ข่าวกงสุล



ข่าวกงสุล 15 เมษายน 2566

กงสุลใหญ่ฯ เข้าร่วมการเสวนาวิชาการ 3rd CPD City Diplomacy Summit ณ มหาวิทยาลัย Southern California

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 นายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ฯ ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเสวนาวิชาการ 3rd CPD City Diplomacy Summit ณ มหาวิทยาลัย Southern California ในหัวข้อ “City Diplomacy” (การทูตระดับเมือง/นคร) โดยมีอาจารย์ นักศึกษา ผู้แทนสถานกงสุลใหญ่ต่างประเทศประจำนครลอสแอนเจลิส ผู้แทนหน่วยงานรัฐบาลเข้าร่วมงาน และมีผู้เข้าร่วมเสวนา ได้แก่ กงสุลใหญ่ประเทศแอฟริกาใต้ บราซิล และไทย

กงสุลใหญ่ฯ ได้กล่าวถึงการดำเนินการด้านทูตและการต่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปมากจากอดีตที่ภาครัฐจะเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทและกำหนดทิศทางทางการทูต ปัจจุบันภาคประชาสังคม NGO บริษัทข้ามชาติ สถาบันการศึกษา ศิลปิน นักร้อง ดารา หรือแม้แต่บุคคลทั่วไปก็สามารถเข้ามาบทบาทในเวทีการทูตมากขึ้น เช่น Greta Thunberg ยุวชนผู้เคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม หรือศิลปินนักร้อง BTS ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนประเด็นในเวทีระหว่างประเทศไม่น้อยไปกว่าภาครัฐบาล

ความท้าทายของภาครัฐก็คือ ทำอย่างไรที่จะเชื่อมโยงหรือสนับสนุนองค์กร/บุคคลดังกล่าวให้มีบทบาทไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศโดยรวม ดังนั้น ภาครัฐจึงมีบทบาทเพิ่มเติมในการเป็น “ผู้ประสาน” “เชื่อมโยง” และ "สนับสนุน" ภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคม เพื่อให้กิจกรรมของตัวเล่นเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศและสนับสนุนผลประโยชน์แห่งชาติด้านต่าง ๆ อาทิ การส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว เป็นต้น

ประเทศไทยมีนโยบายส่งเสริมการทูตสาธารณะ “5 F” ได้แก่ Food (อาหาร) , Fight (มวยไทย), Film (ภาพยนตร์), Fashion (แฟชั่น/ผ้าไทย) และ Festival (งานไทยเฟสติวัล/เทศกาลไทย) ที่ผ่านมา สถานกงสุลใหญ่ฯ เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนชุมชนไทยจัดงานสงกรานต์บริเวณไทยทาวน์ซึ่งเป็นงานไทยเฟสติวัลที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยงานดังกล่าวเป็นความร่วมมือของชุมชนไทยทุกภาคส่วน/องค์กรในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นตัวอย่างของการสนับสนุนภาคประชาสังคมให้มีบทบาทในการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของไทยในด้านต่าง ๆ


กงสุลใหญ่ฯ จัดงานเลี้ยงละศีลอด (Iftar) แก่กงสุลต่างประเทศและตัวแทนชุมชนมุสลิมไทย เนื่องในโอกาสการถือศีลอดในเดือนรอมฎอนของชาวมุสลิม

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 นายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ฯ จัดงานเลี้ยงละศีลอด (Iftar) แก่กงสุลต่างประเทศ เนื่องในโอกาสการถือศีลอดในเดือนรอมฎอนของชาวมุสลิม โดยมีกงสุลใหญ่ประเทศมุสลิมเข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย บังกลาเทศ ปากีสถาน กาตาร์ ยูเออี อิรัก ตุรกี เซเนกัล ฝ่ายไทยมีอิหม่ามเราะมัต โพยม พยกุล และคณะชาวไทยมุสลิมจากมัสยิดอัลฟาติฮะห์แห่งอเมริกา เมือง Azusa รัฐแคลิฟอร์เนีย และผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ลอสแอนเจลิส

ประเทศไทยมีประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามกว่า 3.6 ล้านคน คิดเป็น 5.5 % ของประชากรทั้งประเทศ ชาวไทยทุกเชื้อชาติศาสนาอยู่ร่วมกันอย่างสันติ รัฐบาลไทยให้การสนับสนุนกิจกรรมของทุกศาสนาและมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความปรองดองระหว่างประชาชนที่นับถือศาสนาต่างๆ นอกจากนี้ ไทยเป็นประเทศผู้สังเกตการณ์ในองค์การความร่วมมืออิสลาม (Organization of Islamic Cooperation - OIC) มาตั้งแต่ปี 1998 และมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับโลกมุสลิม ไทยมีสินค้าและบริการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาลในระดับโลก และในโอกาสนี้ก็ได้นำตัวอย่างสินค้าฮาลาลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ลอสแอนเจลิสมาจัดแสดงด้วย


สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้ร่วมกับ Asian Pacific Counseling & Treatment Centers (APCTC) จัดการสอนทักษะมวยไทยขั้นพื้นฐานให้กับชุมชนไทยเพื่อใช้ในการป้องกันตนเองในกรณีที่ถูกคุกคาม ครั้งที่ 2

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 มีนาคม 2566 ณ โบสถ์เซเวนเดย์แอดเวนติสท์ ฮอลลีวูด สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้ร่วมกับ Asian Pacific Counseling & Treatment Centers (APCTC) จัดการสอนทักษะมวยไทยขั้นพื้นฐานให้กับชุมชนไทยเพื่อใช้ในการป้องกันตนเองในกรณีที่ถูกคุกคาม โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Stop the Hate Program” ของ APCTC เพื่อให้ความรู้กับชุมชนไทยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุคคลแปลกหน้าซึ่งใช้ถ้อยคำหยาบคาย ด่าทอ คุกคาม ใช้ความรุนแรง ส่งผลต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมักจะเกิดกับชาวเอเชียโดยเฉพาะในบริเวณ ที่ผู้คนบางตา และก็ไม่สามารถขอรับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างทันท่วงที หากคุณเป็นเหยื่อของ Hate Crimes สามารถโทรแจ้ง 1) เจ้าหน้าที่ตำรวจที่หมายเลข 911 / 211 หรือ (800) 339-6993 (เขตนครลอสแอนเจลิส) 2) สถานกงสุลใหญ่ฯ หมายเลขโทรศัพท์ Hot Line (323) 580-4222 หรือ 3) ศูนย์ให้คำปรึกษาและรักษาสุขภาพจิตแห่งเอเชียแปซิฟิก (APCTC) หมายเลขโทรศัพท์ (818) 267-1115