เรียนรู้เมื่ออยู่เมืองลุงแซม
วลัยพรรณ เกษทอง
เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการเริ่มฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5-11 ปี

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ดร.มารค์ กาห์ลี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์แห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยผู้ว่าฯ นิวซัมเมื่อปี 2019 ได้มาให้ข้อมูลถึงการเริ่มฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5-11 ปี กับนักข่าวหลากหลายเชื้อชาติกว่า 100 ชีวิตผ่านการประชุมทางโทรภาพ จัดขึ้นโดย Ethnic Media Service ว่า ด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงฯ กรมควบคุมโรคติดต่อ และผู้ให้บริการฉีดวัคซีนกว่า 5,000 ราย จะมีการฉีดวัคซีนจำนวน 1.8 ล้านโดสให้กับเด็กในกลุ่มอายุ 5-11 ปี ตั้งแต่กลางเดือนนี้เป็นต้นไป

วัคซีนนี้ได้รับการทดลองเป็นเวลาหลายเดือนกับอาสาสมัคร 4 พันคนซึ่งเป็นตัวแทนที่มาจากกลุ่มประชากรหลากหลายเชื้อชาติและท้องที่ เพื่อแน่ใจว่าวัคซีนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจากการศึกษาพบว่าการฉีดวัคซีนเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยป้องกันประชาชนให้ผ่านพ้นภาวะโรคระบาด โดยวัคซีนที่เด็กได้รับจะมีปริมาณ 0.1 มิลลิลิตร ซึ่งเป็นเพียง 1/3 ของปริมาณที่ฉีดให้เด็กโตและผู้ใหญ่ ทำให้เด็กกลุ่มอายุ 5-11 ปีซึ่งนับเป็นประชากรถึง 9% ของชาวแคลิฟอร์เนียจะได้โอกาสในการรับการป้องกันเหมือนกับผู้ใหญ่ จากข้อมูลที่ผ่านมา พบว่ามีเด็กถึง 60,000 รายที่เข้าโรงพยาบาลเพราะโควิด ยิ่งเป็นโควิดนาน ยิ่งทำให้เกิดปัญหาซับซ้อนกับสุขภาพ การป้องกันจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ดังนั้นจึงสนับสนุนให้ไปฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค

ถาม : ควรพาเด็กไปฉีดวัคซีนโควิดพร้อมกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่หรือไม่

ตอบ : ทำได้ วัคซีนโควิดอาจมีอาการข้างเคียงเหมือนวัคซีนอื่นเช่น เจ็บแขน เป็นไข้ แต่ว่าปลอดภัย แนะนำให้คุยกับกุมารแพทย์ก่อนการฉีด

ถาม: วัคซีนปลอดภัยกับเด็กทุกเชื้อชาติและหลากหลายพื้นฐานหรือไม่

ตอบ: เราทำการศึกษากับเด็กจากทุกพื้นที่ ทุกเชื้อชาติสายพันธุ์ เพื่อให้แน่ใจว่าการศึกษาเป็นตัวแทนของกลุ่มเด็กทั้งหมดและให้แน่ใจว่าปลอดภัย หากต้องการความแน่ใจเพิ่มเติมควรปรึกษากุมารแพทย์ที่คุณเชื่อถือ

ถาม: หากมีคนที่ความเชื่อทางศาสนาที่ต่อต้านการรับวัคซีน จะบอกอย่างไร

ตอบ: เราเข้าใจในมุมมองเรื่องความเชื่อ ดังนั้นควรจะมีการสนทนาเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัคซีน เราควรจะเปรียบเทียบระหว่างการรับวัคซีนและการไม่มีการป้องกัน โรคนี้ยังเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาต่อไป ไม่มีการป้องกันใด ๆ ที่ไม่มีความเสี่ยง

ถาม: เด็กต้องรับการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิ (booster) อีกหรือไม่

ตอบ: เรายังไม่ทราบ ต้องดูต่อไป แต่ตอนนี้เรามั่นใจว่าโดส 0.1 มิลลิลิตร เพียงพอสำหรับเด็ก

ถาม: ตอนนี้วางแผนจะตั้งคลีนิคเพื่อฉีดวัคซีนนอกพื้นที่ในบริเวณโรงเรียนประเภท Title 1 เพื่อให้คนร่วมมากขึ้นหรือไม่

ตอบ: คิดว่าประมาณกลางเดือนจะตั้งคลีนิคใกล้โรงเรียน ไม่ใช่แค่สำหรับเด็กแต่สำหรับครอบครัวและคนอื่นเช่นกันที่จะรับวัคซีนเข็มแรกและวัคซีนกระตุ้นภูมิสำหรับผู้ใหญ่ที่ฉีดวัคซีนครบไปแล้ว

ถาม: คนกลุ่มใดที่ยอมให้เด็กเข้าร่วมในการทดลองวัคซีน

ตอบ: เราได้อาสาสมัครจากกลุ่มในชุมชน บุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มที่เคยร่วมในการทดลองวัคซีนที่ผ่านมา ขณะนี้มีคนรอเป็นอาสาสมัครอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เราพยายามให้กลุ่มแทนคนส่วนใหญ่ในสังคม ทั้งเชื้อชาติ อายุ บริเวณที่อาศัยอยู่

ถาม: ขณะนี้สัดส่วนคนที่ติดวัคซีนเป็นเด็กและผู้ใหญ่เท่าไหร่

ตอบ: เมื่อผู้ใหญ่ได้รับวัคซีนมากขึ้น เด็กที่ยังไม่ได้รับก็ยิ่งเป็นกลุ่มที่ติดไวรัสมากขึ้น เพราะฉะนั้นที่ว่าเด็กไม่ติดโควิดนั้นไม่จริง

ถาม: มีคนห่วงเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis) ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนและคิดว่าตัวเขาเป็นผลของการทดลองที่ไม่รู้ผลกระทบในระยะยาว มีคำอธิบายอย่างไร

ตอบ: เด็กโตที่ฉีดไปแล้วไม่พบผลข้างเคียงหรือมีอาการน้อยมาก กลุ่มที่มีอาการมากก็มีเพียงส่วนน้อยมาก ๆ ส่วนในกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปีเรายัง ไม่เจอภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเลย อาจเพราะกลุ่มนี้ได้รับโดสต่ำ ซึ่งอาจเป็นว่าทำไมไม่เจอภาวะนี้ ส่วนในเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีนและติดเชื้อโควิดจะพบว่ามีภาวะนี้มากกว่า และมีความซับซ้อนในโรคที่เกี่ยวกับประสาท หัวใจ ปอดและระบบอื่น ๆ มากกว่า

ถาม: คนที่ไม่รู้จักกุมารแพทย์ จะรู้ข้อมูลพวกนี้อย่างไร

ตอบ: เราพยายามที่จะใช้การพบปะพูดคุยกับสื่อมวลชนแบบนี้ รวมทั้งส่งข้อมูลผ่านผู้ร่วมงานในชุมชนซึ่งได้รับความน่าเชื่อถือ ช่วยกระจายข่าว รวมทั้งลงทุนในเรื่องการโฆษณาในภาษาต่าง ๆ เกี่ยวกับข้อมูลวัคซีน ให้ความรู้

ถาม: มีคนพูดว่าวัคซีนทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบการสืบพันธุ์ จริงหรือไม่

ตอบ: ตอนนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ เรื่องนี้เป็นความเชื่อที่ไม่มีข้อมูลรองรับ จึงควรให้ความรู้ที่ถูกต้อง เช่นเดียวกับเรื่องของภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

ขณะนี้เราสูญเสียชาวแคลิฟอร์เนีย 72,000 คนจากโควิด เราพบว่าวัคซีนเป็นวิธีที่จะช่วยเหลือป้องกันชีวิต รวมทั้งเศรษฐกิจเราก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วเมื่อคนจำนวนมากได้รับวัคซีน วิธีนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของการทำวัคซีนเลยก็ว่าได้

ถาม: ภายใน 12 เดือนจะมีเด็กกี่คนที่ได้รับฉีด และตั้งเป้าความสำเร็จไว้อย่างไร และมีแผนรองรับหากไม่ได้ตามเป้าอย่างไร

ตอบ: เรามีเด็กอายุ 5-11 ปีถึง 3.2 ล้านคน แน่นอนความสำเร็จของเราคือเมื่อคนฉีดวัคซีนกันมากที่สุด ซึ่งเราตั้งเป้าเริ่มต้นไว้ที่ประมาณ 2 ใน 3 แต่เราอยากให้ถึงอย่างน้อย 85% ที่ได้รับวัคซีน โดยจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้จำนวนนั้น แต่หากว่ายังไม่ถึงและมีคนที่เจ็บป่วยอยู่ เราก็พยายามเต็มที่ในระบบสาธารณสุขเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย ช่วงนี้เข้าหน้าหนาวเราไม่สามารถที่จะปล่อยปละละเลยได้ เพราะระบบสาธารณสุขจะล้มเหลว ดังนั้นเราจึงต้องฉีดวัคซีนให้มากที่สุด และเตรียมพร้อมเพื่อดูแลผู้ป่วยทุกคน

ผู้เขียน/เรียบเรียง: วลัยพรรณ เกษทอง