ไลฟ์สไตล์
จอมพล
จัดระเบียบสังคม

เปิดหน้าเฟสบุ๊คขึ้นมา ผู้เขียนก็เห็นรูปสวยๆสองสามรูปที่เป็นการแนะนำร้านอาหารใหม่ที่ทำเป็นแคร่ลงไปในลำธารน้ำ พร้อมกับเขียนคำเชิญชวนว่า

“ร้านข้าวโอ้ต วังตะไคร้ จังหวัดนครนายก ส้มตำกลางน้ำ เย็นนี้มาแนะนำสถานที่ชวนเพลิน กับบรรยากาศเน้นความชิลกลางน้ำใสแจ๋ว เป็นน้ำที่มาจากอุทยานวังตะไคร้ จ.นครนายก วันหยุดนี้มาทานส้มตำบนแคร่ แล้วมาแช่ขาริมน้ำด้วยกันค่ะ”

เพื่อนในเฟสบุ๊คของผู้เขียนก็เขียนคอมเม้นต์ว่า “อยากไปจัง ไม่ไกลด้วย” จากนั้นใครหลายๆคนก็สนับสนุนพร้อมทั้งชักชวนกันไป นัดวันกันอย่างดิบดี

เมื่อครั้งที่ผู้เขียนเห็นครั้งแรกก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกันคือ น่าสนใจ คงจะดีมากที่จะได้ไปนั่งกินส้มตำท่ามกลางน้ำใสไหลเย็นเป็นธรรมชาติ คงมีความสุขดี นึกอิจฉาคนอยู่เมืองไทยที่จะได้ไปเที่ยวไปกินอย่างสนุกสนาน

แต่กระนั้นหลังจากเปิดภาพขึ้นและขยายใหญ่ก็ทำให้ฉุกใจคิดว่า การทำเช่นนี้น่าจะเป็นการทำลายธรรมชาติ ทำให้ทัศนียภาพที่สวยงามเป็นธรรมชาติของป่าเขาสูญเสียไป ประกอบกับการทิ้งขยะลงในลำธาร การกีดขวางทางเดินน้ำธรรมชาติซึ่งอาจจะทำให้เส้นทางของน้ำเปลี่ยนไป และดูเหมือนว่าจะเป็นการรุกล้ำที่ดินในเขตวนอุทยานแห่งชาติ ความคิดที่อยากจะไปของผู้เขียนก็เปลี่ยนไป

ผู้เขียนได้เลื่อนข้อมูลและอ่านความคิดเห็นของผู้ที่แสดงความคิดไว้ด้านล่างภาพก็มีหลายๆความเห็น ส่วนที่เห็นอย่างผู้เขียนก็มีมากเช่น

“ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ทำให้เสียความงามของธรรมชาติ และนำความสกปรกสู่ธารน้ำตก คิดว่าไม่น่าที่จะมีสิทธิพิเศษที่จะไปตั้งโต๊ะอาหารค่ะ”

“ลำธาร น้ำควรรักษาไว้เป็นสมบัติส่วนรวม มันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตตลอดต้นน้ำจนปลายน้ำ การรุกล้ำอย่างนี้ทำลายธรรมชาติค่ะ เศษอาหาร น้ำยาล้างจานทำความสกปรกและปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำ วิวสวยๆถูกทำลายด้วยค่ะ”

อย่างไรก็ตามผู้เขียนก็ได้เห็นโพสต์ของเจ้าของร้านที่เข้ามาออกความเห็นดังนี้

“ขอโทษนะคะ พอดีเป็นร้านของเราเอง ที่ติเพื่อก่อก็ขอขอบคุญและรับฟังค่ะ ใช่ว่าจะเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้อย่างเดียว ที่ว่าล้างจานในน้ำนี่ไปร้านมาหรือยังคะ ถ้าไปมาแล้วจะเห็นว่ามีการยกจานไปล้างด้านในร้านมีท่อน้ำทิ้งที่ถูกต้อง เรื่องขยะลูกค้าก็ไม่เห็นทิ้งในน้ำ ก็น้ำเป็น ที่ที่คุณนั่งลูกหลานก็เล่นน้ำกัน ถ้าเป็นคุณ คุณจะทิ้งมั้ย ทางร้านมีถังขยะให้บริการ มีถุงขยะให้ มีรถขยะมาเก็บและทำลายอย่างถูกต้องไม่ใช่เผาทิ้ง จะพูดก็หาว่าอวยร้านตัวเองลองมาดูก็ได้ค่ะ ไม่ต้องกิน ไม่อุดหนุนก็ได้ถ้าไม่ชอบ อยากให้ลองมาดูว่ามันยังมีมั้ยปลาเล็กปลาน้อย เปิดหินมายังมีลูกกุ้ง ลูกปูอยู่เลย ทุกอย่างอยู่กับธรรมชาติ ยิ่งพึ่งพามากเท่าไหร่ยิ่งต้องรักษาเขา แคร่ไม่ได้ตั้ง24ชม.มีการเก็บขึ้น และพวกที่บอกน้ำป่ามาตายหมด นี่มันไม่ใช่ติเพื่อสร้างสรรค์มันคนละเรื่อง งั้นคุณไปทะเลถ้าสึนามิมาก็ตายอยู่ดี เพราะภัยธรรมชาติมันมีได้ทุกที่ค่ะ ไม่ใช่มาตายหมู่ที่ร้านเรา ไม่ชอบใจก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่อยากให้มาดูกับตา ก่อนที่จะพูดแค่สนุกๆไป เรารู้คุณรักธรรมชาติมาก เราก็รัก.ไม่ขอขายของนะคะ แต่มั่นใจและรู้ว่าร้านทำอะไร ตรงไหนไม่ดีก็จะพัฒนาค่ะ ขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะ”

เท่าที่อ่านมาก็เห็นว่ามีเหตุผลดีอยู่ อย่างไรก็ตามเมื่อมานั่งคิดทบทวนแล้ว ผู้เขียนเห็นว่ามีอยู่สามประเด็นด้วยกันที่ควรจะต้องคำนึงถึงคือ

๑. ที่ดินตรงนั้นเป็นที่ดินสาธารณะหรือเป็นที่ดินของตนเอง

๒. จะมีการควบคุมไม่ให้มีการลอกเลียนมาตั้งแคร่ในน้ำเป็นจำนวนมากจนเสียทัศนียภาพได้อย่างไร

๓. จะมีการควบคุมไม่ให้มีการทิ้งขยะและน้ำเสียลงในลำธารต้นน้ำอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร

ตามที่ผู้เขียนได้ค้นคว้าดูก็พบว่า ที่ดินบริเวณนั้นไม่ได้อยู่ในเขตวนอุทยานแห่งชาติ แต่ก็ไม่ได้เป็นที่ดินส่วนบุคคล ลำน้ำยังเป็นสาธารณะสมบัติของส่วนรวมอยู่ ไม่ได้เป็นของทางที่ร้าน การยกแคร่ลงไปตั้งในที่สาธารณะไม่ใช่การกระทำที่ถูกต้อง หากใครจะคิดว่า ไม่เห็นเป็นไรนิดๆหน่อยๆ การไม่เห็นเป็นไร ทำตามใจคือไทยแท้เช่นนี้ ทำให้บ้านเมืองปราศจากกฏระเบียบ ใครนึกอยากจะทำอะไรก็ได้ เหมือนการตั้งแผงขายของตามฟุตบาททางเดินถนน ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นการล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น ครั้นไม่ให้ตั้งก็หาว่ารังแกคนจน ตัดทางทำมาหากิน แต่คนเดินถนนไม่มีที่เดินต้องลงไปเดินข้างล่างซึ่งเป็นถนนให้รถวิ่ง เมื่อเดินมากๆก็ทำให้เสียเลนการจราจร ประกอบกับรถแท็กซี่มาจอดรอผู้โดยสารก็เสียไปอีกหนึ่งเลน รถเมล์เข้าจอดป้ายไม่ได้ก็ต้องจอดกลางถนนเสียอีกหนึ่งเลน สรุปแล้วมีเลนให้รถวิ่งได้เพียงเลนเดียว อันเป็นเหตุให้การจราจรติดขัด ตัวอย่างนี้เห็นได้ชัดแถวบ้านผู้เขียนที่กรุงเทพฯ นั่นคือบริเวณตลาดสะพานใหม่ดอนเมืองที่การจราจรติดขัดมาก ช่วงที่จะผ่านหน้าตลาดใช้เวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า ๒๐ นาที เป็นที่เสียเวลาและเสียอารมณ์อย่างยิ่ง ฉะนั้นสิ่งที่พูดกันว่า นิดๆหน่อยๆไม่เป็นไร นี้เป็นการพูดที่เห็นแก่ได้ ไม่เป็นไรของคุณ มันละเมิดสิทธิของคนอื่น อย่าเอาความจนมาอ้าง คนทุกคนอยู่ใต้กฏหมายเดียวกัน จนรวยไม่สำคัญ ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฏหมาย จะมาขอยกเว้นเพราะเห็นว่าคนทำมาหากินยากจนอยู่แล้วจะยิ่งลำบาก มันเป็นคนละเรื่องกัน

ผู้อ่านอาจจะเห็นว่าการเปรียบเทียบนี้ไม่เข้าเรื่อง เพราะลำน้ำวังตะไคร้ไม่ใช่การจราจรในเมือง คงไม่ทำให้เกิดการจราจรติดขัด แต่สิ่งที่ผู้เขียนเห็นก็คือการล่วงละเมิดลำน้ำสาธารณะ ถึงแม้ตัวเองจะยืนยันว่าไม่มีการทิ้งน้ำเสียและสิ่งสกปรกลงในลำธาร ก็เป็นเรื่องยากที่จะควบคุมได้ นิสัยคนไทยเป็นคนมักง่ายเห็นแก่ความสุขส่วนตัวไม่เห็นแก่ส่วนรวม เอาแต่ได้และไม่มีระเบียบวินัย เขาเป็นลูกค้าคุณจะไปควบคุมเขาได้อย่างไร คุณบอกว่าลำน้ำนี้ลูกหลานคุณก็เล่นน้ำ จะทิ้งขยะลงไปไหม แต่บางกลุ่มบางคณะเขาไม่ได้มากับลูกหลาน เขาไม่ได้ลงเล่นน้ำ เขาขี้เกียจเอื้อมมือไปทิ้งกระดาษทิชชู่ ก็ทิ้งเสียข้างๆนั้นง่ายกว่า เพราะตัวก็ไม่ได้เล่นน้ำนั้น คุณจะไปห้ามเขาได้ตลอดเวลาหรือไม่ เท่าที่ดูในรูป ก็เห็นมีเศษขยะอยู่ตามซอกหินและก็ไม่เห็นมีคนเก็บทำความสะอาด ฉะนั้นที่จะมาอ้างว่าจัดเก็บได้ดีรับรองไม่มีการทำสกปรก ก็เห็นอยู่แล้วตามรูปว่าสกปรก

มาพูดถึงเรื่องทัศนียภาพ ความเป็นธรรมชาติ เมืองไทยเรานั้นไม่รู้จักการรักษาอนุรักษ์ธรรมชาติอันสวยงามที่ประเทศชาติอื่นไม่มี ผู้เขียนไปเที่ยวทะเลมาหลายประเทศ แม้แต่ฮาวายที่ว่าสวยแสนสวย ก็สวยได้ไม่ครึ่งของเมืองไทย หาดทรายเมืองไทย สวยงามปานชลอมาจากสวรรค์ แต่ไม่มีการอนุรักษ์ ปล่อยให้ทำสกปรก ดูอย่างหาดจอมเทียนพัทยา จำได้ว่าเมื่อครั้งยังเด็ก ไม่มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวจอมเทียนเพราะไกล หาดทรายทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ไม่มีเก้าอี้เตียงผ้าใบ หรือร่มชายหาด มีแต่ต้นสนและผักบุ้งทะเล งามเหมือนภาพวาด เวลาผ่านไป หาดจอมเทียนเดี๋ยวนี้สกปรกขนาดที่ว่าเล่นน้ำไม่ได้ มีคราบน้ำมันและเศษขยะ ชายหาดเต็มไปด้วยเตียงผ้าใบ ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นมาเฟีย ขนาดฝรั่งเอาผ้าไปเองปูนอน มันยังเตะทรายใส่เขาไล่เขาไปเพราะเขาไม่เช่าเตียงผ้าใบมัน ทำกันถึงขนาดนี้ ส่วนบนพื้นทรายนั้นก็มีเศษอาหารมีมดเต็มไปหมดเพราะคนกินอาหารแล้วทิ้งลงทราย เกลี่ยๆทรายดูมีทั้งก้นบุหรี่ เศษเปลือกกุ้งปู หมากฝรั่ง สกปรกจนหมดอารมณ์

ลำธารน้ำตกในเมืองไทย ทำไมจะต้องมีส้มตำมาขาย ไปเที่ยวเฉยๆไม่ต้องกินตลอดเวลาจะได้ไหม อยู่ที่อเมริกานี้สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติเขาไม่มีอาหารมาขายเกลื่อนอย่างเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นแกรนด์แคนยอน น้ำตกไนแองกาลา อุทยานแห่งชาติโยซิมิติ หาดทรายมาลีบู หาดทรายลากูนา ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ไม่เคยเห็นเขามีร้านอาหารเกลื่อนกลาด เก้าอี้ผ้าใบมาตั้ง ของมาหาบขาย เขามีที่ขาย ที่ให้นั่งกินเป็นระเบียบอยู่ห่างจากธรรมชาติ ไม่ให้เข้าไปรบกวนกับธรรมชาติ บางแห่งยกตัวอย่างเช่น เมียวู้ด ซึ่งเป็นป่าเรดโอคสวยงามอยู่ใกล้กับซาน ฟรานซิสโก เขายังสร้างสะพานไม้ให้คนเดิน กั้นเขตไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเหยียบบริเวณที่ต้นไม้กำลังเติบโต สำหรับเมืองไทย นักท่องเที่ยวเอาลาบส้มตำ เอาเบียร์ไปกิน อาบน้ำใต้น้ำตก เอาสบู่ไปถูตัว เอาแชมพูไปสระผม นุ่งกระโจมอกตีโป่งลอยน้ำ ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด พวกขี้เมาก็เอาฉิ่งฉาบกลองไปตีร้องเพลงเสียงดัง รบกวนสัตว์ป่าและธรรมชาติ บ้างก็ขีดเขียนเอาสีสเปรย์ไปพ่นตามโขดหิน สลักชื่อพ่อแม่ตามต้นไม้ สิ่งต่างๆเหล่านี้ไร้การจัดการและการดำเนินการทางกฏหมายที่เด็ดขาด บ้านเมืองจึงสกปรกเสื่อมทรามลงทุกวัน

ฉะนั้นเมื่อผู้เห็นได้เห็นร้านข้าวโอ้ต เอาแคร่ไปตั้งในลำธารสาธารณะ แล้วกลายเป็นที่โจษขานถึงความแปลกและน่าสนใจ จนมีคนไปเที่ยวมาก ก็เล็งเห็นว่า ต่อไปจะมีการเอาอย่าง ร้านอื่นๆก็มาทำบ้าง แล้วก็คงจะไม่พ้นลำธารต้นน้ำธรรมชาติ จะเริ่มสกปรกและเสียความเป็นธรรมชาติไปในที่สุด

ผู้เขียนจึงขอวิงวอนท่านผู้บริโภคว่า การสนับสนุนผู้ที่ทำลายธรรมชาติไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ยิ่งเราให้ความนิยม ก็เหมือนเป็นการสนับสนุนให้คนละเมิดสิทธิและทำลายธรรมชาติมากขึ้น

ผู้เขียนเห็นว่าน่าจะถึงเวลาเสียที ที่เมืองไทยจะจัดระบบต่างๆให้มีระเบียบวินัยยิ่งขึ้น เมืองไทยเรานี้ผู้คนขาดความเจริญทางจิตใจ คือขาดสำนึก มีความเห็นแก่ตนเป็นที่ตั้ง ต้องใช้กฏหมายที่เคร่งครัดเข้าควบคุม ต้องมีการจับปรับอย่างจริงจัง ถึงจะควบคุมได้ รังแต่จะอาศัยจิตสำนึกของคนอย่างเดียว คงไม่เห็นผล เพราะคนพวกนี้ไม่มีความละอาย เห็นแก่ได้ และมักง่าย จึงต้องใช้กฏหมายควบคุม โดยผู้รักษากฏหมายก็ต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง ไม่ผิดกฏเสียเอง และต้องมีศักดิ์ศรีคือไม่รับสินบน เข้าไปทำกิจการหรือช่วยเหลือเจ้าของกิจการเสียเอง

บ่นมาเช่นนี้ยังไม่เห็นว่าจะทำได้ เพราะการแก้ต้องแก้ทั้งระบบ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เราช่วยกันได้คือต้องใช้วิจารณญาน อย่าไปสนับสนุนผู้ที่ละเมิดสิทธิของเรา ของธรรมชาติ และของป่าเขาลำเนาไพร เราไม่สนับสนุนเขาก็อยู่ไม่ได้ ต้องเริ่มที่เราก่อนเป็นสิ่งแรกครับ