ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสเนื่องในวาระวันขึ้นปีใหม่ว่า "ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระจะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีมาอวยพรแก่ท่านทุกๆ คน และขอขอบใจท่านเป็นอย่างมาก ที่ร่วมกันจัดงานฉลองอายุครบ 7 รอบ ให้อย่างเหมาะสมงดงาม
ระหว่างปีที่แล้ว เหตุการณ์ต่างๆ ในบ้านเมืองนับว่าเป็นปรกติดี แต่พอเข้าปลายปี ก็เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ เป็นเหตุให้ประชาชนหลาย จังหวัด ต้องประสบอันตรายและความเดือดร้อนลำบาก ความเสียหายครั้งนี้ ดูจะร้ายแรงกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา ข้อนี้ น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญ ดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้หลายครั้งแล้วว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้น จะต้องมีทุกข์ มีภัย มีอุปสรรค ผ่านเข้ามาเนืองๆ ไม่มีผู้ใดจะอยู่เป็นปรกติสุขอย่างเดียวได้ ทุกคนจึงต้องเตรียมกายเตรียมใจ และเตรียมการไว้ให้พร้อมเสมอ เพื่อเผชิญและป้องกันแก้ไขความไม่ปรกติเดือดร้อนต่างๆ ด้วยความไม่ประมาท ด้วยเหตุผล ด้วยหลักวิชา และด้วยสามัคคีธรรม
ในปีใหม่นี้ จึงขอให้ประชาชนชาวไทยได้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดกำกับอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีภาระหน้าที่อันใด ก็เร่งกระทำให้สำเร็จลุล่วงไปให้ทันการณ์ทันเวลา ผลงานทั้งนั้น จะได้ส่งเสริมให้แต่ละคนประสบแต่ความสุขความเจริญ และทำให้ชาติบ้านเมืองดำรงมั่นคงและก้าวหน้าต่อไปด้วยความผาสุกสวัสดี
ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงคุ้มครองรักษาท่านทุกคนให้มีความสุขไม่มีทุกข์ ไม่มีภัย ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"
ผู้เขียนได้อัญเชิญพระราชดำรัสเนื่องในวันปีใหม่ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานแด่ชาวไทย มาเป็นปฐมฤกษ์ของคอลัมน์ไลฟ์สไตล์ในฉบับแรกของปีพ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อเป็นสิริมงคล และเป็นพรอันประเสริฐที่พระราชทานจากพระผู้เป็นมิ่งขวัญของชาวไทย
อันพระราชดำรัสฉบับที่นำมาเสนอนี้เป็นพระราชดำรัสก่อนวันปีใหม่ ยังคงมีอีกฉบับหนึ่งที่ทรงพระราชทานในวันที่ ๑ มกราคม ปี ๒๕๕๖ แต่สาเหตุที่ผู้เขียนเลือกฉบับที่นำมาลงในคอลัมน์ไลฟ์สไตล์ในวันนี้เนื่องจากได้เห็นความน่าสนใจของคำบางคำที่พระองค์ทรงใช้ในพระราชดำรัส อันสืบเนื่องไปยังเรื่องราวที่จะหยิบยกมาเขียนในวันนี้ด้วย
สิ่งที่น่าสนใจที่ผู้เขียนได้อ่านก็คือพระองค์ทรงใช้คำว่า “ปรกติ” ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่ใคร่เห็นคนใช้มาเป็นเวลานานแล้ว ส่วนมากจะย่อเหลือเพียง “ปกติ” เสียเป็นส่วนมาก ด้วยความสงสัยผู้เขียนจึงเปิดพจนานุกรมดูความต่างกันของคำว่า “ปรกติ” กับคำว่า “ปกติ” ว่าต่างกันเช่นไร ก็ได้ความว่า
ปกติ [ปะกะติ, ปกกะติ] ว. ธรรมดา, เป็นไปตามเคย, ไม่แปลกไปจาก ธรรมดา, ปรกติ ก็ว่า. (ป.; ส. ปฺรกฺฤติ).
ปรกติ [ปฺรกกะติ] ว. ธรรมดา เช่น ตามปรกติ, เป็นไปตามเคย เช่น เหตุการณ์ปรกติ, ไม่แปลกไปจากธรรมดา เช่น อาการปรกติ,
ปกติ ก็ว่า. (ส. ปฺรกฺฤติ; ป. ปกติ).
สรุปว่าใช้ได้ทั้งสองคำ ปรกติ เป็นสันสกฤษ ในขณะที่ ปกติ เป็นบาลี
จำได้ว่าเมื่อครั้งที่เป็นเด็กครูภาษาไทยสอนว่า ปกติ ใช้ในเหตุการณ์ที่เป็นไปในทางที่ไม่ดี มีความหมายเป็นปฏิเสธ เช่น เหตุการณ์ไม่ปกติ หัวใจเต้นไม่ปกติ ท้องฟ้าขุ่นมัวผิดปกติ เช่นนี้เป็นต้น แต่ปรกติใช้ในความหมายที่เป็นธรรมดา เช่น อาการเต้นของหัวใจเป็นปรกติดี เป็นปรกติของคนไทยที่จะนิยมของใช้จากต่างประเทศ เช่นนี้เป็นต้น
ผู้เขียนก็จดจำมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามเห็นว่าคงไม่จริง เพราะพจนานุกรมก็ได้ยืนยันแล้วว่า คำทั้งสองใช้ได้เหมือนกัน ในพระราชดำรัสก็ทรงตรัสว่า “เพื่อเผชิญและป้องกันแก้ไขความไม่ปรกติเดือดร้อนต่างๆ ด้วยความไม่ประมาท” แสดงว่า ปกติ กับ ปรกติ นั้นใช้ได้เหมือนกัน
อันที่จริงภาษาไทยนั้นใช้ยากและมีคำที่เราเขียนผิดใช้ผิดมาก ยิ่งใช้ผิดกันบ่อยๆ ที่ผิดก็กลายเป็นถูก เพราะสื่อไม่ระวัง ใช้ไปผิดๆ คนก็เลยจำที่ผิดๆไปใช้ ยิ่งในสมัยนี้วิทยาการในการสื่อสารก้าวหน้า ใครๆก็เขียนข้อความลงในอินเตอร์เน็ตได้ จึงทำให้ภาษายิ่งผิดเพี้ยนและจำไม่ได้ว่าที่ถูกคืออะไร ที่ผิดคืออะไร ยกตัวอย่างเช่นคำที่เรานำมาจากภาษาอังกฤษอย่างเช่น คำว่า คุ๊กกี้ ช๊อกโกแลต ซีฟู๊ด น๊อต นู๊ด ท๊อป แฟ๊บ มั๊ย ร๊อก สนุ๊กเกอร์ เสื้อเชิ๊ต จริง ๆ แล้วคำเหล่านี้เขียนผิดทั้งหมด
เพราะตามหลักภาษาไทยที่ได้บัญญัติไว้ในราชบัณฑิตยสถานนั้น ได้ระบุไว้ว่า "วรรณยุกต์ตรี" ไม่สามารถใช้กับคำที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะเสียงต่ำ หรืออักษรต่ำได้ (อักษรต่ำ มีทั้งหมด 24 ตัว แบ่งเป็น อักษรต่ำคู่ 14 ตัว คือ ค, ฅ, ฆ, ช, ฌ, ซ, ฑ, ฒ, ท, ธ, พ, ภ, ฟ, ฮ และอักษรต่ำเดี่ยว 10 ตัว คือ ง, ญ, ณ, น, ม, ย, ร, ล, ว, ฬ)
ดังนั้นแล้ว คำทับศัพท์ภาษาอังกฤษบางคำที่ออกเสียงตรี อาจใช้ไม้โท ไม้ไต่คู้แทน หรือไม่ต้องใส่วรรณยุกต์ใด ๆ เลย ดังนั้น จากคำข้างต้นที่เขียนถูกต้องต้องเป็น คุกกี้ ช็อกโกแล็ต ซีฟู้ด น็อต นู้ด ท็อป มั้ย ร็อก สนุกเกอร์ เสื้อเชิ้ต (ข้อมูลจากกระปุกดอทคอม)
ผู้เขียนยังจำได้ว่า วิธีที่จะจำว่าพยัญชนะตัวไหนเป็นอักษรสูง หรืออักษรต่ำ ก็ให้จำเฉพาะอักษรกลางให้ได้ วิธีจำอักษรกลางให้ได้คือจำประโยคที่ว่า “ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง” หมายความว่า ก, จ, ด, ต, บ, ป, และ อ เป็นอักษรกลาง เมื่อจำอักษรกลางได้ก็จะง่ายขึ้นเพราะอักษรสูง เสียงก็จะสูง อักษรต่ำ เสียงก็จะต่ำ แล้วอักษรต่ำก็จะมีคู่ของมันเช่น ค คู่กับ ข, ช คู่กับ ฉ, หรือ ฟ คู่กับ ฝ เป็นต้น อย่างนี้เรียกอักษรต่ำคู่ แต่อย่าง งองู ไม่มี ง กับ หงอ ก็เลยเป็นต่ำเดี่ยวไป ฉะนั้นถ้าจำหลักนี้ได้ ก็นำไปใช้ได้เวลาที่งงว่าคำๆนี้ใช้วรรณยุกต์อะไรดี
การเป็นคนช่างอ่านจะทำให้เขียนภาษาไทยได้ถูกต้องมากขึ้น ผู้เขียนดีใจที่ตอนเด็กเป็นคนติดนวนิยาย คือชอบอ่านแต่ไม่ได้อ่านหนังสือที่ให้ความรู้ อ่านแต่นวนิยาย ถึงกระนั้นก็ได้อานิสสงฆ์ทำให้ภาษาไทยใช้การได้ กลายมาเป็นนักเขียนได้เมื่อโตขึ้น แต่กระนั้นก็เขียนผิดเป็นประจำและเมื่อค้นหาภาษาไทยที่คนไทยมักจะเขียนผิดบ่อยๆ ก็ให้แปลกใจว่าคำบางคำนั้นตัวเองก็เขียนผิดมาตลอด อย่างเช่นคำดังต่อไปนี้
เลือดกบปาก คำว่า “กบ” ในที่นี้หมายถึงเต็มแน่น ไม่ใช้ว่า เลือดกลบปาก
คำเหล่านี้น่าสนใจมาก ผู้เขียนค้นมาแล้วก็เลือกที่ใช้ผิดกันมากๆมาลงให้อ่านกันดังนี้
คำที่เขียนถูก | มักเขียนผิดเป็น |
กงเกวียนกำเกวียน | กงกำกงเกวียน |
กงสุล | กงศุล |
กฎหมาย | กฏหมาย |
กระจิริด | กระจิ๊ดริด , กะจิ๊ดริด |
กระหนก (ลายไทย) | กนก |
กรีธาทัพ (เคลื่อน ยก เดินเป็นหมู่หรือเป็นกระบวน) | กรีฑาทัพ |
กะทันหัน | กระทันหัน |
กะเทย | กระเทย |
กะบังลม | กระบังลม |
กะพง | กระพง |
กะพริบ | กระพริบ |
กะพรุน | กระพรุน |
กะเพรา | กระเพรา |
กังวาน | กังวาล |
กาลเทศะ | กาละเทศะ |
เกม | เกมส์ |
เกษียณอายุ | เกษียนอายุ |
เกษียรสมุทร | เกษียณสมุทร,เกษียนสมุทร |
เกสร | เกษร |
เกาต์ | เก๊าท์ |
แก๊ง | แก๊งค์, แก๊งก์ |
ขะมักเขม้น | ขมักเขม้น |
ข้าวเหนียวมูน | ข้าวเหนียวมูล |
คทา | คฑา, คธา |
ครอก (ฝูงลูกสัตว์ที่เกิดร่วมในคราวเดียวกัน) | คลอก (ไฟล้อมเผาออกไม่ได้) |
คริสตกาล | คริสต์กาล |
คริสต์ศตวรรษ | คริสตศตวรรษ |
คริสต์ศักราช | คริสตศักราช |
คริสต์ศาสนา | คริสตศาสนา |
ครุภัณฑ์ | คุรุภัณฑ์ |
ครุศาสตร์ | คุรุศาสตร์ |
คลิก | คลิ้ก, คลิ๊ก |
คลินิก | คลีนิก, คลินิค |
ค้อน | ฆ้อน |
คอนแวนต์ | คอนแวนท์ |
คะ | ค๊ะ |
คำนวณ | คำนวน |
คุกกี้ | คุ้กกี้, คุ๊กกี้ |
เครื่องราง | เครื่องลาง |
เครื่องสำอาง | เครื่องสำอางค์ |
แค็ตตาล็อก | แคตตาล็อก, แคตาล็อก |
แคระแกร็น | แคระแกรน |
โควตา | โควต้า |
งูสวัด | งูสวัส, งูสวัสดิ์ |
จงกรม | จงกลม |
จะงอย | จงอย |
จะจะ | จะ ๆ |
จะละเม็ด | จาละเม็ด, จาระเม็ด, จรเม็ด, จระเม็ด |
จักจั่น | จั๊กจั่น |
จักรพรรดิ | จักรพรรดิ์ |
จักรวรรดิ | จักรวรรดิ์ |
จาระบี | จารบี |
จำนง/เจตจำนง | จำนงค์/เจตจำนงค์ |
โจทก์จำเลย | โจทย์จำเลย |
โจทย์เลข | โจกท์เลข |
โจษจัน | โจทจัน,โจทย์จัน,โจษจรรย์ |
ฉัน ฉันท์ เสมือน เช่น ฉันญาติ ฉันมิตร; รับประทาน ใช้กับพระสงฆ์ | ฉันท์ |
ชโลม | ชะโลม |
ชอุ่ม | ชะอุ่ม |
ซาวเสียง | ซาวด์เสียง, ซาวน์เสียง, ซาวนด์เสียง |
ซ่าหริ่ม | สลิ่ม, ซะหริ่ม, ซ่าหลิ่ม |
ซีเมนต์ | ซีเม็นต์, ซีเมนท์, ซีเม็นท์, ซีเม็น |
เซ็นชื่อ | เซ็นต์ชื่อ |
เซนติเมตร | เซ็นติเมตร |
ฌาน | ฌาณ |
ดอกจัน (เครื่องหมาย) | ดอกจันทร์ ,ดอกจันทน์ |
ดอกไม้จันทน์ | ดอกไม้จันทร์ |
ดัตช์ | ดัชต์, ดัชท์, ดัทช์ |
ดำรง | ดำรงค์ |
โดยดุษณี (อาการนิ่งซึ่งแสดงถึงการยอมรับ) | โดยดุษฎี (ความยินดี , ชื่นชม) |
ตรรกะ, ตรรก | ตรรกกะ |
ตระเวน / ลาดตระเวน | ตระเวณ / ลาดตระเวณ |
ตราสัง | ตราสังข์ |
ตะราง (ที่คุมขังนักโทษ) | ตาราง |
ต่าง ๆ นานา | ต่าง ๆ นา ๆ |
ตานขโมย | ตาลขโมย |
ลงมาถึงแค่ ต.เต่า เพราะว่าเนื้อที่หมดแล้ว อยากจะให้เห็นพอคร่าวๆ ว่ามีคำมากเหลือเกินที่เราใช้อย่างผิดๆแล้วก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขียนผิด ผู้เขียนนี้ยอมรับว่าเมื่ออ่านจนจบแล้วพบว่ามีมากกว่า ๒๐ คำที่ตัวเองเขียนผิด แต่ค่อนข้างยาวจึงลงไว้เพียงเท่านี้
ภาษาไทยเป็นภาษาที่งดงามและเป็นวัฒนธรรมของชาติ จึงควรใช้ให้ถูกต้องอยู่เสมอ จึงจะเรียกว่าเป็นคนไทยได้เต็มปาก พบกันใหม่ฉบับหน้าครับ