Special Scoop



พ.ท.หญิง ลัดดา ดักเวิร์ธ ส.ส.หญิงสายเลือดไทยแห่งรัฐสภาสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างของหญิงแกร่งที่มุ่งมั่นไม่ย่อท้อ เพราะคนเรามีทั้งขาขึ้นและขาลง !!

จากนายทหารหญิงแห่งกองทัพสหรัฐอเมริกา ก่อนก้าวสู่การสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 6 รัฐอิลลินอยส์ ของ พ.ท.หญิง ลัดดา หรือ แทมมี่ ดักเวิร์ธ ได้นำมาซึ่งความรู้จักในเกียรติประวัติของเธอ แก่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ถึงความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว และมานะอดทน อีกทั้งไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆทั้งสิ้น แม้วันนี้เธอจะต้องสูญเสียขาทั้งสองข้าง รวมทั้งแขนข้างขวาที่พิการอีกด้วย และความภาคภูมิใจที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศมีต่อเธอ ก็มิได้เลือนหายไป แต่ยิ่งกลับตอกย้ำให้ทวีคูณมากขึ้นอีก เมื่อได้ทราบถึงการกลับมาเยี่ยมแผ่นดินเกิดเป็นครั้งแรกในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สหรัฐอเมริกาของ “พ.ท.หญิง ลัดดา หรือ แทมมี่ ดัก-เวิร์ธ” อดีตนายทหารหญิงเลือดไทยผู้แกร่งกล้า ผู้ที่สร้างประวัติศาสตร์ โดยเป็นลูกครึ่งไทย-สหรัฐฯ คนแรก ที่ชนะการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทน-ราษฎร (ส.ส.) สหรัฐอเมริกา อย่างสมศักดิ์ศรี

“ส.ส.แทมมี่” เป็นลูกครึ่งไทย-สหรัฐฯ เกิดที่กรุงเทพฯ แล้วย้ายตามบิดา “แฟรง แอล.ดักเวิร์ธ” นายทหารอเมริกันไปใช้ชีวิตในหลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้จะใช้ชีวิตในต่างประเทศ แต่เธอสามารถพูดภาษาไทยได้ทั้งอ่าน และเขียน จากคุณแม่ “ละไม สมพรไพลิน ดักเวิร์ธ” ที่ทำหน้าที่ทั้งแม่และครูสอนภาษาไทย โดยนำหนังสือภาษาไทยมาให้เธออ่านตั้งแต่เด็ก และเมื่อเรียนจบปริญญาตรี จากมหา-วิทยาลัยฮาวาย เธอได้สมัครเข้าร่วมกอง-ทัพสหรัฐอเมริกา และเลือกที่จะเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ ระหว่างที่เธอเข้าร่วมรบในสงครามรุกรานอิรัก ในปี 2547 เฮลิคอป-เตอร์ UH-60 แบล็ก-ฮอว์ก ที่เธอเป็นนักบินผู้ช่วย ถูกยิงลูกระเบิดเข้ามาในเครื่อง และเกิดระเบิดตรงที่เธอนั่ง ทำให้เธอสูญเสียขาทั้งสองข้าง และแขนข้างขวาพิการ เหตุการณ์นี้ แม้แพทย์จะสามารถต่อแขนขวากลับคืนมาให้เธอได้ แต่เธอก็ต้องใส่ขาเทียมและใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นนับตั้งแต่นั้นมา

“ส.ส.แทมมี่” เป็นตัวอย่างของผู้หญิงเก่งที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาชีวิต เธอยังคงเดินหน้าทำงานต่อไป โดยเฉพาะทำงานการกุศลเพื่อทหารผ่านศึกในสหรัฐฯ พร้อมกับการตัดสินใจเบนเข็มชีวิตครั้งใหญ่ ก้าวสู่เส้นทางการเมือง ด้วยการสมัครเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต และได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนพรรค ลงสมัครชิงตำแหน่ง ส.ส.เขต 6 ของรัฐอิลลินอยส์ เมื่อปี 2549 การก้าวมาครั้งแรกในเส้นทางการเมือง เธอพ่ายแพ้อย่างฉิวเฉียด แต่เธอก็ไม่ได้ย่อท้อ ลุกขึ้นสู้อีกครั้งในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2555 ซึ่งเธอสามารถชนะใจชาวอเมริกัน โหวตให้เธอเป็นกระบอกเสียงในฐานะ ส.ส. เขต 8 ของรัฐอิลลินอยส์

ในการเดินทางมาเมืองไทยระหว่างวันที่ 29 ส.ค.-3 ก.ย.ที่ผ่านมา “ส.ส.แทมมี่” ได้จุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วไป โดยเฉพาะผู้หญิงและผู้พิการ ให้ก้าวผ่านความยากลำบากในชีวิต เพื่อเดินไปสู่ความสำเร็จที่ตนใฝ่ฝัน และในโอกาสนี้ “ส.ส.แทมมี่” ได้ให้สัมภาษณ์กับหน้าสตรีไทยรัฐ ด้วยว่า

“นี่เป็นการกลับมาเมืองไทยครั้งแรก หลังจากที่ชนะการเลือกตั้งมา การเดินทางมาครั้งนี้ แทมมี่ ต้องการให้ทั้ง 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ได้ร่วมมือกันทำงานนับต่อจากนี้ไป โดยเธอขอเป็นคนที่จะช่วยทำงานประสาน เพราะสิ่งที่ แทมมี่ ภูมิใจมากที่สุด คือ การมีเชื้อสายไทย มีเลือดไทย และได้กลับมาเมืองไทย เพราะที่แทมมี่ สำเร็จได้ที่สหรัฐอเมริกา เป็นเพราะว่าได้มาเริ่มต้นชีวิตที่นั่น ตอนนี้คุณแม่ก็เพิ่งมาปลูกบ้านที่เชียงใหม่”

กลับมาครั้งนี้ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของผู้หญิงไทยอย่างไรบ้าง

“แทมมี่ไม่ได้กลับมาเมืองไทยหลายปี คราวที่แล้วที่กลับมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มาครั้งนี้ รู้สึกว่าผู้หญิงไทยมีความก้าวหน้ามากขึ้น บางอย่างก้าวหน้ามากกว่าทางสหรัฐอเมริกาเสียอีก”


บทบาทสตรีไทยแตกต่างจากสตรีอเมริกัน หรือไม่คะ

“ถ้าพูดถึงความสามารถ สตรีไทยและสหรัฐฯ มีเท่ากัน สิ่งที่ทำให้เราไม่สำเร็จ ส่วนมากไม่ใช่เกิดจากประเทศของเรา แต่เกิดจากตัวเราเอง แบบที่เล่าเรื่องการเรียนเฮลิคอปเตอร์ ผู้หญิงสมัครได้ แต่ไม่ได้ไปสมัครเอง เพราะไม่คิดว่าเราทำได้ หรือคิดว่าฉันเป็นได้ หลายครั้งที่เราเองไปจำกัดตัวเอง ซึ่ง 2 ประเทศนี้อาจมีข้อจำกัดไม่เหมือนกัน แทมมี่อยู่สหรัฐฯ อาจมีโอกาสมากกว่าสตรีไทย แต่ทั้งหมดนี้เราเปลี่ยนแปลงได้ เราต้องให้ผู้หญิงออกไปหาเสียงมากขึ้น ทำให้สำเร็จ เป็น ส.ส.จะได้เปลี่ยนข้อกำหนดของประเทศเราให้ดีขึ้น เราทำได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือคนพิการ หลังจากที่แทมมี่กลายเป็นคนพิการ ได้รู้ว่ามีกฎหมายที่ให้โอกาสแทมมี่ไปที่ไหนก็ได้ ใช้รถเข็นไปแข่งขันกับคนอื่น คนไทยอาจจะยังไม่มีโอกาสแบบนี้ แต่แทมมี่คิดว่า ในอนาคตประเทศไทยจะมี”

สิ่งสำคัญที่ทำให้คุณแทมมี่ก้าวมาถึงวันนี้คืออะไรคะ

“ต้องมีความพยายามและอย่ากลัวการไม่สำเร็จ เพราะถ้าหากว่าเราทุกคน แม้แต่ชายหรือหญิง หลายครั้งกลัวว่า จะไม่สำเร็จ เลยไม่ได้ลองทำ ครั้งแรกที่ไปหาเสียง แทมมี่แพ้ เสียใจมาก นั่งร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ ไม่อยากคุยกับใคร เพราะว่าสัญญาณมือถือไม่ดีในห้องน้ำ เราเสียใจตัวเอง ร้องไห้อยู่ 3 วัน แต่สิ่งที่สำคัญที่ได้คิดคือ ไม่สำเร็จไม่เป็นไร เพราะได้พยายามทำแล้ว ได้เรียนรู้สิ่งที่สำคัญที่จะใช้สำหรับ 6 ปีต่อไป แทมมี่ก็ได้มีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็สำเร็จ หากไม่ได้ลองทำครั้งแรกก็จะไม่มีโอกาส เราไม่กล้าลอง ก็ไม่มีทางที่จะสำเร็จ สิ่งที่สำคัญคือ อย่ากลัวการแพ้ ต้องแข็งใจแล้วเราจะมีโอกาส มีกำลังที่จะลุกขึ้นสู้ต่อไป คนเรามีปัญญา เราก็ทำได้ทุกอย่าง ขอแค่มีความกล้า ไม่กดดันตัวเอง สิ่งที่สำคัญคือ มีความพยายาม ถ้าเราหกล้ม ก็ต้องลุกขึ้น”

ถ้ามีโอกาสบอกผ่านคนทั่วไป รวมทั้งผู้พิการที่กำลังท้อแท้กับชีวิต อยากจะบอกกับเขาเหล่านั้นอย่างไรบ้างคะ“

อย่ากลัว ต้องกล้าทำทุกอย่างค่ะ จะต้องลองทำ อย่ากลัวว่าจะทำอะไรไม่สำเร็จ เพราะว่าเราไม่ลอง ก็ไม่มีวันที่จะสำเร็จได้ แต่ถ้าเราได้ลอง บางครั้งอาจจะไม่สำเร็จ ก็ไม่เป็นไร แต่บางครั้งก็จะสำเร็จ เราต้องลองทำก่อน ส่วนคนพิการก็มีสิทธิเท่ากับคนปกติที่ไม่พิการ แล้วอย่าคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ต้องลองทำ อย่างถ้าแทมมี่คิดว่าตัวเองพิการ ฉันหาเสียงไม่ได้ ก็จะไม่มีวันนี้ มันต้องลอง เราต้องยอมออกไปหาเส้นทางชีวิตของเรา”

และในโอกาสที่มาเมืองไทยครั้งนี้ “ส.ส.แทมมี่” ยังได้ฝากข้อคิดดีๆ จากการปาฐกถาในงานสัมมนาวิชาการด้านสตรี และครอบครัว ที่จัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค.56 อีกว่า

“ดีใจที่มีแม่เป็นคนไทย และภูมิใจที่เกิดในประเทศไทย ดิฉันมีโอกาสเติบโตทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ซึ่งคุณแม่ของดิฉันไม่ได้มีโอกาสที่ดีเช่นนี้ การเสียสละของคุณแม่และของผู้หญิงในรุ่นของท่าน ช่วยสร้างโอกาสเหล่านี้ให้แก่พวกเรา ปัจจุบันผู้หญิงทั่วโลกยังคงต่อสู้เพื่อให้ได้รับโอกาสค่าจ้าง และการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ในฐานะผู้หญิง เราทำงานหนักทั้งในชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน เราต้องต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติดิฉันเชื่อว่า เราทุกคนรู้ว่า เรามีความสามารถในการทำอะไรได้บ้าง และทราบว่าเราสามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น ดิฉันอยากขอชักชวนให้ทุก

ท่านเดินออกจากกรอบเก่าๆของตัวเอง อย่ากลัวที่จะเสี่ยง อย่ากลัวที่จะผิดพลาด ไม่ว่าเราจะเลือกอาชีพอะไร เป็นแม่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่บริหารบ้านเมือง ชีวิตของเราย่อมมีทั้งขาขึ้นและขาลง สลับกันไปเสมอ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อล้ม เราสามารถลุกขึ้นมาใหม่และก้าวเดินต่อไป ดิฉันเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดในการก้าวไปข้างหน้า และสร้างความก้าวหน้าคือ การยืนหยัดเคียงข้างกัน”

เส้นทางชีวิตของ “พ.ท.หญิง ลัดดา หรือแทมมี่ ดักเวิร์ธ”ทำให้ได้เห็นสัจธรรมชีวิตอย่างแท้จริงแล้วว่า คนเราย่อมมีขาขึ้นและขาลง ท้องฟ้าไม่ได้มีแต่ความมืดมิด เพราะฉะนั้นเมื่อล้มแล้วยังสามารถลุกขึ้นมาได้!