เรียนรู้เมื่ออยู่เมืองลุงแซม
วลัยพรรณ เกษทอง



การถูกถอดสัญชาติ (Denaturalization)

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน สับดาห์ที่แล้วเราได้เรียนรู้ถึงประโยชน์ของการถือสถานะพลเมืองแบบเป็นซิติเซ่นกันไปแล้ว ก่อนจะไปพูดถึงเรื่องความแตกต่างในเรื่องของสถานะพลเมืองประเภทต่างที่เกี่ยวข้องกับการถือครองทรัพย์สินตามที่สัญญากันในฉบับก่อน ฉบับนี้ขอพูดถึงเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการถือสัญชาติในเมืองลุงแซมเรื่องหนึ่ง ก็คือเรื่องของการถอดถอนสัญชาติ หรือที่เรียกว่า “Denaturalization” กันก่อนค่ะ

หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศตั้งกลุ่มทำงานพิเศษที่เรียกว่า “Denaturalized Task Force” เพื่อถอดถอนสัญชาติกับคนต่างด้าวที่ได้รับสัญชาติสหรัฐอเมริกาไปแล้วเป็นจำนวนหนึ่ง ทำให้เรื่องของการถอดถอนสัญชาติกลายเป็นเรื่องที่มีคนพูดถึงมากขึ้น หลายคนเข้าใจว่าการที่ได้รับสัญชาติสหรัฐโดยผ่านขั้นตอนที่เรียกว่า “Naturalization” นั้นจะมีสถานะติดตัวถาวรเหมือนกับเป็นประชาชนที่เกิดในประเทศเขาที่ได้รับสัญชาติโดยกำเนิดหรือที่เรียกว่า “by birth” แต่แท้ที่จริงแล้วผู้ที่ได้รับสัญชาติของสหรัฐโดยผ่านการแปลงสัญชาติหรือที่เรียกว่า Naturalization นั้นสามารถถูกถอนคืนสัญชาติได้

การถูกถอดถอนสัญชาติ (Denaturalization) เป็นกระบวนย้อนกลับของกระบวนการแปลงสัญชาติ (Naturalization) เมื่อสหรัฐถอดถอนสัญชาติที่ให้กับประชาชน ซึ่งการกระทำนี้จะเกิดขึ้นในศาลของรัฐบาลกลางเท่านั้น ไม่ได้ถูกดำเนินการโดยหน่วยงาน USCIS ซึ่งเป็นคนออกสัญชาติให้ สัญชาติของบุคคลสามารถถูกถอดถอนได้ทั้งโดยขั้นตอนทางแพ่งหรือทางการทำผิดในคดีอาญา รัฐบาลจะเป็นผู้ที่นำเสนอหลักฐานในการพิสูจน์เพื่อยกเลิกสัญชาติ แต่ในกรณีที่มีการทำผิดทางแพ่ง เช่น การได้รับสัญชาติโดยผิดกฏหมาย หรือการปกปิดข้อมูลหรือให้การเท็จในกระบวนการขอรับสัญชาติ ทาง USCIS จะเป็นผู้ส่งหลักฐานให้กับศาล หรือหากถูกยกเลิกสัญชาติที่ได้รับจากการเป็นทหาร ทางศาลทหารก็จะเป็นผู้ส่งหลักฐานให้กับศาลของรัฐบาลกลางอีกที

การถูกยกเลิกสัญชาตินี้ถึงแม้จะมีน้อยแต่ก็มีเกิดขึ้นได้ ผู้ที่ถูกยกเลิกสัญชาติจะถูกเนรเทศออกจากประเทศ (ไม่ใช่ย้อนสถานะกลับไปเป็นกรีนการ์ดนะคะ) โดยพวกที่เกิดในประเทศอยู่แล้วไม่สามารถถูกบังคับให้ยกเลิกสัญชาติได้แต่สามารถขอยกเลิกสัญชาติโดยสมัครใจได้ (เช่นพวกที่อพยพไปอยู่ประเทศอื่นแล้วไม่อยากจะรักษาสัญชาติสหรัฐไว้เนื่องจากมีข้อจำกัดบางอย่าง)

เหตุที่จะทำให้บุคคลสามารถโดนยกเลิกสัญชาตินั้นมีแยกได้เป็น 4 กลุ่มหลักดังนี้คือ

1. ให้ข้อมูลเป็นเท็จหรือปิดบังข้อมูล ตามกฏหมายของสหรัฐท่านจะต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริงอย่างสมบูรณ์เมื่อท่านกรอกแบบฟอร์มเอกสารหรือให้การระหว่างการสัมภาษณ์ระหว่างกระบวนการขอมีสัญชาติ แม้หน่วยงาน USCIS จะไม่สามารถตรวจพบความผิดดังกล่าวได้ในตอนแรก แต่เจ้าหน้าที่สามารถจะยื่นขอถอดถอนสัญชาติของท่านได้ในภายหลังจากที่ท่านได้รับการอนุมัติแล้ว ตัวอย่างเช่น ท่านไม่ได้แจ้งว่าท่านเคยทำคดีอาญามาก่อน หรือโกหกเกี่ยวกับชื่อหรือลักษณะของบุคคล เป็นต้น

2. ปฏิเสธที่จะไปให้การต่อหน้าสภาคองเกรส ท่านไม่อาจปฏิเสธที่จะไปให้การต่อหน้าคณะกรรมการของคองเกรสซึ่งมีหน้าที่สอบสวนว่าท่านมีความเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ล้มล้างประเทศ เช่น การกระทำที่ตั้งใจทำร้ายเจ้าหน้าที่ของสหรัฐหรือล้มล้างรัฐบาล ข้อบังคับให้ไปให้การต่อหน้าสภาคองเกรสเพื่อรักษาสัญชาติหมดอายุหลังจาก 10 ปีคะ

3. เป็นสมาชิกของกลุ่มล้มล้างประเทศ สัญชาติของท่านอาจถูกยกเลิกหากรัฐบาลสามารถพิสูจน์ได้ว่าท่านเข้าร่วมกับองค์กรดังกล่าวภายใน 5 ปีหลังจากที่ท่านได้รับการแปลงสัญชาติ การเป็นสมาชิกในกลุ่มดังกล่าวถือว่าเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติต่อสิ่งที่กล่าวในการสาบานตน ตัวอย่างขององค์กรเหล่านี้ได้แก่ พรรคนาซีและกลุ่มอัลกออิดาห์ เป็นต้น

4. ถูกให้ออกจากการเป็นทหารโดยไม่สมัครใจ หากท่านได้รับสัญชาติเนื่องจากการรับราชการเป็นทหาร สัญชาติของท่านอาจถูกถอดถอนหากท่านถูกให้ออกจากราชการโดยไม่สมัครใจก่อนจะทำงานครบ 5 ปี เหตุผลที่จะโดนให้ออกได้แก่ การละทิ้งหน้าที่และล่วงละเมิดประเวณี ซึ่งได้รับการตัดสินโดยศาลทหาร

ดูจากเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อแล้ว ข้อที่อาจเกิดขึ้นได้มากที่สุดก็คือข้อแรก เพราะหลายครั้งที่ผู้สมัครขอแปลงสัญชาติไม่ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก การปิดบัง (conceal) หรือการเก็บงำข้อมูลบางอย่างไว้ไม่บอกก็ถือว่ามีความผิดเช่นเดียวกับการให้ข้อมูลเท็จ (misrepresent) เช่นกัน เพราะฉะนั้นท่านที่จะต้องกรอกแบบฟอร์ม หรือให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับเจ้าหน้าที่สหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการสมัครขอแปลงสัญชาติ การขอกรีนการ์ดหรือเป็นเพียงการขอวีซ่าเข้าประเทศ ต้องให้ข้อมูลที่แท้จริงและสมบูรณ์เท่านั้น เพราะแม้ท่านจะได้รับการอนุมัติ ก็อาจจะโดนถูกยกเลิกถอดถอนได้ในภายหลัง ซึ่งเมื่อถูกถอดถอนในกรณีนี้เขาจะถือว่าท่านอยู่ในประเทศโดยผิดกฏหมายมาตั้งแต่วันที่ท่านขาดสถานะ (แม้จะมีการอนุมัติ) ทำให้ท่านอยู่ในสถานะของคนอยู่ในประเทศโดยผิดกฏหมายมาโดยตลอดก็ได้ ซึ่งผู้เขียนเคยเจอเคสที่มีคนมาปรึกษาในกรณีนี้อยู่หลายรายแล้วค่ะ เพราะฉะนั้นทำถูกต้องแต่ที่แรกจะดีที่สุดค่ะ

บทความนี้มีไว้เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปไม่ใช่เป็นการให้คำแนะนำ หากท่านมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับเนื้อหาในบทความ อยากจะถามคำถามในกรณีส่วนตัวท่านสามารถโทร.มาสอบถามกับผู้เขียนได้ที่เบอร์ (850)598-1709 หรือจะอีเมลมาหาผู้เขียนที่ walaipank@gmail.com ก็ได้ค่ะ หากผู้เขียนไม่ได้รับสายก็ฝากข้อความไว้ได้ จะติดต่อท่านกลับไปภายหลัง

อ้างอิง: https://www.lawyers.com/legal-info/immigration/citizenship/denaturalization-revoking-your-us-citizenship.html


วลัยพรรณ เกษทอง

2 สิงหาคม 2562