ไลฟ์สไตล์

เฌอเต็ม
ชีวิตที่(เกือบ)ตกผลึก

ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายปีอยู่ สงสัยเหมือนกันว่ายังมีอะไรที่ทำให้ฉันกลัวได้อีก (นอกจากผี) แล้วความแก่ล่ะ น่ากลัวไหม พาลไปนึกถึงหนังแอนนิเม่เรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นหนังในดวงใจตลอดกาลของฉัน เรื่องปราสาทเคลื่อนที่ของฮาวล์ (Howl’s Moving Castle) โดยยอดผู้กำกับขั้นเทพฮายาโอะ มิยาซากิ เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อโซฟี (Sophie) นางเอกสาวสวยถูกสาบให้กลายร่างเป็นหญิงชราที่อ้วนเตี้ยหลังค่อม ป้อมกลม ผิวหนังเหี่ยวย่น แม้จิตใจจะยังคงความเป็นสาวอยู่ แต่เมื่อต้องกลายสภาพมาอยู่ในร่างหญิงชรา เธอกลับปลงสังขารและยอมรับมันได้ ประสานางเอกโลกสวย อารมณ์ประมาณว่าไหนๆ ก็โดนสาบแล้ว ดีเหมือนกัน จากนี้ชุดที่ใส่ๆ อยู่จะได้เหมาะกับวัยเสียที หรือการที่เธออาศัยร่างหญิงชราเป็นเกราะกำบังให้ลดความขี้อายลงบ้าง ลดความขี้กลัวลงบ้างเวลาประจัญหน้ากับคัลซิเฟอร์ กองไฟพูดได้ มันทำให้เห็นว่าเธอต้องมีจิตใจเข้มแข็งขนาดไหน ที่อยู่ดีๆ ต้องยอมจำนนกับความแก่ แถมมาเจอผีไฟพูดได้อีก ประโยคหนึ่งที่ติดใจฉันเมื่อเธอพูดทำนองว่า พออายุมากขื้น ความกลัวก็น้อยลง ซึ่งมันก็จริง มันไม่หายไปเสียทีเดียว แต่มันน้อยลงจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโชคชะตากำหนดให้เธอต้องจับพลัดจับผลูมาอยู่ปราสาทเคลื่อนที่ของฮาวล์ เธอจะต้องอดทนกับความหวั่นไหวเวลาฮาวล์เข้ามายืนใกล้ๆ ฮาวล์เทพบุตรสุดหล่อของสาวๆ ต้องมาอยู่ร่วมชายคากับยายแก่จมูกโต หน้าเหี่ยว หลังค่อม โดยหารู้ไม่ว่า ฮาวล์ผู้มีเวทมนตร์รู้มาโดยตลอดว่า จริงๆ แล้ว เธอคือหญิงสาวสวยวัยสดใสผู้ต้องคำสาบ ผู้กำกับขั้นเทพจับอารมณ์และความรู้สึกสาวน้อยได้ดีมาก ขนาดเป็นหนังแอนนิเม่ คนดูอย่างฉันยังสะเทือนใจ การเก็บงำความรู้สึกที่ดีต่อคนๆ หนึ่งแต่เอ่ยปากบอกเขาไม่ได้นี่ มันก็หนึ่งในสุดยอดความอดทนเหมือนกันนะ นึกถึงสมัยสาวๆ สิ อกแทบระเบิดถ้าไม่ได้ทำอะไรสักอย่างให้เขารู้

หนังเรื่องนี้ทำให้ความคิดและมุมมองของฉันเกี่ยวกับความชราเปลี่ยนไป ยิ่งดูบ่อยยิ่งซึมซับ มันทำให้ฉันไม่กลัวแก่ เพี้ยนไปกว่านั้นคือ อยากรู้ว่าแก่แล้วเราจะเป็นคนแบบไหน เราจะเป็นเหมือนป้าๆ ยายๆ ที่ขี้เหนียว หรือออกอาการทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รู้กาละเทศะ ด้วยหวังให้คนอื่นไม่ถือสาตนหรือไม่ โอ โนวว ขออย่าได้เป็นมนุษย์ป้าเลย ขอให้ความคิดที่ยังพอมีเหตุมีผลอยู่บ้างในวันนี้ แม้จะข้างๆ คูๆ อยู่เคียงตัวและจิตใจไปตราบนานเท่านานด้วยเถิด ชาวบ้านเขาจะได้ไม่เดือดร้อน

เมื่อมองย้อนอดีตไป แทบไม่น่าเชื่อว่าตัวฉันเมื่อยี่สิบสามสิบปีก่อน คือคนๆ เดียวกับร่างนี้ แทบจะหัวเป็นก้อย หน้าเป็นหลัง ฉันมาไกลมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจากชั่วสุดๆ กลายเป็นดีนะ 55 ก็แค่มุมมองชีวิตที่เปลี่ยนไป ตามประสบการณ์เท่านั้น ด้วยวัยวุฒิที่เพิ่มขึ้น ย่อมต้องส่งผลต่อการตัดสินใจเป็นธรรมดา หรือใครว่าไม่จริง คุณจะไม่เปลี่ยนความคิดหรือการตัดสินใจกับการกระทำบางอย่างหากคุณสามารถย้อนเวลากลับไปได้ 20 หรือ 30 ปีอย่างนั้นจริงๆ น่ะหรือ แล้วถ้าว่างมากนักก็ลองคิดเล่นๆ ดูว่า ถ้าเราต้องใช้ชีวิตที่เมืองไทย ตอนนี้เราจะทำอะไรอยู่นะ เดินขายประกัน (ไม่รู้ยังเดินขายกันอยู่หรือเปล่า 55) รับราชการ เป็นครู เป็นนักธุรกิจ หรือขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ปากซอยนางลิ้นจี่ ส่วนฉันนี้หลับตาเห็นภาพได้ถนัดชัดเจนว่า น่าจะปากกัดตีนถีบพอประมาณ คิดว่าน่าจะอยู่ทาวน์เฮ้าส์ตามชานเมือง เพราะรายได้ปานกลาง จากการสอนหนังสือที่วิทยาลัยสักแห่งแถวๆ นั้น ขับรถโตโยต้ามือสอง สถานะน่าจะเป็นแม่ม่ายทิ้งผัว เพราะได้ข่าวว่าชายไทยชอบออกนอกลู่นอกทาง ซึ่งฉันไม่ทนอยู่แล้ว กะว่าน่าจะมีลูกสักสองคน ลูกๆ น่าจะกำลังเรียนมัธยมปลาย คนหนึ่งดี อีกคนน่าจะเลว ได้เลือดพ่อมัน แต่อยู่กับแม่ทั้งคู่ บอกแล้วไงพ่อมันเลว ...

เกริ่นเรื่องความกลัวกับความแก่ ยังไงมาลงเรื่องจินตนาการย้อนยุคไปได้ ยังไงก็ถือว่าฉันวันนี้พอใจกับสิ่งที่มีแล้ว ชาตินี้พอแล้วไม่ขออะไรอีกแล้ว จากนี้ไปขอเป็นผู้ให้บ้าง ให้บ้างนะ ไม่ได้ให้เยอะ 555 เอ้าจบกันดื้อๆ แบบนี้แหละ เนื้อที่หมดแว้ววว.

เฌอเต็ม

Kokonuts123@yahoo.com