Special Scoop



Learning the Hard Way!

การเรียนรู้อย่างล้มลุกคลุกคลาน

Learning the Hard Way เป็นวลีภาษาอังกฤษที่มีความหมายว่า การเรียนโดยประสบการณ์ที่ไม่สุนทรีย์นัก หรือ การเรียนรู้บางสิ่งด้วยความยากลำบาก จากการกระทำถูก ๆ ผิด ๆ (Trial and Error) กระทำการใดๆ เหมือนมีอุปสรรคขวากหนาม ต่างจากการเรียนรู้โดยการไปโรงเรียนจากตำราเรียน หรือศึกษาค้นคว้า ค้นหาจากการอ่าน เป็นต้น

การประกอบธุรกิจก็เช่นกัน ที่ผู้ประกอบการอาจไม่ได้เรียนมาทางบริหารธุรกิจโดยตรง บ้างก็ผันตัวเองจากลูกจ้าง เก็บหอมรอมริบ เพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจเอง บ้างก็มีเงินก้อนมาลงทุนทันที ฯลฯ ฉะนั้นความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้ในการทำธุรกิจในสหรัฐอเมริกา ด้วยการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความไม่พร้อม หรือจากการตัดสินใจที่ผิดเพราะขาดข้อมูลที่ถูกต้อง ที่ผมพอจะสรุปได้ คือ

1. ความผิดพลาดที่เกิดจากความไม่สันทัดกับภาษาที่ใช้ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสนทนา และภาษากฎหมาย คนไทยส่วนใหญ่ที่ทำธุรกิจไม่ได้ศึกษากฎหมายเบื้องต้นของการทำธุรกิจในเมืองที่จะทำธุรกิจต่างๆอย่างถ่องแท้ เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาใช้การปกครองแบบระบบกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น โดยให้แต่ละรัฐเป็นผู้ออกกฎหมายเอง รวมถึงเมืองต่างๆ ด้วย กล่าวคือ เขาอนุญาตให้รัฐและเทศบาลเมืองต่างๆ ออกกฎหมายเพื่อการใช้จัดระเบียบกับธุรกิจในท้องถิ่นของตัวเอง ในขณะเดียวกันรัฐบาลกลางจะกำกับดูแลกฎหมายหลักๆ เช่น ภาษีอากรต่างๆ (ภาษีเงินได้ ดูแลโดยหน่วยงานสรรพากรกลาง Internal Revenue Service, IRS) กฎหมายอิมมิเกรชั่น กฎหมายในเรื่องสิทธิมนุษยชน กฎหมายค่าจ้างแรงงาน มาควบคุมสมทบอีกขั้นหนึ่ง ฉะนั้นเนื่องจากการไม่เข้าใจในภาษา หรือภาษากฎหมาย จึงไม่ได้ศึกษาตัวบทกฎหมายที่ใช้กับธุรกิจอย่างถ่องแท้ เพียงคิดและแค่ขอใบอนุญาตเพื่อมาประกอบการ มีใบอนุญาตเก็บภาษี (Seller’s Permit) และการจ่ายคนงานขั้นต่ำ ตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น แต่เนื่องจากระบบภาษีของประเทศสหรัฐฯ เป็นระบบที่ให้เกียรติผู้เสียภาษี (Honor System: A system of payment or examination that relies solely on the honesty of those concerned.) ให้ผู้เสียภาษีแจ้งยอดรายได้กับทางราชการเพื่อใช้ในการเสียภาษีการขาย ภาษีเงินได้ และภาษีอื่นๆ เป็นระบบที่ให้ผู้ประกอบการมีความซื่อสัตย์ในการแจ้งตามยอดจริง แต่บางรายกลับเห็นเป็นช่องโหว่ในการโกง เพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวเอง จนเป็นที่มาของปัญหาที่ติดตามมาในภายหลังเมื่อถูกตรวจสอบ (Audits) จนต้องถูกปรับย้อนหลังบวกดอกเบี้ย และภาษีที่หลบหลีกแบบทวีคูณ จนบางรายต้องปิดร้านไปในที่สุด เสียดายที่สั่งสมสร้างชื่อเสียง สร้างฐานลูกค้ามาตั้งหลายปี หน่วยราชการเหล่านี้เห็นว่า การตรวจร้านไทยที่ใด ก็เจอความผิดคล้ายๆ กัน จึงมีการสรุปว่า ต้องตรวจอย่างถี่ เพื่อให้การกระทำที่ผิดกระจายในวงกว้างจะสามารถหยุดได้ ดังที่เป็นข่าวในขณะนี้

ถ้าไม่มีการแก้ไขในข้อนี้ ธุรกิจของคนไทยก็จะถูกตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง และอาจจะปิดตัวเองลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่ปฎิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมายของบ้านเมืองนี้

2. ความผิดพลาดที่เกิดจากวัฒนธรรมหรือความเชื่อที่แตกต่างกับประเทศสหรัฐฯ กรมสรรพากรในประเทศทางเอเชียจะเก็บภาษีแบบประเมินและเหมา คือถ้าเจ้าหน้าที่มาเยี่ยมที่บริษัทหรือร้านคุณ เขาจะบอกคุณว่าควรเสียภาษีในปีนี้เท่าไหร่ ทางร้านก็จ่ายตามที่บอก เจ้าหน้าที่จะออกใบเสร็จฯ หรือเข้ากระเป๋าใครบ้างนั้น พ่อค้าไม่สนใจ อยากจะให้เรื่องจบๆ ไป ความแตกต่างอีกประการ คือวัฒนธรรมของประเทศสหรัฐฯ นั้น เจ้าหน้าที่จะไม่รับสินบน ไม่ขอค่าน้ำร้อนน้ำชา ส่วนใหญ่จะทำตามกฎหมาย และปฏิบัติตามอำนาจที่ได้รับมอบหมาย ปัญหาคอร์รัปชั่นมีน้อย ซึ่งผิดกับประเทศอื่นๆ ที่มีการคอร์รัปชั่น โดยการกระทำเป็นกระบวนการ แบ่งผลประโยชน์กัน ตั้งแต่ระดับผู้ใหญ่จนถึงระดับล่าง รับกันตามธรรมเนียมที่คนเก่าทำไว้ ผู้ใหญ่ก็ “เอาหูไปนา เอาตาไปไร่”

ถ้าไม่มีการแก้ไขในข้อนี้ โดยการศึกษาขนบธรรมเนียมการปฎิบัติงานของหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่หน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา และรู้ถึงสิทธิของเรา หรือผู้เสียภาษีให้กับรัฐบาลที่ควรจะได้รับแล้ว ธุรกิจก็จะเติบโตได้ยาก

3. ความผิดพลาดที่ชอบอยู่แบบตัวใครตัวมัน ไม่ยุ่งกับใคร แบบที่ว่า “ไม่ปวดฟัน จะไม่หาหมอฟัน” ข่าวในสังคมก็ไม่อ่าน หรือติดตาม แถมไม่มีตัวแทนหรือองค์กรสมาคมต่างๆ มาเป็นกระบอกเสียงในการเรียกร้องสิทธิประโยชน์ในการทำธุรกิจเหมือนกับชุมชนอื่นๆ เช่น เกาหลี เวียดนาม หรือจีน ที่พวกเขามีตัวแทนแทบทุกระดับในรัฐบาล ได้รับเลือกเป็นนักการเมือง เป็นตัวแทนให้ความช่วยเหลือคนของเขา เสนอแก้ไขกฎหมายที่ไม่เอื้ออำนวยกับธุรกิจของพวกเขา เป็นต้น พวกเราไม่ค่อยจะยอมจ่ายค่าที่ปรึกษาทางกฎหมาย หรือนักบัญชีที่จะชี้แนะในการทำธุรกิจแบบได้มาตรฐาน แต่กลับทำกันเองโดยการบอกต่อกัน และการเข้าใจแบบผิดๆ ผลเสียหายอีกด้านหนึ่งคือ เราไม่มีแผนในการปรับปรุงตัวสินค้า หรือการสร้างมูลค่าสินค้าให้โดดเด่นกว่าสินค้าอื่นๆ ของคู่ค้า เช่น อาหารไทย นวดไทย เจ้าของส่วนใหญ่ไม่กล้าปรับราคา ถึงแม้ว่าต้นทุนจะสูงขึ้น เพราะเราไม่มีแผนการตลาดในการพัฒนาอาหาร หรือมองถึงผลประโยชน์ที่ได้จากการทานอาหารไทยหรือนวดไทยเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น ไม่ค่อยจะเล็งเห็นถึงเรื่องพัฒนาการนำเสนอบนจานอาหารที่น่ารับประทาน แต่กลับเป็นรสชาติที่ทำตามใจคนทาน จนเอกราชของรสชาติอาหารผิดเพี้ยนไปจากอาหารไทยก็มี ยกตัวอย่างเช่น ร้านอาหารญี่ปุ่นที่นับวันจะพัฒนาเพิ่มรสชาติหลากหลายสารพัดเมนู การจัดอาหารที่ออกจากครัวอย่างน่ารับประทาน มีการพัฒนาเมนูอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่า ร้านญี่ปุ่นเป็นร้านอาหารที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ลูกค้ายอมจ่ายด้วยราคาที่แพง ในขณะที่ร้านนวดไทย ต้องเผชิญสารพันปัญหา จากคนร้ายเข้าปล้นจี้ จากลูกค้าไม่ดี จากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าตรวจจับพนักงานนวดและร้านนวดที่ไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง แล้วยังโดนร้านนวดไทยด้วยกัน หรือร้านนวดชาวจีนตัดราคากันอย่างดุเดือด จนรายรับไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่จะทำธุรกิจต่อไป หลายร้านถึงกับต้องปิดตัวเอง หรือประกาศขายกันเป็นแถวอย่างน่าเสียดาย

ถ้าไม่มีการแก้ไขในข้อนี้ เราคงจะยกระดับคุณภาพและราคาอาหารได้ยาก สมาคมที่ไม่เข้มแข็ง ผู้นำที่ขาดคุณสมบัติ ประสบการณ์และความรู้ ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

4. ความผิดพลาดจากการบริหารจัดการทางการเงิน ธุรกิจไทยส่วนใหญ่มีเงินลงทุนไม่มาก สรุปคือสายป่านไม่ยาวพอที่จะมีทุนสำรองพร้อมที่จะขาดทุนในกรณีลูกค้าลดน้อยลง ไม่สามารถเพิ่มฐานของลูกค้าได้ และเนื่องจากขาดความรู้ในการจัดการกับยอดรายรับ-รายจ่ายอย่างถูกต้อง บางครั้งหมดโอกาสที่จะเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจากรัฐบาลหรือธนาคาร เพราะขาดเอกสารการดำเนินการ ที่พอจะให้เขาเชื่อว่าธุรกิจของเราจะมีอนาคต ทำกำไรให้กับตัวเองและจ่ายหนี้สินคืนธนาคารได้ เราจึงใช้ระบบขึ้นแชร์กันเองบ้าง กู้นอกระบบโดยยอมจ่ายดอกเบี้ยราคาแพงลิบลิ่วบ้าง และถ้าธุรกิจไม่ดีขึ้นในระยะสั้น ก็ไม่มีเงินจ่ายคืนเขา หรือสู้กับค่าใช้จ่ายได้ ซึ่งบางครั้งการเงินส่งผลมาจากความผันผวนทางเศรษฐกิจกับรัฐบาลใหม่อีกด้วย

ถ้าไม่มีการแก้ไขในข้อนี้ คนไทยจะหมดโอกาสดีๆ ในการเข้าหาถึงแหล่งเงินเพื่อมาขยายกิจการได้

5. ความผิดพลาดทางการใช้ทักษะส่วนตัวในด้านการสังเกตและพร้อมเรียนรู้เพื่อที่จะปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เราไม่ค่อยสนใจโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นการแพร่กระจายกันได้อย่างรวดเร็วในยุคนี้ ที่มีผลต่อธุรกิจเป็นอย่างมากในการที่ผู้บริโภคจะศึกษาข้อมูล ชื่อเสียงของร้านก่อนที่เขาจะเข้าใช้บริการ เช่นการใช้ Yelp หรือ Groupon Coupon ในการเสริมเพิ่มการขาย การตอบโต้ในกรณีที่เกิดการเขียนตำหนิจากลูกค้าที่มาใช้บริการ บางร้านไม่สนใจที่จะเข้าเช็คดูว่าร้านได้สักกี่ดาว การบริการรับ-ส่งอาหารโดยใช้ “Uber EATS Delivers Fast” ซึ่งเรา outsource ไม่ต้องมีคนขับส่งอาหารประจำของเราเองอีกแล้ว Ubereats.com เหล่านี้เป็นหนึ่งในเหตุผลต่างๆ ที่ธุรกิจเรายังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ควรเน้นการทำธุรกิจที่แตกต่างจากคู่แข่งเสมอ คิดนอกกรอบ สรรหาสิ่งใหม่ๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคตื่นเต้น อยากลอง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ บริษัท Apple ที่ออก IPhone มากี่รุ่นๆ ก็มีคนแย่งกันซื้อตลอด เพราะมีสิ่งใหม่มาสนองความต้องการของลูกค้า

ถ้าไม่มีการแก้ไขในข้อนี้ ธุรกิจเราก็มีแต่จะตามหลังคู่แข่งในเชิงรับ แทนที่จะทำ การตลาดแบบเชิงรุก

6. ความผิดพลาดที่ขาดพันธมิตรทางธุรกิจ (Business Strategic Alliance) คือรูปแบบของการเข้าร่วมกันตั้งแต่สองบริษัทขึ้นไป มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาร่วมกัน แลกเปลี่ยนเทคโนโลยี แลกเปลี่ยนความรู้และแลกเปลี่ยนทักษะในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนสนับสนุนซึ่งกันและกันในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advance) ในการร่วมสร้างการบริการให้ดีขึ้นร่วมกับการใช้ทรัพยากรเพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ทาง กระทรวงพาณิชย์ก็พยายามสนับสนุน “ครัวไทย สู่ครัวโลก” มีความพยายามโปรโมทให้ร้านอาหารไทยมาสมัครเพื่อให้ได้การรับรองเป็นร้านที่ได้มาตรฐานจากกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ โดยออกใบประกาศนียบัตร “Thai Select” นี่ก็เป็นตัวอย่างในการสร้าง Alliance ในการพัฒนาคุณภาพของอาหารไทยให้ได้มาตรฐาน เพียงเรายังขาดการอบรมการสอนแบบบูรณาการอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นรสอาหาร การปรับปรุงการนำเสนออาหาร การปรับปรุงการตบแต่งร้าน การอบรมการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อการยกระดับธุรกิจร้านอาหารไทยอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญหลังจากได้รับใบรับรองแล้ว ร้านเขาจะขายดีขึ้นได้อย่างไร ถ้าไม่พัฒนาทั้งระบบ รวมถึงการตลาดเชิงรุกในการขยายฐานลูกค้ากับชุมชนต่าง ๆ

ถ้าไม่มีการแก้ไขในข้อนี้ ธุรกิจไทยก็ไม่สามารถเติบโตได้เท่าที่ควร มีเพียงส่วนน้อยที่ ประสบผลสำเร็จที่มีการขยายออกไปได้หลายสาขา แต่ก็ไม่ได้ออกมาช่วยเหลือคน อื่นๆ เลย


สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส โดยท่านกงสุลใหญ่ธานี แสงรัตน์ ร่วมกับสมาคมนวดไทยและสปาแห่งสหรัฐอเมริกา มีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพของธุรกิจนวด ตั้งแต่การให้ความรู้ด้านธุรกิจ ด้านกฎหมาย ให้กับเจ้าของร้านและพนักงานนวดอย่างต่อเนื่อง และในวันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ 2560 นี้ เวลา 9:30 -12:00 น. ณ สถานกงสุลใหญ่แอลเอ ขอเชิญชวนทุกท่านมาเข้ารับฟังปัญหาที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วย C.I.D. (Commission Investigation Department) ของ LAPD จะมาพบปะกับธุรกิจนวดไทย มาฟังบรรยาย พร้อมคำถามคำตอบไขข้อข้องใจได้ฟรีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยนี้โดยตรง ผมเลยขออนุญาตนำเสนอข้อมูลเพิ่ม ให้ความรู้จากหน่วยงานนี้ ก่อนที่ทุกท่านจะเข้าร่วมสัมมนานะครับ อย่าลืมว่า Knowledge is Power ความรู้เป็นบ่อเกิดพลัง! โอกาสดี ๆ แบบนี้ต้องรีบมาเรียนรู้ จะได้ไม่เสียใจในภายหลังนะครับ

ทุกวันนี้มีหลายๆ คำถามเกี่ยวกับการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจแอลเอพีดี หน่วย C.I.D. (Commission Investigation Division) เรามาทำความรู้จักกับหน่วยงานนี้ว่ามีหน้าที่อะไร…

C.I.D. เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่เป็นกำลังเสริม ให้กับโปลิสคอมมิชชั่น (Police Commission) มีหน้าที่ออกใบอนุญาตถึง 51 ประเภท มีหน้าที่ในการสืบสวน จับกุม และลงโทษผู้ที่ทำผิดกฎหมาย ว่าด้วยใบอนุญาตต่างๆ ที่ทางซิตี้ออกให้ เช่น ใบประกอบสถานนวด บริษัทลากรถ ใบอนุญาตเปิดสถานบันเทิงต่างๆ เป็นต้น


C.I.D. มี 5 แผนกย่อย คือ

–Permit Processing Section แผนกธุรกรรมการออกใบอนุญาต

–Enforcement Section แผนกปราบปราม

–Charitable Source Section แผนกดูแลเกี่ยวกับองค์กรที่มีการรับบริจาค

–Alarms Section แผนกดูแลเรื่องการเตือนภัย

–Records Section แผนกจัดเก็บเอกสาร

The Board of Police Commissioners เป็นคณะกรรมการหัวหน้าหน่วยงานของ LAPD มีหน้าที่กำกับดูแลสำนักงาน LAPD ซึ่งเปรียบเสมือนกับ Board of Directors (คณะกรรมการบริหารของบริษัท) โดยมีหน้าที่ออกนโยบายดูแลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจแอลเอพีดี รวมถึงการพิจารณาลงโทษเจ้าหน้าที่ ที่ทำผิดกฎระเบียบและกฎหมาย จนถึงขั้นไล่ออก บอร์ดนี้ทำงานร่วมกับหัวหน้าตำรวจ (Chief of Police) ผู้ซึ่งเปรียบเสมือนกับ Chief Executive Officer (CEO) ขององค์กร ซึ่งต้องรายงานบอร์ดในการบริหารงานของสนง. LAPD บอร์ด Police Commission มีอยู่ 5 คน อยู่ในวาระตำแหน่ง 5 ปี (อยู่อย่างมากได้ 2 เทอม หรือรวม 10 ปี) ซึ่งเป็นประชาชนธรรมดา ได้รับการแต่งตั้งจากนายกเทศมนตรีของเมืองลอสแอนเจลิส และต้องได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกเทศบาลเมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งมี 15 คน (City Council Members) แบ่งเป็น 15 เขตปกครอง (Districts) มีรายนามดังนี้

1) ประธานบอร์ด นาย Matthew M. Johnson (แต่งตั้งปี 2015 อาชีพทนายความ)

2) รองประธาน นาย Steve Soboroff (แต่งตั้งปี 2013 นักธุรกิจ)

3) Commissioner นาง Sandra Figueroa Villa (แต่งตั้งปี 2013 นักสังคมสงเคราะห์)

4) Commissioner นาง Cynthia McClain Hill (แต่งตั้งปี 2016 ทนายความ)

5) Commissioner นาย Shane Murphy Goldsmith (แต่งตั้งปี 2016 นักสังคมสงเคราะห์)

ฉะนั้น ถ้าเราสามารถล็อบบี้ให้นายกเทศมนตรีนครลอสแอนเจลิส นายเอริค การ์เซ็ตตี้ แต่งตั้งคนไทยที่มีประสบการณ์ เข้านั่งในตำแหน่งที่สำคัญนี้ได้ ก็จะช่วยเป็นตัวแทนของพวกเราได้อีกด้วย

กฎหมายรองรับของ Police Commission ในการออกใบอนุญาตธุรกิจต่างๆ รวมถึงธุรกิจนวดนั้น มีกฎหมายของเทศบาลที่ออกโดยสภาเทศบาลลอสแอนเจลิส ที่เรียกว่า Los Angeles Municipal Codes (LAMC) ซึ่งมีหลายร้อยมาตรา แต่ที่เกี่ยวข้องกับสถานนวดนั้น มีไม่ถึงสิบมาตรา ซึ่งผมจะอธิบายให้ฟัง แต่เราต้องมาเรียนรู้ก่อนว่า กฎหมายอาญาของอเมริกามีกี่ประเภท โดยขอสรุปดังนี้

1) Felony (F) เป็นคดีร้ายแรง มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึงตลอดชีวิต เช่น คดีปล้น ฆ่า ลักพาตัว การละเมิดทางเพศ ลักขโมย เป็นต้น

2) Misdemeanors (M) เป็นคดีลหุโทษ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน $1,000 การจำคุกจะจำคุกที่เรือนจำของเคาน์ตี้ (County Jail)

3) Infractions เป็นคดีที่มีโทษปรับสถานเดียว เช่น คดีจราจรต่างๆ ยกเว้นคดีที่เกี่ยวกับการขับรถในขณะที่เมายาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นคดีลหุโทษหรือร้ายแรงก็ได้ (Wobblers)


ส่วนกฎหมายของเทศบาลเมืองลอสแอนเจลิส มีดังนี้

Sec 103.205 (L.A.M.C) มาตราที่เป็นบทแรกของ Massage Therapy

Sec 103.205.1 (B) L.A.M.C Running Massage Business Without Permit (Massage Establishment) เจ้าของร้านนวดที่ไม่มีใบอนุญาต

Sec 103.205 (B) L.A.M.C Operation Massage Business Without Permit หมอนวดที่ไม่มีใบอนุญาต

Sec 103.205.1 (d) L.A.M.C Hours – No massage establishment shall operate nor shall any massage be administered in any massage establishment between the hours of 10.00 P.M and 7.00 A.M. สรุปคือให้เวลาเปิดทำการตั้งแต่ 7 A.M. ถึง 10 P.M. อันนี้มีคำถามมาเยอะเหมือนกันว่า ถ้าลูกค้าเข้ามานวดก่อน 4 ทุ่ม เช่นมา 3 ทุ่มครึ่ง นวดหนึ่งชั่วโมง จนถึง 4 ทุ่มครึ่ง จะผิดไหม คำตอบคือ ผิด เพราะกฎหมายมาตรานี้ระบุว่า ห้ามนวดหลัง 4 ทุ่ม ไม่มีข้อยกเว้น

Sec 103.205.2 (ii) Posting Requirements – A list of services available and the cost of such services shall be posted in an open and conspicuous place of the premises ต้องมีป้ายระบุประเภทการนวดและราคาที่เห็นได้ชัดเจน การเก็บเงินที่นอกเหนือจากที่ขึ้นป้ายไว้นั้นไม่ได้ แต่อนุญาตให้ลูกค้าทิปได้

Sec 103.205.5 (i) Prohibited Conduct – No person shall enter or remain in any part of a massage establishment location while in the possession of, Consuming or using any alcoholic beverages or drugs, except pursuant to a prescription for such drugs ห้ามบุคคลใดเข้ามาอยู่ในร้านนวดในขณะที่เมายาเสพติดหรือมีไว้ในครอบครอง ยกเว้นยาที่ได้จากใบสั่งหมอ โดยเจ้าของ พนักงาน หรือผู้จัดการ ต้องบอกให้บุคคลนั้นออกจากร้าน หรือห้ามอยู่ในร้านโดยเด็ดขาด (ถ้าขัดขืน ให้แจ้งตำรวจ)

Sec 103.205.5 (ii) No Storage or sale of sexually oriented material and/or sexually oriented merchandise shall be permitted within the massage establishment ห้ามมีของที่ใช้ในการค้าประเวณีในสถานประกอบการนวด เช่น ถุงยาง (Condoms) เครื่องกระตุ้นต่าง ๆ เป็นต้น

Sec 103.205.1 Massage therapists and practitioners กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหมอนวดหรือผู้ประกอบอาชีพนวด 103.205.1 (B) Effective Jan 1, 2016 All persons performing massage services from any location in the city shall be required to possess a valid, unrevoked CAMTC. All massage therapists’ permits issued by the board prior to Jan 1, 2016 shall be considered null and void ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2016 ผู้มีอาชีพนวดต้องมีใบอนุญาตจาก CAMTC โดยยกเลิกใบอนุญาตที่ออกให้โดยซิตี้ ก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2016 ทั้งหมด

Sec 103.205.1 (B) – Massage therapists permit required ผู้ใดที่ประกอบกิจกรรมนวด (หมอนวด)โดยไม่มีใบอนุญาตจาก CAMTC หลังจากวันที่ 1 ม.ค. 2016 มีความผิดเป็นคดีลหุโทษ (Misdemeanors)

Sec 103.205 (B) – In premises massage business – Permit required เจ้าของร้านที่เปิดร้านนวดในเขตเมืองลอสแอนเจลิส (Within the city of Los Angeles) ต้องมีใบอนุญาตจาก Police Commission (Aka: Massage establishment permit) ของแต่ละสาขา (ในกรณีมีมากกว่า 1 แห่ง) หากฝ่าฝืน มีความผิดเป็น Misdemeanors

Sec 103.205.7 (i) Inspections – The Chief of Police or his authorized representative shall have the right to enter each and every part of the massage establishment for the purpose of making unscheduled inspection. It shall be unlawful for any permittee to fail to allow an inspection of the premise or hinder of the inspection on in any manner. ผบ. ตำรวจ หรือผู้ได้รับมอบอำนาจจากผบ. สามารถเข้าตรวจสถานบริการนวดได้ ในทุก ๆ จุดของสถานบริการ โดยมิต้องแจ้งล่วงหน้า ถ้าเจ้าของปฏิเสธ หรือขัดขวางการเข้าตรวจของเจ้าหน้าที่ มีความผิดตามกฎหมาย เป็นคดีลหุโทษเช่นกัน

(iii) The operator shall maintain on the premises of the Massage Establishment a register of all non-state certified persons employed, working or providing other services at the massage business. The register shall be maintained for a minimum of two years following the time that a person ceases to be employed or provide services at the Massage Establishment. The operator shall make the register immediately available for inspection upon demand of a representative of the Police Department, any health officer or any other official charged with enforcement of this section. The register shall include, but is not limited to, the following information: (a) Name, nicknames and/or aliases; (b) Home address and contact phone number; (c) Age, date of birth, gender, height, weight, eye color and hair color; (d) The date of employment, and termination, if any; (e) The duties of each person.

ในกรณีที่มีพนักงานทํางานในร้านนวด แต่ทำหน้าที่ที่ไม่เกี่ยวกับการนวดที่ต้องมีใบอนุญาตนั้น เจ้าของร้านต้องทำประวัติของพนักงานนั้นอย่างชัดเจน มีแฟ้มระบุชื่อ ชื่อเล่น และชื่ออื่นๆ ที่ใช้ ที่อยู่บ้านและโทรศัพท์ อายุ วัน เดือน ปีเกิด เพศ ส่วนสูง น้ำหนัก สีตา สีผม วันจ้าง วันเลิกจ้าง ถ้ามี ตลอดจนหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้

(vii) The Massage Establishment shall not refuse service on the basis of a customer's sex, race, color, religion, ancestry, national origin, disability, medical condition, genetic information, marital status, sexual orientation or other arbitrary factor proscribed by the Unruh Civil Rights Act, Civil Code Section 51, et seq.

ห้ามไม่ให้ร้านนวดปฏิเสธการให้บริการกับลูกค้าบนรากฐานของ เพศ เผ่าพันธุ์ สีผิว ศาสนา เชื้อสาย ชาติพันธุ์ และความผิดปกติของร่างกายต่าง ๆ ตามกฎหมายที่ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่เท่าเทียมกัน

(v) The front door of the Massage Establishment and the doors of the interior treatment rooms in which massages are being performed must remain unlocked during all hours of operation unless the Massage Establishment is owned by one individual with one or no employees or independent contractors. No electronic locking device may be utilized on any entrance door. No warning devices such as buzzers may be installed

ประตูหน้าร้านและห้องนวดต้องเปิดไว้ในระหว่างทำการ นอกเสียจากในกรณีที่อยู่คนเดียว ไม่มีพนักงานอื่นอยู่ด้วย ห้ามใช้ประตูไฟฟ้าในการล็อกประตู หรือมีสัญญาณเตือนในการเข้าออก


ข้อหาที่หนักขึ้นถ้าถูกตั้งข้อหานี้

Penal Code 647 (B) Prostitution, ซึ่งมีส่วนประกอบการ solicit or agree to engage in any act of prostitution การค้าประเวณี ตำรวจสามารถจับได้ทั้งคนนวดที่ทำการค้าประเวณี และลูกค้าที่ใช้บริการอีกด้วย เป็นลหุโทษ (Misdemeanors) การเชิญชวนและตกลงขายบริการทางเพศ เพื่อแลกเปลี่ยนด้วยเงินหรือสิ่งต่าง ๆ มีโทษติดคุก 6 เดือน ปรับ $1,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ อาจต้องทำสาธารณประโยชน์ (Community Service)

ฉะนั้นถ้าคิดจะทำอาชีพนวดไทย ธุรกิจนวดไทย เราต้องพัฒนาตนเองเสียก่อน ซึ่งสามารถลงมือทำได้เลย ขอให้ทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย มิฉะนั้น ถ้าถูกจับ ก็จะเสียเงิน เสียเวลา เสียชื่อเสียง แถมมีประวัติอาชญากรรมอีกด้วย


โชคดีครับ
คิด ฉัตรประภาชัย