ข่าวจากกงสุล



ข่าวจากกงสุล 21 มกราคม 2560

เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขและ ลดปัญหาบุคคลไร้รัฐ ในประทศไทยจำนวน ๒ มติ

๑. อนุมัติในหลักการร่างกฏกระทรวงกำหนดฐานะและเงื่อนไขการอยู่ในราชอาณาจักรไทย ของผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทย พ.ศ. ...

๑.๑ รายละเอียด ร่างกฏกระทรวงดังกล่าวอาศัยความตามกฏหมายสัญชาติมาตรา ๗ ทวิ วรรค ๓ ที่กำหนดได้ว่า “บุตรของคนต่างด้าวทุกกลุ่มที่เกิดในประเทศไทย” สามารถอาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ต้องถูกจับกุม/ดำเนินคดี ในข้อหาเป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฏหมาย ไม่ว่าบิดาหรือมารดาจะเข้ามาอยู่ในประเทศไทยโดยชอบด้วยกฏหมาย หรือไม่ก็ตาม โดย “สิทธิอาศัย” ของบุตรจะเป็นไปตามสิทธิของบิดาหรือมารดา และสิทธิอาศัยนั้นก็จะติดตัวเด็กต่อไป ตราบเท่าที่ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทยโดยไม่กระทำการใด ๆ ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ หรือขัดต่อความสงบ เรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี การให้สิทธิอยู่อาศัยตามร่างกฏกระทรวงฉบับนี้ไม่เป็นการ “ให้ถิ่นที่อยู่” และ “ให้สัญชาติไทย” แก่บุคคลต่างด้าวที่เกิดประเทศไทย และไม่เป็นการ “และรับรองสิทธิหรือให้สิทธิพิเศษแก่คนต่างด้าวที่หลบหนี เข้ามาในประเทศไทย” แต่อย่างใด การได้สัญชาติไทยต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมายสัญชาติและหลักเกณฑ์ที่ ครม.กำหนดเป็น การเฉพาะ และคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยจะต้องถูกดำเนินคดีตามที่กำหนดใน พรบ.ตรวจคนเข้าเมือง ตามเดิม

๒. อนุมัติเห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทยในการแก้ไขปัญหาเรื่องสัญชาติและสถานะบุคคลของเด็กนักเรียนนักศึกษาและบุคคลไร้สัญชาติที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรไทย

๒.๑ ครม.ได้อาศัยอำนาจตามกฏหมายสัญชาติมีมติอนุมัติให้เด็กที่เกิดในประเทศไทยซึ่ง “เป็นบุตรของ คนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานานแล้ว” และอยู่ในระหว่างการศึกษาเล่าเรียน หรือเป็นกรณีที่เรียนจบ ปริญญาตรีแล้ว ให้มีสิทธิขอมีสัญชาติไทยเป็นการทั่วไปตามขั้นตอนของกฏหมายสัญชาติ

๒.๒ ผู้ที่สามารถขอสัญชาติไทยตามมติดังกล่าว ได้แก่ (๑) บุตรของคนต่างด้าวกลุ่มชาติพันธุ์หรือ ชนกลุ่มน้อยที่กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำทะเบียนและออกบัตรประจำตัวไว้แล้วกับสำนักทะเบียนอำเภอ ซึ่งบิดาหรือ มารดาจะต้องเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑๕ ปี (๒) บุตรของคนต่างด้าวอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่กลุ่ม ชาติพันธุ์หรือชนกลุ่มน้อยที่เกิดและเรียนหนังสือในประเทศไทยจนจบการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีแล้ว เท่ากับว่า เป็นคนอาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า ๒๐ ปี ก็ให้สิทธิขอมีสัญชาติไทยได้เช่นเดียวกับกรณีแรก (๓) ถ้าเด็กกลุ่มที่ (๒) ยังเรียนไม่จบปริญญาตรี จะต้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนจึงจะขอ มีสัญชาติไทยได้และ (๔) ถ้าเป็นกรณีเด็กกำพร้าและไม่สามารถพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงได้ว่าใครเป็นบิดามารดา เด็กจะใช้สิทธินี้ได้ต้องอาศัยอยู่ในประเทศไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑๐ ปี โดยต้องมีหนังสือรับรองจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์

๒.๓ ขณะนี้มีกลุ่มนักเรียนนักศึกษาซึงเป็นเด็กและเยาวชนที่เกิดในประเทศไทยที่มีสิทธิยื่นคำร้อง ขอมีสัญชาติไทยจำนวน ๘๐,๐๐๐ คน

การอนุมัติเห็นชอบของกระทรวงมหาดไทยทั้ง ๒ มติเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิของเด็กที่เกิดในประเทศไทยและ ได้อาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า ๑๐ – ๒๐ ปี ซึ่งเป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) และข้อตกลง ระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) และเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทย ที่จะยุติการไร้สัญชาติและเป็นแบบอย่างในการแก้ไขปัญหานี้ในระดับนานาชาติอีกด้วย


วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๐ นายสุรพล เมฆพงษ์สาทร เจ้าของธุรกิจในเครือ Noodle World ที่เมือง Alhambra มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันที่ร้าน Noodle World แก่กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิสและ นส. วินัญดา วรรณสิน เจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่ฯ โดย (๑) สองฝ่ายได้หารือเรื่องกิจการบริษัทฯ และการทำการตลาดที่ปัจจุบันมีร้านจำนวน ๙ สาขาในนครลอสแอนเจลิสและพื้นที่ใกล้เคียงและในอนาคตมีกำหนดจะขยายอีก ๔ สาขาในปี ๒๕๖๑ โดยบริษัทฯ มีการดำเนินกิจการต่างจากบริษัทอื่นคือ การเตรียมส่วนประกอบอาหารจากครัวกลาง (Central Prep) (๒) กงสุลใหญ่ฯ ได้ไปเยี่ยมชมการทำงานของพนักงานคนไทยและครัวกลาง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทำอาหารส่งร้านอาหาร Noodle World ทุกสาขาในเครือครบอย่างครบวงจร มีหน้าที่ควบคุมมาตรฐานรสชาติอาหาร ทำให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและคุณภาพ ความสดใหม่ของสูตรผสมและเครื่องปรุงได้อีกด้วย

นายสุรพลฯ ระบุว่า ร้านอาหาร Noodle World ทำธุรกิจตามกฎหมายและข้อบังคับกฎระเบียบทั้งหมดของทางการท้องถิ่น รวมถึงการจ้างงานและคุ้มครองแรงงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งได้รับตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอจากหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ที่รับผิดชอบ


เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสเเอนเจลิสและ น.ส. วินัญดา วรรณสิน กงสุล ได้เข้าร่วมงาน "From the U.S.A. to Asia - International Brand Launch" ซึ่งเป็นเปิดตัวการขยายธุรกิจเบอร์เกอร์ "Wahlburgers" ในภูมิภาคเอเชียของนาย Mark Wahlberg นักเเสดงชื่อดัง Chef Paul Wahlberg เเละ นาย Donnie Wahlberg ที่ Hollywood & Highlandบริษัท Wahlburgers ตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๕๕๔ เเละมีสาขาในหลายมลรัฐ เช่น เนวาดา ฟลอริดา นิวยอร์ก เเละประเทศเเคนาดา ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนกับ Cachet Hospitality Group ซึ่งเป็นบริษัทในเครือธุรกิจโรงเเรมเเละร้านอาหารชั้นนำ ในการขยายสาขาไปหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน เวียดนามเเละไทย โดยในจีนมีกำหนดเปิดที่เมืองหางโจว เเละในอนาคตมีเเผนจะขยายไปอีก ๑๐๐ สาขาสำหรับการลงทุนในไทย นั้น บริษัทฯ จะร่วมกับบริษัท Big Ho Corporation ในการเปิด ๒๐ สาขาในกรุงเทพ เเละในห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ในภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย เพราะเป็นเส้นทางเชื่อมต่อของนักท่องเที่ยวจีนมาไทย

กงสุลใหญ่ฯ กล่าวกับ Chef Paul Wahlberg นาย Mark Wahlberg เเละหุ้นทางธุรกิจว่ายินดีต้อนรับสู่ประเทศไทยและขอบคุณที่เลือกลงทุนในประเทศไทยและสอบถามเกี่ยวกับที่มาและแนวทางการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งได้รับทราบว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุนสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือ ซึ่งทางบริษัทฯ มีช่องทางเเละหุ้นส่วนในการขยายการลงทุน จึงเลือกที่จะสงทุนในจังหวัดเชียงราย ผู้บริหารทุกคนชื่นชอบอาหารไทยและประเทศไทย

การขยายธุรกิจของบริษัทฯ ในประเทศไทยเเสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างชาติมีความเชื่อมั่นในประเทศไทยเป็นอย่างมาก เเละประเทศไทยมีศักยภาพสูง ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวของไทยเเละการขยายธุรกิจ ด้านอื่น ๆ ต่อไป