ฉบับนี้ขอพักเรื่องการเมืองและเรื่องเครียดๆสักฉบับ ขออนุญาตแปลเรื่องขำๆคลายเคลียดจากเวปไซด์ “Inspire Your Friends” มาให้อ่านพอได้อมยิ้มกันต้อนรับคริสต์มาสสักหน่อย
ชายผู้หนึ่งกับภรรยาของเขาตื่นขึ้นในตอนตีสามเพราะเสียงเคาะประตูดัง เขาลุกขึ้นและไปยังประตูที่ซึ่งคนเมาแปลกหน้ายืนตากฝนอยู่
“ช่วยผลักหน่อยได้ไหม” (ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Push ซึ่งน่าจะหมายถึงเข็นรถ) ชายผู้นั้นยืนเกาะขอบประตูพร้อมกับถามเขา
“ไม่มีทาง” สามีตอบ “นี่มันตีสามแล้วนะ” เขาปิดประตูปังและกลับมานอน
“ใครน่ะ” ภรรยาถาม
“ไอ้ขี้เมาที่ไหนไม่รู้มาขอให้ผลักหน่อย”
“แล้วเธอช่วยเขารึเปล่า” เธอถาม
“เปล่า...นี่มันตีสามแล้วฝนก็ตกเป็นบ้าเป็นหลัง”
“นี่คุณความจำสั้นจัง” จำไม่ได้เหรอเมื่อสามเดือนก่อนนี้ที่รถเราตายตอนที่เราไปพักร้อนและมีคนแปลกหน้าสองคนมาช่วยเราน่ะ ฉันว่าคุณน่าจะช่วยเขานะ”
ชายผู้นั้นก็เลยลุกขึ้นแต่ตัวแล้วเดินออกจากบ้านฝ่าสายฝนออกไปพร้อมกับตะโกนไปในความมืดว่า “ฮัลโหล คุณยังอยู่ที่นั่นรึเปล่า”
“อยู่” มีเสียงตอบ
“ยังต้องการให้ช่วยผลักรึเปล่า” สามีตอบ
“ช่วยหน่อยครับ” เสียงตอบมาในความมืด
“แล้วคุณอยู่ที่ไหนล่ะ” เขาถาม
“อยู่นี่ ที่ชิงช้า” เสียงคนเมาตอบ
สาวสวยผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในเครื่องบินระหว่างประเทศได้ถามบาทหลวงนี่นั่งข้างๆเธอว่า “คุณพ่อคะ ช่วยอะไรดิฉันหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิ ว่าแต่จะให้พ่อช่วยอะไร”
“คืองี้ค่ะ ดิฉันซื้อที่เป่าผมไฟฟ้าราคาแพงซึ่งน่าจะเกินลิมิตของศุลกากร ดิฉันกลัวว่าเขาจะยึดไปน่ะค่ะ คุณพ่อช่วยเอาเข้าด่านให้หน่อยได้ไหมคะ ซ่อนไว้ใต้เสื้อคลุมน่ะค่ะ”
“พ่อก็อยากจะช่วยนะ แต่ขอเตือนก่อนว่า พ่อจะไม่พูดโกหก”
“คุณพ่อทำหน้าเฉยๆ ไม่มีใครถามหรอกค่ะ”
เมื่อพวกเขาเข้าไปถึงด่านศุลกากร หญิงสาวให้บาทหลวงเดินนำหน้าเธอไป เจ้าหน้าที่ศุลกากรถามบาทหลวงว่า “คุณพ่อ มีอะไรจะแจงภาษีไหมครับ”
“ตั้งแต่หัวจนถึงเอว พ่อไม่มีอะไรต้องแจง”
เจ้าหน้าที่คิดว่าคำตอบนี้ประหลาด เขาจึงถามต่อว่า “แล้วอะไรที่คุณพ่อต้องแจงจากเอวถึงพื้นล่ะครับ”
“พ่อมีของเครื่องมือล้ำค่าที่ดีไซน์สำหรับผู้หญิงใช้ แต่จนถึงวันนี้ ไม่เคยได้ใช้เลย”
เจ้าหน้าที่กรอกตาไปมาแล้วตอบว่า “ขอพระเจ้าอวยพร คุณพ่อ เชิญผ่านไปได้ครับ”
ชายชราอาศัยอยู่คนเดียวในเมืองอเมริกัน ลูกชายคนเดียวของเขาติดคุกอยู่ ชายชราเขียนจดหมายถึงลูกชายว่า
ลูกรักพ่อรู้สึกแย่จังเพราะดูเหมือนว่าพ่อจะไม่สามารถปลูกมันฝรั่งในสวนปีนี้ได้ พ่อเริ่มแก่มากที่จะขุดดินในสวน ถ้าเจ้ายังอยู่ที่นี่ก็คงไม่มีปัญหา เพราะลูกคงช่วยพ่อขุดดิน แต่นี่ลูกอยู่ในคุก
รักไม่นานนักชายชราได้รับโทรเลขจากลูกชาย
“สวรรค์โปรด พ่อครับ อย่าขุดดินที่สวนนะ ผมฝังปืนผมไว้ที่นั่น”
เวลาตีสี่ของวันรุ่งขึ้น เจ้าหน้าที่เอฟบีไอกว่าโหลและเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาที่บ้านและขุดสวนทั้งสวนโดยไม่พบปืนแม้แต่กระบอกเดียว
ด้วยความงุนงง ชายชราเขียนจดหมายถึงลูกชายเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และถามเขาว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
ลูกชายตอบกลับมาว่า “ตอนนี้พ่อก็ปลูกมันฝรั่งได้แล้ว อย่างน้อยผมก็ทำดีที่สุดแล้วจากที่นี่”
เพื่อนสี่คนมาพบกันหลังจากไม่ได้เจอกันมา ๓๐ ปีหลังจากจบการศึกษา
คนหนึ่งไปห้องน้ำ ในขณะที่อีกสามคนคุยกันเรื่องความสำเร็จของลูกชายของพวกตน
เพื่อนคนที่หนึ่งบอกว่า ลูกชายเขาเรียนเศรษฐศาสตร์ แล้วก็มาเป็นนายธนาคาร ตอนนี้รวยมากและก็ซื้อรถเฟอร์รารี่ให้เพื่อนรักของเขา
เพื่อนคนที่สองบอกว่า ลูกชายเขาเป็นนักบิน แล้วเปิดบริษัทสายการบิน ตอนนี้รวยมา เขาซื้อเครื่องบินเจ็ทให้เพื่อนรักของเขา
เพื่อนคนที่สามบอกว่า ลูกชายเขาเป็นวิศวกร เปิดบริษัทเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ตอนนี้รวยมาก เขาสร้างปราสาทให้เพื่อนรักของเขา
เพื่อนคนที่สี่กลับมาจากไปห้องน้ำและถามว่าเม้าท์อะไรกันอยู่ พวกนั้นก็เลยบอกเขาว่ากำลังพูดถึงความสำเร็จของลูกชายของพวกตนอยู่ และถามเขาถึงความสำเร็จของลูกชายเขาบ้าง
เขาตอบว่า ลูกฉันไม่ได้เรียนอะไรเลยและเต้นระบำโป๊อยู่ที่บาร์
ทั้งสามคนกล่าวว่า ถ้าอย่างนั้นคงผิดหวังในตัวลูกมากสินะที่ไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย
“โอ๊ย ไม่หรอก “เขาตอบ “ลูกฉันสบายไปแล้ว เมื่ออาทิตย์ที่แล้ววันเกิดเขา เขาได้รถเฟอร์รารี่ ได้เครื่องบินเจ็ทและได้ปราสาทมาจากบอยเฟรนด์ของเขา
เศรษฐีผู้หนึ่งตัดสินใจไปเที่ยวซาฟารีที่อาฟริกา เขาได้นำสุนัขดัชชุนผู้ซึ่งสัตย์ไปด้วย
วันหนึ่งเจ้าดัชชุนวิ่งไล่ตามผีเสื้อและเมื่อรู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองหลงทางเสียแล้ว มันมองไปรอบๆแล้วก็พบว่าเสือดาวตัวหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ากำลังมองเจ้าดัชชุนเป็นอาหารกลางวัน
เจ้าหมาน้อยคิด “ตายละหว่า มีปัญหาแล้วตู” ทันใดนั้นมันมองเห็นกระดูกชิ้นหนึ่งอยู่บนพื้น มันจึงนั่งลงแล้วกัดกินกระดูกนั้นโดยหันหลังไปทางเจ้าเสือดาว เจ้าหมาน้อยพูดเสียงดังขึ้นว่า “แหม เจ้าเสือดาวนี่มันอร่อยนัก เอ…..แถวนี้จะมีอีกตัวไหมเนี่ย”
ได้ยินดังนั้น เจ้าเสือดาวก็รีบหันหลังกลับโกยแน่บ แล้วไปซ่อนอยู่ที่ต้นไม้ “วิ้ว เกือบไปแล้วเรา” ในเวลานั้นเจ้าลิงผู้เห็นเหตุการทั้งหมดก็นึกขึ้นได้ว่า น่าจะใช้เหตุการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์ต่อไปเพื่อป้องกันเจ้าเสือดาวจากภัยของตน มันจึงวิ่งตามเสือดาวไปเพื่อจะบอกความจริง แต่เจ้าดัชชุนเห็นมันวิ่งตามเสือดาวไปเพื่อปากโป้ง
เจ้าลิงวิ่งไปทันเสือดาว พร้อมกับต่อรองข้อตกลงที่ว่าถ้ามันบอกอะไรให้ เสือดาวจะต้องไม่จับมันกินต่อไปนะ หลังจากที่เสือดาวตกลงและเจ้าลิงบอกความจริง เจ้าเสือดาวโกรธมากที่ถูกหลอกให้โง่และกล่าวว่า “มาเจ้าลิงขึ้นหลังข้ามา แล้วคอยดูนะว่าไอ้หมาเจ้าเล่ห์จะโดนอะไร”
เจ้าดัชชุนเห็นเสือดาวมากับเจ้าลิงที่นั่งมาบนหลัง มันก็รู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร “ตายล่ะหว่า ตูจะทำยังไงดี” แต่แทนที่มันจะวิ่งหนี มันกลับนั่งลงหันหลังให้เจ้าสองตัวนั้น ทำเป็นมองไม่เห็น รอจนทั้งสองตัวนั้นเข้ามาใกล้แล้วก็พูดดังๆว่า
“ไอ้ลิงโง่นั่นไปไหนว่า ส่งให้มันไปตามไอ้เสือดาวตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่มาอีก”
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่ว่าไพ่ในมือจะเป็นอย่างไร มันอยู่ที่เราจะเล่นต่างหาก
เด็กชายน้อยๆคนหนึ่งเดินไปยังโทรศัพท์สาธารณะที่อยู่ในร้านขายของตรงที่แคชเชียร์นั่งอยู่ และหมุนโทรศัพท์ เจ้าของร้านก็มองดูเขาและแอบฟังการสนทนา
เด็กชาย “คุณผู้หญิงครับ ผมของานตัดหญ้าที่สวนได้ไหมครับ”
ผู้หญิง (ที่ปลายสาย) “ ฉันมีคนตัดหญ้าแล้วจ้ะ”
เด็กชาย “ คุณผู้หญิงครับ ผมเสนอราคาแค่ครึ่งหนึ่งของคนที่ตัดอยู่ปัจจุบันครับ”
ผู้หญิง “ฉันพอใจผลงานของคนที่ตัดอยู่ตอนนี้”
เด็กชาย (ทำเสียงวิงวอน) “ คุณผู้หญิงครับ ผมจะเช็ดพื้นและบันไดให้ฟรีๆด้วยครับ”
ผู้หญิง “ ไม่จ้ะ ขอบใจ”
เด็กชายยิ้มละไม วางโทรศัพท์ลง เจ้าของร้านผู้ได้ยินการสนทนานี้ เดินไปยังเด็กชาย
เจ้าของร้าน “ เจ้าลูกชาย.... ฉันชอบทัศนคติของเธอ เธอเป็นคนดีฉันอยากจะให้งานเธอทำ”
เด็กชาย “ไม่รับครับ”
เจ้าของร้าน “ทำไมล่ะ เธอเพิ่งจะของานเขาทำไม่ใช่รึ”
เด็กชาย “เปล่าครับ ผมแค่โทรไปเช็คว่าผลงานของที่ผมทำเป็นยังไง ผมก็คือคนงานที่ทำงานให้สุภาพสตรีคนที่ผมพูดด้วย”
“นี่เรียกว่าเป็นการประเมินผลงานครับ”
ตำรวจจับผู้ร้าย
ตำรวจ; แกอยู่ที่ไหน
ขโมย; อยู่กับพ่อแม่
ตำรวจ; แล้วพ่อแม่อยู่ที่ไหน
ขโมย; อยู่กับผม
ตำรวจ; แล้วพวกแกอยู่ที่ไหนล่ะ
ขโมย; อยู่ถัดจากบ้านเพื่อนบ้าน
ตำรวจ; แล้วเพื่อนบ้านแกอยู่ที่ไหน
ขโมย; ถ้าผมบอกคุณ คุณก็จะไม่เชื่อผม
ตำรวจ; บอกมา
ขโมย; อยู่ถัดจากบ้านผม
เจ้านายสงสัยว่าลูกน้องที่ทำงานดีคนหนึ่งไม่โทรฯมาลาป่วย แต่ไม่มาทำงาน
ด้วยความคิดที่ว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆเขาจึงโทรศัพท์ไปยังมือถือของพนักงานคนนั้น แต่ปรากฏว่ามีเสียงเด็กรับสายด้วยเสียงกระซิบ
“ฮัลโหล”
“คุณพ่ออยู่ไหมครับ” เขาถาม
“อยู่” เสียงเล็กๆตอบแบบกระซิบกระซาบ
“ขอคุยกับพ่อหนูหน่อยได้ไหม”
เสียงเด็กตอบ “ไม่ได้”
บอสแปลกใจและด้วยความที่ต้องการจะพูดกับผู้ใหญ่จึงถามต่อไปว่า “แล้วแม่หนูอยู่ไหม”
“อยู่” เสียงเล็กๆกระซิบตอบ
“ขอพูดหน่อยได้ไหม”
และเสียงนั้นก็ตอบอีกว่า “ไม่ได้”
ด้วยความที่ต้องการจะฝากข้อความไว้กับใครก็ได้ที่เป็นผู้ใหญ่ บอสจึงถามว่า “มีคนอื่นอยู่อีกไหม”
“มี” เสียงเด็กตอบ “ตำรวจ”
ด้วยความสงสัยยิ่งขึ้นว่าทำไมตำรวจจึงอยู่ที่บ้านพนักงานของเขา บอสจึงถามว่า “ขอพูดกับตำรวจได้ไหม”
“ไม่ได้” เสียงเด็กกระซิบ “เขากำลังยุ่ง”
“ยุ่งอะไร”
“เขากำลังคุยกับพ่อกับแม่แล้วก็พนักงานดับเพลิง” เสียงกระซิบตอบ
บอสยิ่งวิตกหนักขึ้นเพราะได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์บินวนลอดมาจากโทรศัพท์ เขาจึงถามว่า
“เสียงอะไรน่ะ”
“เสียงเฮลิคอปเตอร์” เสียงกระซิบตอบ
“เกิดอะไรขึ้นที่นั่น” บอสถามด้วยความตกใจ
เสียงกระซิบของเด็กตอบอีกครั้ง “ หน่วยตามหาเพิ่งจากกระโดดลงมาจากฮอ”
สันนิษฐานว่าเป็นเรื่องร้ายแรง บอสถามด้วยเสียงตกอกตกใจ “แล้วเขาตามหาอะไรกัน”
เสียงเล็กๆกระซิบหัวเราะคิกคัก “หาผมเอง”
หวังว่าคงจะยิ้มกันได้นะครับ