ไลฟ์สไตล์
จอมพล
ลาก่อน...วิทนีย์ ฮูสตัน
"By now you have all learned of the unspeakably tragic news of our beloved Whitney's passing. I don't have to mask my emotion in front of a room full of so many dear friends. I am personally devastated by the loss of someone who has meant so much to me for so many years. Whitney was so full of life. She was so looking forward to tonight even though she wasn't scheduled to perform. Whitney was a beautiful person and a talent beyond compare. She graced this stage with her regal presence and gave so many memorable performances here over the years. Simply put, Whitney would have wanted the music to go on and her family asked that we carry on. ( Clive Devis)

ถึงตอนนี้คุณก็คงจะพูดไม่ออกถึงข่าวการจากไปของวิทนีย์ที่เรารัก ผมไม่ต้องปกปิดความรู้สึกในเวลานี้ที่ผมยืนอยู่หน้าห้องที่เต็มไปด้วยมิตรรักทั้งหลาย ผมเองนั้นหัวอกท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกสูญเสียบุคคลผู้มีความหมายอย่างมากต่อผมมาเป็นเวลาหลายปี วิทนีย์ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เธอเฝ้ารอที่จะมาร่วมงานคืนนี้ ทั้งๆที่เธอไม่ได้อยู่ในการแสดง วิทนีย์งดงามและมีความสามารถเหนือที่ใครจะเทียบได้ เธอทำให้เวทีแห่งนี้งามสง่าด้วยการปรากฏตัวอย่างราชินีของเธอและได้มอบการแสดงที่แสนจะประทับใจมานานหลายปี วิทนีย์คงจะต้องการให้ดนตรีดำเนินต่อไปและครอบครัวของเธอก็คงจะขอให้เราช่วยกันให้ดนตรีของเธอดำรงอยู่” โดย ไคลฟ เดวิส

นี่คือคำกล่าวของไคลฟ เดวิส ที่กล่าวในงานฉลองก่อนคืนแจกรางวัลแกรมมี่ อวอร์ด ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรม เบเวอรี่ ฮิลตัน อันเป็นสถานที่ที่ดารานักร้องแห่งโลกจบชีวิตอันรุ่งโรจน์ของเธอ ไคลฟ เดวิสเป็นเพื่อนสนิท โปรดิวเซอร์ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของราชินีเพลงขวัญใจคนทั้งโลก “วิทนีย์ ฮุสตัน”

คงไม่ต้องเอ่ยถึง คงไม่ต้องกล่าวซ้ำ คงไม่ต้องพูดกันมากสำหรับความเสียใจของนักฟังเพลงทั้งโลก ต่อการสูญเสียราชินีเพลงผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นเสียยิ่งกว่าต้นแบบ แม่แบบ ของนักร้องที่ชื่นชอบอาร์แอนด์บีทั้งโลกคนนี้ หลายคนช๊อค เสียใจ ไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ เพราะเห็นอยู่ว่าเธอได้จากไปแล้วจริงๆ

ผู้เขียนนั้นรักวิทนีย์ ฮูสตัน และไม่เคยเปลี่ยนใจไปชอบใครอื่นนอกจากเธอเลย ไม่ว่าภายหลังจะมีนักร้องเสียงดีเกิดขึ้น บังอาจทาบทารัศมีราชินีของเธอ ไม่ว่าจะเป็น มารีอา แครีย์ คริสตินา อากีเรร่า ที่ล้วนแล้วแต่มีลูกเล่นและความสามารถแพรวพราว แต่ความเก๋าและความคลาสสิคก็เทียบกันไม่ได้กับ วิทนีย์ ฮูสตัน

ผู้เขียนได้เขียนเรื่องของดาราฮอลลีวู้ดที่เสียชีวิตด้วยการจบชีวิตของตัวเอง จากการเสพยาเสพติดจนเกินขนาด ไม่ว่าจะเป็น มาริลีน มอนโร, เอลวิส เพลสลีย์ หรือแม้แต่ ไมเคิล แจ๊คสัน ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาเขียนนักร้องในดวงใจที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับอย่างวิทนีย์ ฮูสตัน อีกคนหนึ่ง

วิทนีย์เคยให้สัมภาษณ์กับโอปรา วินฟรีย์ว่า เธอมองการเสียชีวิตของไมเคิล แจ๊คสัน เพื่อนสนิท แล้วสะท้อนมองตัวเอง และใจหายเพราะดูเหมือนตัวเองก็คงไม่พ้นจุดจบที่เหมือนกันกับไมเคิล

บทสัมภาษณ์นี้กลายมาเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ ที่ชวนให้ขนหัวลุก เพราะเธอได้พูดเป็นลางมาก่อน อย่างไรก็ตามจนขณะที่ผู้เขียนกำลังเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ยังไม่มีข้อสรุปว่าวิทนีย์ ฮูสตัน เสียชีวิตจากอะไรกันแน่ เพียงแต่พบว่ามีขวดยาหลายขนานอยู่ในห้องของเธอ อย่างเช่น ยาแก้ปวดไอโบรโพรฟีน ยากล่อมประสาท ซาแน็ค ยาแก้ปวดประจำเดือน มิโดล และยาแก้อักเสบ อาม็อกซิล เนื่องจากเธอกำลังคอเจ็บ อ่านดูชื่อยาต่างๆแล้วก็เห็นว่าเป็นยาธรรมดาที่เราเองก็กินกันอยู่ ไม่น่าจะมีฤทธิ์ถึงขนาดทำให้เธอหมดสติและจมน้ำในอ่างได้ ถึงแม้ฉลากยาจะระบุว่ามาจากร้านขายยาร้านเดียวกันกับที่จ่ายยาตามใบสั่งแพทย์ให้กับไมเคิล แจ๊คสันก็ตาม

วิทนีย์โด่งดังสูงที่สุดในชีวิตของเธอในช่วงปี ๑๙๙๒ ถึง ๑๙๙๔ ที่ดูเหมือนจะเป็นปีที่รุ่งโรจน์ของเธอไม่ว่าจะเป็นทั้งงานและความรักกับบ๊อบบี้ บราวน์ วิทนีย์ซึ่งเคยมีภาพพจน์ดีมาตลอดปี ๘๐ ถึง ๙๐ แต่หลังจากที่เธอแต่งงานกับบ๊อบบี้ บราวน์ซึ่ง ผู้ซึ่งภายหลังถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวการชักนำให้วิทนีย์เสพยา และทำร้ายเธอ จนทั้งสองแยกทางกันในปี ๒๐๐๗ วิทนีย์ก็ตกต่ำลงตลอด ถึงแม้ว่าจะมีอัลบั้มใหม่ๆและการทัวร์คอนเสิร์ต แต่จากการเสพยาอย่างหนักของเธอ ทำให้คุณภาพเสียง และความรับผิดชอบ แย่ลงจนทำให้ชื่อเสียงอันโด่งดังของเธอต้องมัวหมอง

อย่างไรก็ตาม วิทนีย์ ก็ไม่เคยลงจากบัลลังก์แห่งความรักของแฟนเพลงของเธอเลยแม้แต่น้อย คนทั่วโลกยังคงรักเธออยู่ตลอดไป ผู้เขียนได้แปลเรื่องของวิทนีย์ ที่เราอาจจะไม่เคยรู้มาให้อ่านกันเพื่อเป็นการไว้อาลัยเธอดังนี้

สิบสองข้อที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับวิทนีย์ ฮุสตัน
๑. วิทนีย์ ฮุสตัน เกิดเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ปี ๑๙๖๓ เธอมาจากครอบครัวที่อยู่ในวงการดนตรี แม่ของเธอ ซีสซี ฮุสตัน เป็นนักร้องแบ็คอัพให้กับ เอลวิส เพรสลีย์, มาฮาเลีย แจ๊คสัน, ลูเธอร์ แวนดรอส และ อรีธา แฟรงคลิน. ญาติของวิทนีย์คือ ดีออน วอร์วิค เป็นดารานักร้องชื่อดังระดับสากล แม่ทูลหัวของวิทนีย์คือ อรีธา แฟรงคลิน (ที่มา วิกกี้พีเดีย)

๒. ฮุสตันคือนักร้องหญิงผู้ได้รับรางวัลมากที่สุดในประวัติการณ์ อ้างอิงจากหนังสือกินเนสบุ๊ค เวิลด์เร็คคอทส์ ฮุสตันได้รับรางวัลดังต่อไปนี้ เอมมี่ อวอร์ด ๒ รางวัล แกรมมี่อวอร์ด ๖ รางวัล ขึ้นอันดับบิลบอร์ด มิวสิค อวอร์ดถึง ๓๐ ครั้ง ได้รางวัล อเมริกันมิวสิคอวอร์ด ๒๒ รางวัล (ที่มา วิกกี้พีเดีย)

๓. วิทนีย์ ฮุสตัน เป็นนักร้องคนเดียวที่ได้ขึ้นอันดับหนึ่งของบิลบอร์ดเพลงฮิต ๑๐๐ อันดับ ในเพลง Saving All My Love For You, How Will I Know, Greatest Love of All, I Wanna Dance with Somebody, Didn’t We Almost Have It All, So Emotional, และ Where Do Broken Hearts Go. (ที่มา วิกกี้พีเดีย)

๔. เมื่อครั้งที่ฮุสตันเปิดตัวอัลบั้มในปี ๑๙๘๕ ในชื่ออัลบั้มว่า “Whitney Houston” ได้กลายเป็นการเปิดตัวอัลบั้มที่ของศิลปินหญิงที่ขายดีที่สุดในเวลานั้น

๕. เมื่อปี ๑๙๗๘ เมื่อครั้งที่ฮุสตันอายุ ๑๕ ปี เธอร้องแบ็คกราวด์เพลงฮิตให้กับ ชากา คาน(Chaka Khan) “I’m Every Woman” ซึ่งภายหลังเธอได้นำมาบันทึกเสียงใหม่และโด่งดังยิ่งไปเสียกว่าเจ้าของเพลงในภาพยนต์เรื่อง “The Bodyguard” อัลบั้มซาวด์แทรค

๖. ก่อนที่ฮุสตันจะกลายมาเป็นนักร้องดังนั้น เธอเคยเป็นนางแบบวัยรุ่นที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในเวลานั้น เธอเป็นผู้หญิงผิวดำผู้ปรากฏภาพบนปกของหนังสือเซเว่นทีน เธอยังถ่ายแบบในหนังสือดังๆอย่าง Glamour, Cosmopolitan, Young Miss, และโฆษณา Canada Dry ginger ale ในทีวีอีกด้วย

๗. วิทนีย์ ฮุสตันเป็นผู้ที่สนับสนุนนโยบายต่อต้านการแบ่งแยกสีผิวในอาฟริกาใต้ และสนับสนุนประธานาธิบดี เนลสัน มันเดลา ในช่วงที่เธอเป็นนางแบบนั้น ฮุสตันปฏิเสธที่จะทำงานกับเอเยนซี่ที่ทำธุรกิจกับอาฟริกาใต้ ในปี ๑๙๘๘ ฮุสตันแสดงคอนเสิร์ตที่ เวมบลี สเตเดียม ในกรุงลอนดอน เพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของเนลสัน มันเดลา ครบ ๗๐ ปี ซึ่งในเวลานั้นมันเดลายังอยู่ในที่คุมขัง

๘. ฮุสตันเคยถูกโห่ไล่ในปี ๑๙๘๙ ในงาน Soul Train Music Awards เนื่องจากแฟนเพลงผิวดำในเวลานั้นเชื่อว่าเธอได้ “ขายวิญญาน” เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการข้ามไปแสดงกับพวกผิวขาว (ผู้เขียนเข้าใจว่า ตอนที่เธอเล่นหนังคู่กับเควิน คอสเนอร์ซึ่งเป็นดาราผิวขาว และตลาดก็ขายดีในคนขาวด้วยนั้น ทำให้เธอถูกกล่าวหาว่าลืมผิวสีของตน ไม่ใช่พวก “โซล” แท้) เมื่อเธอถูกประกาศชื่อว่าเป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าชิงรางวัล โซลเทรนนั้น ผู้ชมทางบ้านจะได้ยินเสียงโห่อย่างชัดเจนทีเดียว ในภายหลังฮุสตันได้ออกมาโต้กับสื่อว่า “ถ้าคุณอยากจะอยู่ในวงการนานๆ มันก็มีหนทางที่จะต้องทำ และฉันก็ได้ทำไปแล้ว ฉันไม่อายหรอก”

๙. ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับนักร้องอาร์แอนด์บี บ๊อบบี้ บราวน์ ในปี ๑๙๙๒ วิทนีย์ ฮุสตัน ออกเดทกับดาราฟุตบอลชื่อ แรนดัล คันนิงแฮม และดาราดัง เอ็ดดี้ เมอร์ฟีย์

๑๐. เพลงของวิทนีย์ที่ดังที่สุดเป็นพลุแตก ดังไปทั้งโลกคือเพลง “I Will Always Love You” นั้น เดิมทีเป็นเพลงเก่าของ ดอลลีย์ พาร์ตัน

๑๑. การสัมภาษณ์ทางทีวีในปี ๒๐๐๒ ของวิทนีย์กับ ไดแอน ซอเยอร์ เป็นการสัมภาษณ์ที่มีเรทติ้งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ (ข้อมูลจากวิกกี้พีเดีย)

๑๒. วิทนีย์ ฮุสตันได้เคยกล่าวถึงข่าวลือที่หาว่าเธอเสพยาที่มีชื่อเรียกรู้จักกันในนามว่า “แครก” ในการสัมภาษณ์กับไดแอน ซอเยอร์ในปี ๒๐๐๒ วิทนีย์ปฏิเสธข่าวการใช้ยาของเธอว่า “ก่อนอื่น ขอพูดให้ตรงตรงเลยว่า “แครก” เป็นของกระจอก ดิฉันมีเงินมากเกินกว่าที่จะสูบแครก พูดกันตรงๆอย่างนี้เลย โอเค (ยกเสียงเป็นคำถาม) เราไม่ใช้แครก เราไม่เอาเพราะมันห่วย (We don’t do that, Crack is wack)

ไม่ว่าดวงวิญญานของวิทนีย์ ฮุสตันจะอยู่ที่ใดก็ตาม ขอให้เธอได้พบกับความสุขสงบอย่างถาวรอย่างที่เธอต้องการ ขอไว้อาลัยด้วยความรักและนิยมอันสุดซึ้ง ต่อราชินีในดวงใจตลอดกาล วิทนีย์ ฮุสตัน