ไลฟ์สไตล์
จอมพล
อิตาลี

กรุงวาติกัน โรม ประเทศอิตาลี

หายหน้ากันไปหนึ่งฉบับ เพราะผู้เขียนหลบไปพักผ่อนเสียหนึ่งอาทิตย์ เพิ่งจะกลับมาจากไปเที่ยวอิตาลี ฟังดูน่าหมั่นไส้หรือไม่ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไฮโซไฮซ้อ ชิชะไปพักผ่อนยุโรป เที่ยวอิตาลี อะไรจะหรูหราขนาดนั้น เขียนลงไปนี่ก็ขำตัวเองเหมือนเป็นพวกขี้โม้ ขี้โอ่อยู่เหมือนกัน

ความจริงแล้วนั้นไม่ได้ไฮโซที่ไหน เพราะจริงๆแล้วก็ไม่เคยได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองนอกเมืองนากับเขาหรอก บอกตรงๆว่าไม่มีปัญญาไปทำหรูอย่างใครเขา ที่ไปคราวนี้ต้องวางแผนเล่นแชร์ ส่งต้นส่งดอกมาเป็นปีจึงกระแดะไปกับเขาได้บ้าง แล้วที่ไปนี้ ก็ไม่ได้ไปชอบปิ้งหรูหรา แต่ไปดูบ้านเมือง ขอแค่สักครั้งหนึ่งในชีวิตให้ได้ไปเห็นได้เก็บมาโม้สามวันแปดวันกับเขาได้สักครั้ง

ผู้เขียนซื้อทัวร์ไปเที่ยวกับเพื่อนสองคน เลือกเอาทัวร์แค่หนึ่งอาทิตย์ ก็เพราะเป็นคนทำงานรายวัน ไม่ทำก็ไม่ได้เงิน จะหยุดงานไปเที่ยวสักทีต้องคิดแล้วคิดอีก ไม่เหมือนคนที่เขาทำงานมีวาเคชั่น เขาหยุดไปเขาก็ได้เงินเดือนเต็ม ไอ้เราหยุดไปนอกจากจะไม่ได้เงินแล้ว ยังต้องเสียค่าเที่ยวอีก สิ้นเดือนบิลก็มาวางเท่าเดิม ฉะนั้นจะไปเที่ยวทีก็ต้องเตรียมเงินไปเที่ยว บวกกับเงินที่จะไม่ได้รับจากวันที่หยุด เพื่อสิ้นเดือนจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องเงินไม่พอจ่ายบิล ฉะนั้นจะไปเที่ยวไหนทีจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

อีกอย่างปีๆหนึ่ง จะมีวาเคชั่นหลายๆครั้งก็คงไม่ไหว ส่วนมากจะมีแค่ครั้งเดียว แล้วครั้งเดียวที่มีนั้น ส่วนมากก็ต้องกลับเมืองไทย เพราะต้องไปเยี่ยมครอบครัว เป็นอย่างนี้มาเป็นสิบปีแล้ว สรุปชีวิตนี้จึงไม่เคยได้ไปไหน อยู่แค่อเมริกากับเมืองไทย ตั้งแต่ปีที่แล้วจึงตั้งใจว่าจะเก็บเงินไปยุโรปตามความฝันไฮโซสักครั้ง ซึ่งก็สำเร็จได้ในครั้งนี้

ทัวร์ที่ไปนี้ เป็นทัวร์ของบริษัท Trafalgar ซึ่งเป็นบริษัททัวร์ใหญ่ของอิตาลี เป็นทัวร์เจ็ดวัน ชื่อว่า Jewels of Italy ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า “อัญมณีแห่งอิตาลี” มีความหมายถึงทัวร์เมืองท่องเที่ยวสำคัญของอิตาลีสามเมืองได้แก่ โรม ฟลอเรนซ์ และ เวนิซ ผู้เขียนไม่ได้เลือกไปทัวร์คนไทยก็เพราะเข็ดคนไทย เวลาไปไหนมาไหนไม่ค่อยชอบไปกับคนไทยด้วยกัน คุณผู้อ่านอาจจะหมั่นไส้ว่าทำดัดจริต ทำเป็นเสวนากับฝรั่ง อันนี้ผู้เขียนก็ว่าจริง เพราะเป็นคนไม่ค่อยชอบนิสัยคนไทยด้วยกัน โดยเฉพาะเวลาไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ คนไทยส่วนมากไม่ค่อยเคารพเวลา ชอบมาสาย ทำอะไรตามใจไม่ค่อยแคร์ว่าเพื่อนร่วมคณะจะเสียเวลารอตัวหรือไม่ แล้วเป็นโรคบ้าชอบปิ้ง ซึ่งผู้เขียนรำคาญความช่างซื้อช่างช้อปของคนไทย นอกจากนี้ทัวร์คนไทยยังชอบทำตัวเป็นผู้ดีแปดสาแหรกทั้งๆที่ปรกติก็ไม่ได้เป็นผู้ดำผู้ดีมาจากไหน พอซื้อทัวร์ไปเที่ยวเข้าหน่อยก็คว้ากระเป๋าหลุยส์ หอบโอเวอร์โค้ต แล้วก็ชี้นิ้วสั่งโน่นนี่ พวกไกด์ทัวร์ก็ต้องคอยเอาอกเอาใจ แล้วก็ขี้บ่นเรื่องมาก ปวดหัวปวดท้อง หยุดเข้าห้องน้ำ ซื้อยา เคยไปครั้งหนึ่งแล้วเข็ดไปจนตาย จึงไม่ยอมไปทัวร์กับคนไทยอีก ไปกับพวกฝรั่งนี้ดีกว่า พวกนี้ตรงเวลามากเรียกว่า ตรงเป๊ะ เขานัดแปดโมงบนรถโค้ช มาขึ้นรถโค้ชแปดโมงหนึ่งนาที นี่คือมาเป็นคนสุดท้าย แล้วพวกนี้เขาฟังไกด์ ไกด์เขาจะแจกวิทยุให้ห้อยคอแล้วมีหูฟังให้ เวลาเดินไปไหนเขาจะบอกเลยว่า ให้เดินตามมามีธงให้เห็นชัดๆ แล้วก็อธิบาย พวกนี้ก็เดินตามกันต้อยๆ ไกด์อธิบาย ก็ฟังกันอย่างสนอกสนใจ ไม่มีใครแตกแถวไปไหน ลองนึกดูว่าถ้าไปกับคนไทย จะเหมือนจับปูใส่กระด้ง คนนั้นจะเอาอย่างนั้น คนนี้จะเอาอย่างนี้ โดยเฉพาะถ้าเป็นทัวร์พูดไทย ก็จะมีปัญหาเอาโน่นเอานี่กันตลอด แต่ถ้าเป็นทัวร์ฝรั่งพูดภาษาอังกฤษ อันนี้ส่วนมากเงียบกริบ เพราะพูดกับเขาไม่ค่อยได้ เลยเรียบร้อยหน่อย เวลาเห็นไกด์คนไทยพาคนไทยมาเที่ยวอเมริกาแล้วก็สงสารไกด์ เห็นพินอบพิเทาเหลือเกิน ท่านคนโน้นจะกินวิสกี้ ที่ร้านอาหารนี้ไม่มีขายก็ต้องไปซื้อที่ตลาดมาให้ ท่านคนนี้บ้าไมค์โครโฟน จะขึ้นไปร้องเพลงบนเวที เขาอิ่มกันหมดแล้ว ไกด์ก็ยังสั่งรถออกไม่ได้เพราะ “ท่าน” ยังร้องเพลงน้ำลายฟูมปากอยู่บนเวที คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้วยกันก็หาวกันวอดๆ เห็นแล้วน่าสงสาร ที่เล่ามานี้เพราะเคยทำงานร้านอาหาร เคยรับพวกทัวร์คนไทย อาแปะอาซ้อ นายทหารคุณนายผู้ว่า เหล่านี้มาเที่ยวอเมริกาอยู่บ่อยๆ ได้รู้เห็นเป็นพยานกับชีวิตน่าสงสารของไกด์ไทยที่พาพวกนี้มาเที่ยว ผู้เขียนจึงเข็ด ไม่ขอซื้อทัวร์ไทยไปเที่ยวเด็ดขาด

ถ้าใครจะถามผู้เขียนว่า อยากจะไปเที่ยวอิตาลีเหมือนกับผู้เขียน แล้วมีเงินน้อย มีเวลาน้อย ผู้เขียนก็จะแนะนำให้ไปทัวร์เดียวกันนี้กับผู้เขียน เพราะราคาถูก ราคารวมตั๋วเครื่องบินไปกลับที่พักอาหารเช้า และอาหารเย็นบางมื้อ รวมแล้ว $2,800 ก็นับว่าคุ้มค่า เพราะอิตาลีค่าครองชีพแพงกว่าที่แอลเอนี้มากนัก อย่าลืมว่าทุกอย่างเป็นเงินยูโร แล้วเงินยูโรนี้แพงกว่าเงินดอลล่าร์ ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นโอกาสดีที่จะไปเที่ยวยุโรปเพราะเงินยูโรลงจนถึง 1.09 ยูเอสดอลล่าร์ต่อหนึ่งยูโร ทั้งๆที่เมื่อก่อนนี้สองเหรียญกว่า แต่ก็ยังถือว่าแพงกว่าอยู่ดี

การไปเที่ยวยุโรปนั้น สำหรับคนที่ไม่เคยไปมาก่อน การไปกับทัวร์นั้นจะง่ายกว่าเพราะไม่ต้องคิดอะไรมาก มีคนพาไปวางแผนให้หมด เวลาทุกนาทีได้ใช้อย่างคุ้มค่า ได้ดูได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรจะพลาด ถ้าไปเองก็ต้องศึกษาให้ดีแล้วก็ค่อนข้างยากเพราะไม่เคยไป ที่ๆอยากจะไปถ้าวางแผนไม่ดีจะหมดเวลาไปกับการเดินทาง ไหนจะหลงทางเสียเวลาไปเปล่าๆเสียอีก ผู้เขียนจึงแนะนำให้ไปกับทัวร์นี้ดีที่สุด

ผู้เขียนจะไม่เล่ารายละเอียดเรื่องของการเดินทางว่าไปไหนมาไหนมาบ้างเพราะใครๆที่ไปเที่ยวก็มักจะเห่อเขียน หาอ่านกันได้อยู่บ่อยๆ เป็นที่น่าหมั่นไส้เสียมากกว่าจะน่าสนใจ แล้วก็คงจะไม่ลงรูปตัวเองด้วยเพราะอายความแก่ แต่ที่อยากจะเล่าให้ฟังคือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ได้มาจากการเดินทางครั้งนี้

ผู้เขียนได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับการเดินทางไปยุโรป อย่างเช่นการไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารนั้น คนยุโรปไม่ทิปมากเหมือนคนอเมริกา ทิปแค่ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ของราคาอาหารก็ถือว่ามากแล้วสำหรับอิตาลี การไปเที่ยวกับทัวร์นั้น ถึงแม้เราจะจ่ายเงินค่าพาเที่ยวไปแล้ว แต่ก็ต้องเตรียมเงินไปเผื่อด้วย เพราะเงินที่จ่ายไปนี้ยังไม่ได้รวมกับทัวร์บางทัวร์ที่จะมีมาเสนอตลอดระยะเวลาที่เดินทางไปกับเขา คือเขาจะมีช่วงที่ปล่อยให้เที่ยวเอง แล้วก็จะมีทัวร์ที่น่าสนใจ เรียกว่าเป็นทัวร์เสริมมาขายให้ แล้วถ้าเราไม่ซื้อไปกับเขา เราก็จะถูกปล่อยให้นั่งเหี่ยวอยู่ในโรงแรม หรือเดินเคว้งคว้างอยู่ในเมืองรอเขามารับ หรือบางทีก็ต้องนั่งรถเมล์กลับเองเป็นที่น่าเวทนา ฉะนั้นราคาของทัวร์จึงไม่เบ็ดเสร็จ ต้องเตรียมไปอีก ผู้เขียนเองนั้น สุดท้ายต้องเสียอีก 400กว่ายูโรซื้อ Additional Tour ไปกับเขา เพราะไหนๆก็ไปแล้วทั้งที จะมามัวเสียดายเงินไม่ไปกับเขาก็กระไรอยู่ แล้วโปรแกรมที่มีก็น่าสนใจ อย่างเช่นคืนแรกในโรมนั้น เป็นการพาไปทานอาหารพิซซ่าในร้านเก่าแก่ที่อยู่ติดกับโคลีเซียม โดยมีนักร้องโอเปร่ากับนักดนตรีเล่นประกอบ วันที่สองเป็นการพาไปชมน้ำพุต่างๆรวมทั้งตรอกซอกซอยกับประวัติอันน่าสนใจของกรุงโรม วันที่สามเป็นการพาไปไวน์ยาร์ด โรงงานไวน์ รับประทานอาหารกับไวน์เทสติ้ง ชิมไวน์ที่ ทุสคานี วันที่ห้าเป็นการไปล่องเรือกอนโดล่าที่เวนิซ และวันสุดท้ายคือพาไปล่องเรือที่ลากูนแล้วไปทานอาหารทะเลที่เมืองชาวประมงบูราโน ที่เล่ามานี้ผู้อ่านจะเห็นว่าถ้าไม่ซื้อทัวร์เพิ่ม ก็ต้องไปนั่งจ้องตาขาวกันที่โรงแรม ไหนๆมาถึงเวนิซอิตาลี จะไม่นั่งเรือกอนโดล่า ไม่ไปกินพิซซ่า หรือไม่ไปเดินดูน้ำพุที่โรม แล้วจะมาทำไม จริงหรือไม่ ฉะนั้นที่ว่าราคาซื้อทัวร์แล้ว ก็จงเตรียมเงินไปเผื่อทัวร์พวกนี้ด้วย

แล้วคนที่หวังจะไปช้อปปิ้งก็จงลืมเสียเถิดเพราะไม่ค่อยมีเวลาให้ซื้อข้าวของเท่าไหร่ อีกทั้งสถานที่ๆพาไปนั้นก็ไม่ใช่แหล่งชอบปิ้งที่จะซื้อกระเป๋าหลุยส์วิตตอง หรือบัลลังสิยาก้า เพราะถึงแม้จะถูกกว่าเกือบครึ่ง แต่แหล่งที่ซื้อกับแหล่งที่เขาไปเที่ยวกันนั้นมันคนละที่กัน

เครื่องแก้วมูราโน

อย่างไรก็ตามจากการไปเที่ยวมาครั้งนี้ผู้เขียนเห็นว่า เวนิซ เป็นเมืองที่น่าช้อปปิ้งมากที่สุด สิ่งที่น่าซื้อที่สุดคือเครื่องแก้วมูราโน ของแท้ ซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดในโลก แล้วก็มีเครื่องหนังอิตาลีของแท้ ที่โรงงานผลิตอยู่ที่เวนิซนี้ ผู้เขียนเห็นว่าในชีวิตของคนๆหนึ่งถ้าจะมีเสื้อแจ๊คเก็ตหนังสักตัว ก็ขอให้เป็นหนังอิตาลีแท้ คุณภาพดีๆก็เห็นจะพอไม่ต้องซื้ออีกต่อไป ผู้เขียนนั้นเป็นคนชอบหน้ากาก จึงชอบมากกับการเดินเล่นในเวนิซเพื่อเข้าไปชมหน้ากากตามร้านต่างๆ เพราะเวนิซนี้เป็นแห่งเดียวในโลกที่ทำหน้ากากกระดาษได้สวยงามที่สุด

หลายคนชอบถามว่าไปเที่ยวอิตาลีครั้งนี้สนุกหรือไม่ ก็ต้องตอบว่าสนุก แต่ถามว่าอยากจะไปอีกไหม ต้องตอบว่าไม่แน่ใจ อาจจะเป็นเพราะที่ไปครั้งนี้นั้นเป็นช่วงไฮซีซัน คือเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวมากแล้วก็อากาศร้อนมาก นักท่องเที่ยวมืดฟ้ามัวดินไปหมด คนชอบสันโดษอย่างผู้เขียนไปเจอคนแน่นๆเข้าทุกวันๆก็ถึงกับลมจับ ทำเอาขี้เกียจไปไหนมาไหน เพราะเวียนหัวคนเยอะ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีอยู่เกือบเต็มเมือง ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไปหมด แต่อย่างว่าเขาเห็นเราก็คงรำคาญเช่นเดียวกัน อีกประการคือช่วงวันที่ไปเที่ยวฟลอเรนซ์ ซึ่งเป็นเมืองที่สวยงามมาก แต่นักท่องเที่ยวเยอะและต้องรอคิวเข้าสถานที่สำคัญเป็นเวลานานโดยไม่มีที่หลบร่ม หลายๆชั่วโมงกลางแดดเปรี้ยง อีกวันหนึ่งลงเรือแล้วโดนฝนตกหนักจนหนาวสั่นเปียกไปหมดทั้งตัว ประกอบกับวันแรกในกรุงโรมนั้น เต็มไปด้วยต้นสน (Stone Pine) ที่มีลักษณะเหมือนร่ม ต้นใหญ่มีอยู่ทั่วไปหมดในกรุงโรม เป็นสัญญลักษณ์ของเขาเลยนั้น ได้เวลาออกดอก ปลิวว่อนไปทั่ว คนแพ้เกสรดอกไม้อย่างผู้เขียนจึงได้โอกาสเป็นภูมิแพ้ แล้วมาเดินตากแดด โดนฝน จึงจบด้วยการป่วย แล้วเวลาไปเที่ยวเมืองนอก ส่วนมากท้องไส้จะไม่ค่อยดี ทำให้ไม่อยากทานอาหารอะไร เลยไม่เอนจอยอาหารอิตาเลี่ยนที่วาดภาพไว้เสียสวยงามว่าจะสวาปามให้เต็มคราบ ได้แต่กินเจลาโต คือไอศครีมอิตาเลียนแสนอร่อยที่ดูเหมือนจะเป็นอาหารประจำวันของผู้เขียน

สิ่งที่คิดถึงมากๆเมื่อไปอิตาลี คือกาแฟอเมริกัน ผู้เขียนดื่มกาแฟดำ ไม่ชอบกาแฟแบบเอสเปรสโซของอิตาเลียนที่ข้นคลั่ก แก้วกระจิ๋วหลิว ผู้เขียนชอบสตาร์บัค ซึ่งไม่มีขายในอิตาลี มีแต่กาแฟขมปี๋ ก็เลยเซ็งไม่ค่อยมีความสุขเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตามประสบการณ์แค่เจ็ดวันที่ได้เดินทางไปอิตาลี ก็คงเป็นภาพประทับใจที่ไม่เคยจะลืม ถึงแม้จะไม่ได้เห็นน้ำพุเทรวีเพราะดันมาซ่อมเสียไม่มีน้ำสักหยด ไม่ได้ไปดูเดวิดของแท้เพราะมิวเซียมปิดวันจันทร์ แต่ก็มีอีกหลายสิ่งที่ได้เห็น เรียกว่าครั้งหนึ่งในชีวิต อย่างเช่น ปิเอ็ดตา รูปพระแม่มารีกับพระเยซู ฝีมือไมเคิลแอนเจิลโล หรือหอเอนที่เมืองปิซ่า กับการนั่งเรือกอนโดราที่เวนิซ แค่นี้ก็เรียกว่าชีวิตนี้คุ้มค่าแล้วครับ