร้องชื่นชมดังสนั่น

มานูเอล ตอยยีบี หรือที่แฟนเพลงในเมืองไทยและ Los Angeles รู้จักเขาในนามไทยเอลวิส มีอาชีพเป็นนักร้องเลียนแบบการแสดงของเอลวิสผู้ล่วงลับ เขาเดินทางไกล 8,261 ไมล์จากเมืองไทยมาแสดงในโชว์ ซึ่งรังสิต คงจันทร์ ผู้จัดการของเขาเรียกว่า "มินิคอนเสิร์ต"ในร้านอาหารไทยหลายแห่งทั่ว Los Angeles รวมถึงการแสดงที่ร้าน Siri Thai ด้วย แต่มานูเอลไม่ใช่ไทยเอลวิสคนที่คุณอาจจะนึกถึง

ไทยเอลวิสไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับชาวแอลเอ เอลวิสเป็นคนดังที่ได้รับความนิยมมาตลอดของชุมชนคนไทยใน Los Angeles และต่างประเทศ เอลวิสคนหนึ่งเคยมาเยือนชุมชนที่เรียกว่าไทยทาวน์ ซึ่งกินเนื้อที่ 2.61 ตารางไมล์ทางตะวันออกของ Hollywood ระหว่างถนน Western และ Hyperion และนักชิมทั้งหลายกว่า 2,000 คนที่หาข้อมูลหาร้านอาหารไทยในไทยทาวน์ต้องเคยได้ยินชื่อของไทยเอลวิสแน่นอน ก่อนหน้า 7 ปีที่แล้ว เขาผู้นี้เปิดการแสดงเกือบทุกคืนวันศุกร์เสาร์ที่ร้าน Palms Thai ใน Hollywood ร้านที่คนมาเพื่อชมการแสดงของไทยเอลวิสพอๆกับที่มาชิมปลาทอดราดยํามะม่วง แต่ชื่อของไทยเอลวิสคนนั้นคือ กวี "เควิน" ทองปรีชา

ถึงแม้มานูเอลจะไม่ใช่คนเดียวกับกวี แต่เมื่อเขาขึ้นเวทีในฐานะไทยเอลวิสในการแสดงเมื่อเร็วๆนี้ที่ Line Hotel ใน Koreatown ผู้ชมหลายคนเริ่มสับสน หลายคนบอกว่า "นึกว่าเขาตายไปแล้วเสียอีก" "เขาหัวใจวายไม่ใช่หรือ" "ได้ยินว่าเขากลับเมืองไทยไปแล้วนี่"

แต่ปรากฏว่ามีไทยเอลวิสมากกว่า 1 คน ที่จริงมีถึงสิบกว่าคนด้วยซ้ำ

"คนไทยชอบเอลวิสมากครับ" สุรพล ไทยเจริญแฟนเพลงหนึ่งในหลายๆคนที่มารอชมมานูเอลที่ร้าน Siri Thai กล่าว เขารู้จักกับมานูเอลตั้งแต่มานูเอลอยู่ในวงดนตรีที่กรุงเทพเมื่อ 50 ปีก่อน "ช่วงสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกันมาเมืองไทยเพื่อพักผ่อน มีถนนหลายๆสายในเมืองไทยซึ่งเต็มไปด้วยไนต์คลับและร้านอาหาร ทุกร้านบรรเลงเพลงของเอลวิสเพราะลูกค้าชอบมาก"

ทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ทั้งที่ Los Angeles และเมืองไทย ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นไทยเอลวิสคนไทยคนหนึ่งร้องเพลงขับกล่อมขณะคุณรับประทานอาหาร

รังสิต ผู้จัดการของมนูซึ่งเป็นเพื่อนกับกวีเช่นกันกล่าวว่า เอลวิสแห่งร้าน Palms Thai กลับไปอยู่เมืองไทยเมื่อ 7 ปีก่อน เพราะเสียงของเขาเริ่มถดถอยรวมทั้งมีโครงการสร้างบ้านเพื่อผู้สูงอายุที่จังหวัดเชียงใหม่ขึ้น เขาจึงย้ายไปอยู่ที่นั่น และจนถึงตอนนี้กวีก็ยังมีชีวิตอยู่

มานูเอลคือไทยเอลวิสอีกคนหนึ่งซึ่งผูกพันกับชุมชนไทยใน Los Angeles มาก และเป็นเอลวิสที่กำลังออกทัวร์แสดงในร้านอาหารไทยหลายแห่งใน Los Angeles ด้วย

"ผมชอบเอลวิสมาตั้งแต่เด็ก" มานูเอลเล่าขณะนั่งที่โต๊ะในร้าน Jitlada ที่ Hollywood บ่ายวันอาทิตย์ก่อนเขาจะขึ้นแสดง ศิรินทิพย์ "แจ๊ส" สิงห์สนอง เจ้าของร้าน Jitlada ใน Thai Town

ซึ่งได้รับการยกย่องว่านำรสชาติแท้ๆของอาหารและเครื่องเทศของไทยมาสู่ Los Angeles เป็นหนึ่งในเจ้าของร้านอาหารหลายคนที่กลายเป็นเพื่อนกับมานูเอลในช่วงที่เขาออกแสดงในร้านอาหารทั่ว Los Angeles มานูเอลเติบโตที่กรุงเทพ เป็นบุตรคนหนึ่งในพี่น้อง 11 คน เขาหลงใหลในน้ำเสียงกับบุคลิกของเอลวิสมาก และตกหลุมรักเอลวิสเมื่อได้ฟังแผ่นเสียงของพี่ชายขณะยังเป็นวัยรุ่น "ผมคิดว่ามันเพราะมาก และคิดว่าเอลวิสมีอะไรบางอย่างที่ผมอยากเป็น"

เขาย้ายมา Los Angeles เมื่อปี 1974 ช่วงนั้นเขาทำงานเป็นผู้ดูแลลานจอดรถใน Beverly Hills และตอนค่ำก็เล่นในวงดนตรีซึ่งแสดงที่ the Troubadour และร้านอาหารไทยหลายแห่งทั่ว Los Angeles กับ San Fernando Valley

"ผมเคยพบ Fleetwood Mac ที่ลานจอดรถของผม มานูเอลเล่า (เขาบอกว่าเคยขับรถ Stutz ที่เคยเป็นของเอลวิส เพรสลีย์ด้วย) ในที่สุดเขาเก็บเงินซื้อหนังสือพิมพ์ภาษาไทยชื่อ T.V. PARADE และช่วงนั้นเองในปี 1982 เขาก็ได้เจอภรรยาของขวัญใจผู้ล่วงลับของเขา พริสซิลล่า เพรสลีย์

"ผู้กำกับหนังของเธอชื่อเรื่อง Love Is Forever จัดปาร์ตี้ที่ Bel-Air และเชิญผมไป เธอบอกผมว่า รองเท้าหนังงูสวยดีนะคะ และเธอรู้ว่าผมมาจากเมืองไทย ตอนนั้นผมยังไม่ได้แสดงเลียนแบบเอลวิส แต่คิดไว้ว่าสักวันถ้าผมอยากแสดงเลียนแบบเอลวิส ผมต้องแสดงได้ดีแน่ เพราะไม่มีคนไทยคนไหนได้เข้าใกล้ครอบครัวของเอลวิสเท่าผมอีกแล้ว ผมเข้าถึงเอลวิสได้"

ในช่วงหนึ่ง เขาเข้ามาอยู่แวดวงร้านอาหารใน Los Angeles โดยเคยเป็นหุ้นส่วนของร้านอาหาร Ruen Pair ร้านดังประจำ Thai Town บน Hollywood Boulevard

"พ่อแม่ผมเป็นนักทำอาหารทั้งคู่" มานูเอลเล่าต่อ "ท่านทำอาหารเลี้ยงผู้คนที่บ้านหรือที่เลี้ยงผู้ด้อยโอกาสในมัสยิดในเมืองไทยบ่อยๆ ผมเองก็ชอบทำอาหารหลายอย่างเหมือนกัน"

แต่หลังจากเป็นบรรณาธิการหนังสือและเจ้าของร้านอาหาร มานูเอลก็คิดถึงบ้านและตัดสินใจย้ายกลับเมืองไทยเมื่อปี 1990 เขาอยากหางานทำและตัดสินใจเปลี่ยนความรักในเอลวิสของตนเองให้กลายเป็นอาชีพในที่สุด

"ผมศึกษาจากวิดีโอของเอลวิสทุกรายละเอียด ทั้งด้านการแสดงและการเคลื่อนไหว" มานูเอลเล่า เขาสั่งตัดชุดติดกันสีขาวล้วนโดยพิมพ์รูปเอลวิสไปให้ช่างตัดเสื้อดู แล้วใช้กาวติดอัญมณีลงบนชุดทีละเม็ด เขาทำชุดเองถึง 15 ชุดแล้ว แต่ละชุดใช้เวลาทำประมาณ 1 เดือน

ด้วยชุดติดกันแบบเอลวิสอันเลื่อมพราย การจำเนื้อเพลงได้อย่างแม่นยำ และท่ายกไหล่ขยับข้อศอกที่เหมือนเอลวิสไม่มีผิดเพี้ยน มานูเอลเริ่มถูกจองคิวไปแสดงในร้านอาหารและคลับต่างๆทั่วพัฒน์พงศ์ ซึ่งเป็นแหล่งบันเทิงของกรุงเทพ

"ผมเรียกลูกค้าเข้าร้านได้มากขึ้น" มานูเอลเล่าต่อด้วยว่าเขาจะมีงานมากเป็นพิเศษในวันที่ 16 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันครอบรอบการเสียชีวิตของเอลวิส "ผมแสดงคอนเสิร์ตที่นั่นเยอะมาก ทุกคนเรียกผมว่าเอลวิสพัฒน์พงศ์"

หลังจากแสดงตามคลับและร้านอาหารดังๆในพัฒน์พงศ์จนทั่วแล้ว มานูเอลก็ได้งานแสดงเลียนแบบเอลวิสบนเรือ Grand Pearl Cruise ที่เมืองไทย ซึ่งเขาร้องเพลง "Jailhouse Rock" และ "Love me Tender" ให้นักท่องเที่ยวฟังมาตลอด 7 ปี

มานูเอลกลับมา Los Angeles เมื่อปีก่อน หลังเปิดการแสดงที่เมืองไทยมา 15 ปี เพื่อแสดงมินิคอนเสิร์ตที่ร้านอาหารหลายต่อหลายแห่งใน L.A., Montebello, San Diego และ City of Industry และตอนนี้เขากลับมาร้องเพลงในร้านอาหารไทยทั่วเมืองได้ประมาณเดือนเศษแล้ว

"ผมมั่นใจว่าถึงแม้จะมีนักแสดงชาวไทยที่แสดงเลียนแบบเอลวิสหลายคน แต่ภาษาอังกฤษของพวกเขาไม่ค่อยดีนัก ผมอยู่ที่นี่มานานมาก ภาษาอังกฤษของผมจึงดีกว่า" เขากล่าว

"ดิฉันดูเขามาหลายครั้งแล้วและเป็นแฟนคลับเขา" นิตยา นนทบุตรวัย 73 ปีบอก เธอมาที่ร้าน Siri Thai เพื่อดูมานูเอลโดยเฉพาะ "ดิฉันชอบที่เขาเต้นเก่งเหมือน Bruno Mars ชอบท่าเต้นโยกคลึงของเขาค่ะ"

เมื่อการแสดงของมานูเอลใกล้จะจบชุดลง ซึ่งรวมถึงเพลง "The Wonder of You," "Return to Sender" และ "Hound Dog" ผู้ชมในร้าน Siri Thai ก็ลุกขึ้นมาเต้นรำและออกันอยู่ที่หน้าเวทีเต็มไปหมด

"Thank you" มานูเอลกล่าวด้วยเสียงห้าวทุ้มลึกแบบเอลวิส ทรวงอกเขาขยับขึ้นลงด้วยแรงหายใจขณะหันกลับไปรับเสียงปรบมือจากผู้ชมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนลงจากเวที "Thank you very much."

เอลวิสอยุ่ที่นี่แล้ว มานูเอล ตอยยีบีหรือไทยเอลวิสจะแสดงที่ Arcadia Recreation Center ในวันที่ 9 มิถุนายน และที่ร้านอาหาร Im Aroi ใน Montebello วันที่ 16 มิถุนายน รวมถึงร้าน Siri Thai ใน Burbank วันที่ 23 มิถุนายนนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไทยเอลวิส โปรดโทรมาที่ (562) 896-3003 หรือไปที่ เว็บไซต์ www.rspetv.com


บทความต้นฉบับโดย jenn.harris@latimes.com

แปลโดย Fay Ditnadda Sukhasvasti