ไลฟ์สไตล์
จอมพล
ใกล้เกลือกินด่าง

คำพังเพยที่ว่า “ใกล้เกลือกินด่าง” นั้นหมายความถึงผู้ที่อยู่ใกล้สิ่งที่ดีมีคุณค่าแต่กลับมองไม่เห็นคุณค่านั้น กลับไปหลงชื่นชมกับสิ่งที่มีค่ามีราคาน้อย ไลฟ์สไตล์วันนี้ไม่ได้พูดถึงคำพังเพยใกล้เกลือกินด่างแต่กลับจะพูดถึงเรื่องของเกลือจริงๆ

เรารับประทานเกลือกันอยู่ทุกวัน และเราก็รู้ว่าเกลือนั้นไม่ดีต่อสุขภาพ ผู้ที่มีความดันสูงต้องหลีกเลี่ยงการบริโภคเกลือตามที่คุณหมอบอก คนมีความดันสูงจึงต้องกล้ำกลืนกินอาหารจืดๆไร้ความเค็ม

เมื่อครั้งที่ผู้เขียนเรียนเรื่อง Chemical Elements อันได้แก่เรื่องของแร่ธาตุที่สำคัญและมีความจำเป็นต่อร่างกายนั้น ก็ทราบว่าในเกลือนั้นมีแร่ธาตุที่มีประโยชน์และมีความจำเป็นต่อร่างกายมากมาย แต่ไฉนเลยการบริโภคเกลือจึงเป็นบ่อนทำลายสุขภาพ ความสงสัยนี้นำให้ผู้เขียนทำการค้นคว้าหาข้อมูลมายืนยัน เพราะความเข้าใจเรื่องของเกลืออันเป็นอาหารและแร่ธาตุสำคัญของร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้เลือกบริโภคเกลือได้ถูกต้องตามความร่างกายของตนโดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพนั่นเอง

เกลือนั้นมีอยู่สามประเภทด้วยกันคือ ๑. เกลือทะเล ๒. เกลือจากหินเกลือ (Rock Salt บ้านเราเรียกว่าเกลือสินเธาว์) และ ๓.เกลือบนโต๊ะอาหารที่ฝรั่งเรียกว่า Table Salt เรามาทำความรู้จักเกลือทั้งสองประเภทแรกกันก่อน อันเกลือทะเลนั้นแน่นอนว่าทำมาจากน้ำทะเล ใครเคยขับรถผ่านไปแถวชลบุรีก็จะเห็นเขาทำนาเกลือกัน บางทีกอบมาขายข้างทางเป็นถุงเบ้อเริ่ม ใส่ไหไว้ทานเป็นปีก็ไม่หมด เมื่อผู้เขียนยังเล็กนั้นชอบเกลือทะเลนี้มาก เป็นเกลือดิบไม่ผ่านการบดและแยกสี ดังนั้นจึงมีสีขุ่นๆ เป็นเมล็ดใหญ่ๆ ทานแกล้มกับมะม่วงขบเผาะที่ไม่ทันโตแต่ร่วง หยิบมาล้างๆแล้วกัดกร้วมทั้งเปลือกตามด้วยเกลือสักเม็ด อร่อยมากเหลือเป็นของโปรดของผู้เขียนวัยเด็กทีเดียว

ในน้ำทะเลนั้นประกอบไปด้วยแร่ธาตุ ๘๔ ชนิด จากรายงานของของ Modern Medical Research พบว่าในบรรดาแร่ธาตุ ๘๔ ชนิดนั้นมีถึง ๒๔ ชนิดที่เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย แร่ธาตุเหล่านี้ช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายเป็นมะเร็ง เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ความจำเสื่อม แก่ง่าย โรคอ้วน บวมน้ำ โรคกระเพาะ ฟันผุ กระดูกผุ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และอื่นๆอีกมากมาย เกลือทะเลแท้จริงจึงเป็นอาหารจำเป็นต่อร่างกาย ส่วนเกลือประเภทที่สองที่ทำมาจากเหมืองเกลือนั้น ก็มีคุณค่าเช่นเดียวกัน

ในความเหมือนกันของเกลือทั้งสองชนิดที่กล่าวมานี้คือ มีแร่ธาตุที่สำคัญที่สุดต่อร่างกายคือ แม็กนีเซียมและโปแตสเซียม ซึ่งมีความจำเป็นมากที่จะช่วยการดูดซึมโซเดียมเข้าร่างกาย และโซเดียมนี้นั้นมีหน้าที่ในการควบคุมความสมดุลย์ของน้ำในร่างกายรวมไปถึงระบบประสาทส่วนกลางและการเต้นของหัวใจ

ทีนี้ท่านผู้อ่านคงจะมีคำถามต่อไปว่า เจ้าเกลือโต๊ะ หรือเกลือที่เราบริโภคกันอยู่ทุกวันนี้นั้นมันมาจากไหนและทำไมจึงไม่มีแร่ธาตุหลงเหลืออยู่ นั่นก็เป็นเพราะสองเหตุผลนั่นก็คือ ผู้บริโภคชอบเกลือที่แลดูสะอาด ฉะนั้นเกลือเหล่านี้จึงถูกสกัดให้ขาว โดยกระบวนการนี้จะทำให้แร่ธาตุที่สำคัญถูกขัดถูออกหมด เหลือแต่เพียงความเค็ม ดังนั้นผู้ผลิตจึงผสมสารกันเกลือจับตัวกันเป็นก้อนและเติมแร่ธาตุชนิดหนึ่งกลับลงไปในเกลือนั่นก็คือ “ไอโอได (Iodine) คนไทยเราชอบอ่านว่า ไอโอดีน ซึ่งอ่านเพี้ยนไปจากฝรั่งๆเขาเรียกไอโอได และเจ้าไอโอไดที่เติมลงมานี้เอง กลับกลายเป็นพิษต่อร่างกายในที่สุด

การที่เกลือโต๊ะต้องมีการเติมไอโอไดนั่นก็เป็นเพราะว่าในปี ๑๙๙๕ The World Health Assembly ได้นำร่างกฏหมายขึ้นพิจารณาที่เรียกย่อๆว่า USI (Universal salt iodization)ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะกำจัดโรคที่เกี่ยวกับการขาดแคลนไอโอได (Iodine deficiency disease (IDD) นั่นก็คือโรคคอหอยพอก หรือ goiter,cretinism, เป็นต้น จากวันนั้นเกลือโต๊ะจึงเติมไอโอไดลงไปด้วย

อันความเป็นจริงนั้นผู้ที่รับประทานอาหารครบหมู่ทั่วไปนั้น ไม่จำเป็นต้องบริโภคไอโอไดเพิ่ม เพราะมีอยู่แล้วในอาหารที่เรารับประทานกันเป็นประจำเช่น ปลาทะเล กุ้งหอยปู ไข่ ซีเรียล หรืออาหารประเภทนมไข่เนยทั้งหลาย เพราะแม่วัวถูกเลี้ยงด้วยอาหารเพิ่มไอโอได รวมไปถึงยาอีกหลายชนิดเช่น Antiseptics, Lithium, Dopamine, Steroids, จึงเห็นว่าเราได้ไอโอไดพอสมควรต่อที่ร่างกายแล้ว การบริโภคเกลือผสมไอโอไดจะทำให้ระบบความสมดุลย์ของร่างกายผิดไป เพราะมีผลโดยตรงกับต่อมไธรอยด์ นั่นก็เป็นเพราะ๗๕ เปอร์เซ็นต์ของไอโอไดในร่างกายถูกสะสมอยู่ที่คอซึ่งเป็นตำแหน่งของต่อมไธรอยด์ และไธรอยด์นี้จะหลั่งฮอร์โมนซึ่งควบคุมระบบเผาผลาญในร่างกาย การบริโภคไอโอไดเกินปกติจะทำให้ร่างกายสูญสียการทรงตัว และเป็นโรคอ้วนส่งผลให้ร่างกายเกิดโรคแทรกซ้อนเช่น Thyroiditis Hyperthyroidism, หัวใจเต้นแรง และความดันสูงเป็นต้น

คำถามต่อไปก็คือเกลือขัดสีที่นำมาใช้นี้ถูกสกัดเอาแร่ธาตุอันมีคุณอนันต์แก่มนุษย์ออกไปแล้วเพื่ออะไร คำตอบก็คือเพื่อนำไปใช้ในการอุตสาหกรรมนั่นเอง เกลือโต๊ะนั้นแท้จริงแล้วมาจากเกลือทะเลที่ถูกขัดเอาแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายออกไปถึง ๙๓ เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นโซเดียม คลอไรด์บริสุทธิ์เพื่อใช้ในการผลิตระเบิด แก๊สคลอไรด์ เบ็กกิ้งโซดา ปุ๋ย และพลาสติก สรุปง่ายๆก็คือของดีเขาเอาไปใช้ในอุตสาหกรรม ส่วนที่เรากินนั้นเป็นกากเดนของเกลือที่ผสมไอโอไดซึ่งเราไม่ต้องการกับสารกันเกลือจับตัวเป็นก้อนที่เป็นพิษต่อร่างกายนั่นเอง

เกลือฮิมาลายัน สีชมพู เป็นเกลือสินเธาว์ มีคุณค่าทางอาหารและรสชาติอร่อยอีกด้วย

การเลือกเกลือบริโภคจึงสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เราจะเลือกเกลือสินเธาว์ หรือเกลือทะเลก็แล้วแต่ตามชอบใจ เกลือดีๆเหล่านี้จะมีขายตามตลาดอาหารเพื่อสุขภาพ อย่างWhole Food หรือ Traders Joe ลองมองหาเกลือสีกุหลาบที่เรียกว่า Himalayan rock salt หรือเกลือสีเทา Atlantic หรือ Celtic salt เกลือเหล่านี้ฝรั่งเขาจะเรียกว่า Unrefined Salt คือไม่ได้ฟอกสี ซึ่งมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายถึง ๙๐ ชนิดด้วยกัน อย่างไรก็ตามเกลือเหล่านี้ไม่มีสารช่วยทำให้เกลือแห้ง จึงมักจับตัวเป็นก้อน คนไทยโบราณท่านจะใส่เมล็ดข้าวสารลงในขวดเกลือเพื่อให้ดูดความชื้นออกจากเกลือ เกลือก็จะแห้งเสมอ

เกลือทะเล

อย่างไรก็ตามถึงแม้ท่านจะเปลี่ยนมาบริโภคเกลือที่ดีต่อสุขภาพแล้วก็ตาม การกินเค็มมากนั้นก็ยังมีผลเสียต่อร่างกายอย่างมากอยู่นั่นเอง โดยเฉพาะถ้ารับประทานเกลือจากเกลือโต๊ะแล้วยิ่งแย่หนักเข้าไปใหญ่ ผลเสียต่อร่างกายมีดังต่อไปนี้


๑. ขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียม การที่ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไปจะทำให้เกิดการขับปัสสาวะออกมาก ซึ่งแคลเซียมจะถูกขับออกไปทางปัสสาวะแทนที่จะดูดซึมเข้าร่างกาย แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อกระดูกและข้อ และการทำงานของกล้ามเนื้อ
๒. บวมน้ำ การบริโภคเกลือมากจะทำให้เนื้อเยื่อในร่างกายดูดซึมน้ำ เพราะคุณสมบัติของเกลือจะดูดน้ำ ดังนั้นร่างกายจึงมีปัญหาในการขจัดน้ำออกจากเนื้อเยื่อ เซลในร่างกายมนุษย์จะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อ เกลือในเซลและรอบเซลมีปริมาณเท่ากัน หากมีเกลือมากในตัว เซลก็จะคายน้ำออกเพื่อเจือจางSodium-saturated รอบๆตัวมัน น้ำจึงทรงอยู่ในเนื้อเยื่อและเซลเพื่อพยายามรักษาสมดุลย์ของเกลือกับน้ำ ซึ่งทำให้ร่างกายอมน้ำและบวมขึ้นอันสร้างปัญหาเรื่องของน้ำหนักตัว ความดันสูง และปัญหาอื่นๆอีกมากมาย
๓. ระบบการหมุนเวียนในร่างกายบกพร่อง ดูเหมือนว่าคนบางกลุ่มจะมีปัญหาเรื่องของความดันโลหิตที่ทำปฏิกิริยากับเกลือในร่างกายมากกว่าคนกลุ่มอื่น แม้แต่นักวิจัยก็ไม่สามารถตอบเรื่องนี้ได้ แต่เป็นเรื่องที่พิสูจน์แล้วว่าเมื่อมีเกลือในร่างกายมาก ความดันจะขึ้นสูง (Hypertension) อันเป็นมัจจุราชเงียบที่นำพาไปสู่การเป็นภาวะหัวใจล้มเหลวหรือเส้นโลหิตถูกทำลายนั่นเอง
๔. ปัญหาต่อไต ไตมีหน้าที่กำจัดโซเดียมส่วนเกิน การที่ภาวะเส้นลือดในไตถูกทำลายจากความดันโลหิตสูง ทำให้ไตทำงานผิดปกติ น้ำส่วนเกินและพิษในร่างกายก็จะสะสมไม่สามารถขับจากร่างกายได้ เลือดจึงเป็นพิษในที่สุด
๕. สตรีมีครรภ์ ต้องระวังการบริโภคเกลือเป็นพิเศษเพราะโดยปกติสตรีมีครรภ์ จะต้องการเกลือเพื่อรักษาสมดุลย์ของ Electrolyte (แร่ธาตุที่จำเป็น ๕ ชนิดที่มีผลโดยตรงต่อประสาท) แต่การบริโภคเกลือมากเกินไปจะมีผลต่อแคลเซี่ยมของทารก

ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ท่านผู้อ่านไทยแอลเอคงจะได้ความรู้เรื่องการบริโภคเกลือที่ถูกต้อง ผู้เขียนเองนั้นพกเกลือขวดเล็กๆไว้ในกระเป๋า เวลาต้องการเกลือก็หยิบของเราขึ้นมาเอง เวลาไปที่ไหนก็บอกเขาว่าอย่าทำเค็ม แล้วเรามาเติมเกลือของเราเอง การหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภท Junk food อย่างป๊อปคอร์น แฮมเบอร์เกอร์ ฮ็อทด็อก หรือพวกสารพัด Ships นั้นจะช่วยให้ลดการบริโภคเกลือได้มาก และยังทำให้ไม่เสียสุขภาพอีกด้วย

วันนี้เราหันมาสนใจเรื่องของเกลือและบริโภคให้ถูกต้องและในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดีของท่านและครอบครัวเถิดครับ