ไลฟ์สไตล์
จอมพล
อาชีพนวด กับอันดับที่ ๓๙ อาชีพที่ดีที่สุด

ผู้เขียนได้อ่านการจัดอันดับอาชีพที่ดีที่สุด ๕๐ อาชีพของเวปไซด์ US News Careers ซึ่งจัดอันดับด้วยวิธีการดังต่อไปนี้คือ เริ่มต้นด้วยการเลือกอาชีพจากกลุ่มอาชีพที่อยู่ในลิสท์ของ U.S. Bureau of Labor Statistics ที่มีอัตราการว่างงานมากเกินกว่าอัตราการว่างงานมาตรฐานระดับชาติ หมายความว่า หากอาชีพใดมีอัตราการว่างงานมากกว่าที่ควรจะเป็นเขาก็ตัดออกหมด จากนั้นเขาก็นำเอาอาชีพที่เหลือนั้นมาจัดอันดับตามข้อๆดังนี้คือ ดูที่อัตราการเจริญเติบโตของจำนวนงาน (๑๕ เปอร์เซ็นต์) อัตราการเจริญเติบโตของตัวงานอาชีพ (๑๕ เปอร์เซ็นต์) อัตราเงินเดือนเฉลี่ย ( ๒๐ เปอร์เซ็นต์) ความพึงพอใจของผู้ที่ทำงานนั้น (๑๕ เปอร์เซ็นต์) อัตราการจ้างงานปัจจุบัน (๑๐ เปอร์เซ็นต์) และอนาคตของตัวงานนั้นๆอีก ๒๕ เปอร์เซ็นต์ โดยได้ผลออกมาซึ่งผู้เขียนจะยกมาแค่ ๑๐ อันดับแรกอันได้แก่

อันดับที่ ๑. พยาบาล (Registered Nurse) คะแนนเต็ม: 8.2
ความเติบโต 711,900
อัตราว่างงาน 5.5%
เงินเดือนเฉลี่ย $64,690
ความพึงพอใจ: ปานกลาง

อันดับที่ ๒. Software Developer คะแนนเต็ม 7.6
ความเติบโต 143,800
อัตราการว่างงาน: 7.9%
เงินเดือนเฉลี่ย: $87,790
ความพึงพอใจ: ปานกลาง

อันดับที่ ๓. เภสัชกร (Pharmacist) คะแนนเต็ม 7.5
ความเติบโต: 69,700
อัตราว่างงาน: 5.5%
เงินเดือนเฉลี่ย: $111,570
ความพึงพอใจ : ปานกลาง

อันดับที่ ๔ Medical Assistant คะแนนเต็ม 7.5
ความเติบโต: 162,900
อัตราว่างงาน: 5.5%
เงินเดือนเฉลี่ย $28,860
ความพึงพอใจ: ปานกลาง
สำหรับอาชีพนี้ผู้เขียนไม่เข้าใจว่าติดเข้ามาในอันดับ ๔ ได้อย่างไร
ทั้งๆที่ยอดเงินรวมต่อปีค่อนข้างต่ำมากแล้วจะพอใจได้อย่างไร คาดว่าน่าจะมีความผิดพลาดในการจัดอันดับ

อันดับที่ ๕ Database Administrator คะแนนเต็ม 7.5
ความเติบโต: 33,900
อัตราการว่างงาน: 7.9%
เงินเดือนเฉลี่ย: $73,490
ความพึงพอใจ. ปานกลาง

อันดับที่ ๖ Web Developer คะแนนเต็ม 7.5
ความเติบโต: 65,700
อัตราว่างงาน: 7.9%
เงินเดือนเฉลี่ย: $75,660
ความพึงพอใจ: สูง

อันดับที่ ๗ Computer Systems Analyst คะแนนเต็ม ๗.๕
ความเติบโต: 120,400
อัตราว่างงาน: 7.9%
เงินเดือนเฉลี่ย: $77,740
ความพึงพอใจ. ปานกลาง

อันดับที่ ๘ Physical Therapist คะแนนเต็ม 6.9
ความเติบโต: 77,400
อัตราว่างงานt: 5.5%
เงินเดือนเฉลี่ย: $76,310
ความพึงพอใจ: สูง

อันดับที่ ๙ Computer Programmer คะแนนเต็ม 6.8
ความเติบโต: 43,700
เงินเดือนเฉลี่ย: $71,380
ความพึงพอใจ: ปานกลาง

อันดับที่ ๑๐ Occupational Therapist คะแนนเต็ม 6.8
ความเติบโต: 36,400
อัตราว่างงาน: 5.5%
เงินเดือนเฉลี่ย: $72,320
ความพึงพอใจ:ปานกลาง

ส่วนที่ผู้เขียนต้องการจะนำมาเสนอนั้นก็คืออาชีพนวด ซึ่งตกเป็นอันดับที่ ๓๙ ของอาชีพที่ดีที่สุด ๕๐ อาชีพในสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับว่าไม่เลวเลยทีเดียว อาชีพนวดนั้นขึ้นเป็นอันดับ ¬๘ ในลำดับของงานที่เกี่ยวข้องกับ เฮ้ลธ์แคร์ โดยมีคะแนนเต็มถึง ๕.๔

ความเติบโต: 30,900
อัตราว่างงาน: 5.5%
เงินเดือนเฉลี่ย: $34,900
ความพึงพอใจ: ต่ำ

สาเหตุที่งานนวดนี้กลายมาเป็นอาชีพที่น่าสนใจก็คงเป็นเพราะว่ามีอัตราการขยายตัวของงานสูง มีอัตราการว่างงานต่ำ จากสถิติของ The Bureau of Labor Statistics อัตราการเจริญเติบโตของมาสสาชเธราพีสท์นั้นมีถึง 20.1 เปอร์เซ็นต์ ในระหว่างปี 2010 ถึง 2020 จะมีความต้องการเธราพีสท์ถึง 30,900 คน และมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นถึง 153,700 ซึ่งเป็นที่แน่นอนเหลือเกินว่า ถ้าไม่เป็นคนเลือกงานมากจนเกินไป ก็มีงานให้ทำแน่ๆ ส่วนเรื่องของเงินเดือนนั้นมีถัวเฉลี่ยรายได้ต่อปีคือในปี 2010 ประมาณ $34,900 นั่นเป็นรายได้เฉลี่ย มาสสาชเธราพีสท์ที่ได้รายได้มากที่สุดนั้นสูงถึงประมาณ $69,000 ซึ่งอันนี้ผู้เขียนขอยืนยันว่าเป็นจริงและเป็นไปได้อย่างไม่ยากเลย ส่วนรายได้ต่ำสุดคือตกที่ประมาณ $17,970 ซึ่งต้องขี้เกียจมากๆแบบอาทิตย์นึงทำงานวันเดียวหรือสองวันทำนองนั้น รัฐที่จ่ายค่าแรงและคอมมิชชั่นให้พนักงานนวดนี้สูงที่สุดได้แก่ อลาสก้า นอกจากนี้งานนวดยังเป็นงานที่มีความเครียดต่ำ และไม่จำเจตายตัวปรับเปลี่ยนงานได้ง่ายอีกด้วย

ผู้เขียนได้อ่านข้อเขียนที่เขียนโดย Andrea Petersen ในบทความที่มีชื่อว่า “ Don’t Call It Pampering: Massage Wants to Be Medicine” หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ อย่าเรียกงานนวดว่าเป็นแค่งานปรนเปรออย่างฉาบฉวย แต่งานนวดกำลังจะเป็นส่วนหนึ่งของการแพทย์”

คนไทยนั้นฉลาดกว่าฝรั่งเพราะรู้มาเป็นหลายร้อยปีแล้วว่าวิชานวดนั้นคือการแพทย์แขนงหนึ่ง ผู้นวดจึงถูกเรียกยกย่องว่า “หมอนวด” แต่มาเสียเอาตอนที่ “หมอนวด” กลายมาเป็นโสเภณีลงอ่างไปเสียฉิบ คนไทยนั้นรักษาโรคด้วยการนวดตัวดัดตัวมาเสียก่อนที่ฝรั่งจะมี Physical Therapy เสียอีก งานเขียนที่ผู้เขียนแปลมาลงนี้นำมาจาก The Wall Street Journal ประจำวันที่ ๑๒ เดือนมีนาคม ปี ๒๐๑๒ นี้เอง มีความโดยย่อว่า

“ได้มีการทำการวิจัยเกียวกับการนวดและพบว่า การนวดนั้นสามารถเสริมภูมิคุ้มกันโรคในสตรีผู้เป็นมะเร็งเต้านม ช่วยให้เด็กซึ่งเป็นหอบหืดมีอาการดีขึ้น และเพิ่มความแข็งแรงของข้อมือในการจับหรือยกในผู้ป่วยที่เป็นโรค Carpal tunnel syndrome (อาการเส้นเอ็นบริเวณข้อมือบวมไปบีบเส้นประสาท) การนวดเด็กเล็ก หรือทารกที่คลอดก่อนกำหนด จะสามารถช่วยให้ทารกหรือเด็กเล็กเหล่านั้นมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้

การนวดนั้นช่วยแค่เป็นการผ่อนคลายหรือมีผลทางกายภาพอย่างแท้จริง คำถามนี้ตอบได้ด้วยการวิจัยล่าสุดซึ่งพบว่ากล้ามเนื้อนั้นยืดหยุ่นและเด้งกลับได้ดีขึ้นถ้าได้รับการนวดหลังจากการออกกำลังกายอย่างหนัก

ปัจจุบันนี้ใครๆก็รู้ว่าการนวดนั้นได้ประโยชน์มากไปเสียกว่าเพียงแค่ผ่อนคลายหรือเพื่อสุขภาพที่ดีเท่านั้น ล่าสุด The American College of Physicians กับสถาบัน The American Pain Society ได้ออกมายอมรับและแนะนำให้ผู้ป่วยผู้มีอาการปวดหลังให้ได้รับการนวด ว่าด้วยเอกสารคำแนะนำที่ตีพิมพ์ในปี ๒๐๐๗

การวิจัยในสมัยนี้ได้พยายามศึกษาว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายหลังจากที่ได้รับการนวด ในขณะที่ความรู้เก่าก็คือสารพิษในร่างกายได้สลายออกและทำให้โลหิตหมุนเวียนดีขึ้น ดูเหมือนว่าความเชื่อนี้จะยังคงมืดมนหาหลักฐานมายืนยันไม่ได้อย่างแน่ชัด อย่างไรก็ตามในการวิจัยใหม่นี้ได้ค้นพบว่าหลังจากที่ร่างกายได้รับการนวด ๔๕ นาที ร่างกายจะมีการลดปริมาณของ คอร์ทิโซน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมาเวลาที่ร่างกายมีความเครียด มีการลดโปรตีนที่เรียกว่า ไซโตคีนที่เป็นตัวการทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบและมีผลในโรคภูมิแพ้ นอกจากนี้ยังเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวเพื่อต่อสู้กับการเกิดการติดเชื้ออีกด้วย

ความสนใจต่อประโยชน์ของการนวดนี้สร้างให้เกิดกระแสผลักดันให้นักวิทยาศาสตร์ดาหน้าออกมาพิสูจน์ผลของการนวด เช่น The National Center for Complementary and Alternative Medicine (ศูนย์การแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ) ล่าสุดได้ใช้เงินสองล้านเจ็ดแสนเหรียญสหรัฐในการทุ่มทุนวิจัยในเรื่องนี้ ส่วนThe Massage Therapy Foundation (สถาบันการนวด) ซึ่งเป็นองค์กรไม่ค้ากำไรได้จัดการสัมนาทางวิทยาศาสตร์ในปี ๒๐๐๕ เพื่อทำการวิเคราะห์เรื่องของการนวด การสัมมนา ทางวิชาการนี้ครั้งต่อไปจะจัดที่บอสตันในปีหน้า”

ในย่อหน้าต่อไปนั้นเป็นเรื่องของการที่ความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อการนวดนั้นเพิ่มขึ้นจาก ๕ เปอร์เซ็นต์ในปี ๒๐๐๒ เป็น ๘.๓ เปอร์เซ็นต์ ในปี ๒๐๐๗ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงบริษัทประกันที่อนุมัติให้ การนวดที่ทำในคลีนิคแพทย์ทางเลือก เช่น กายภาพบำบัด หรือไคโรแพรคเตอร์ นั้นสามารถเคลมประกันได้

นอกจากนี้ในบทความยังคลอบคลุมเนื้อหาที่เกี่ยวกับการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ที่พบว่าการนวดนั้นจะช่วยสร้างพลังงานให้กับการผลิตเซล ซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่า Mitochodria เขาค้นพบจากการนวดนักกีฬาหลังออกกำลังกายขาอย่างหนัก ๑๑ คน ด้วยการนวดขาเพียงข้างเดียวแล้วนำมาเปรียบเทียบ มีการตรวจสอบกล้ามเนื้อก่อนและหลังออกกำลังกายว่า ขาที่ได้รับการนวดมีการซ่อมแซมที่ดีกว่า เซลเสียหายน้อยกว่าและแข็งแรงกว่าข้างที่ไม่ได้นวด

สุดท้ายจากการวิจัยในปี ๒๐๑๐ ที่ทดสอบจากผู้ที่สมัครเข้ามา ๕๓ คนถึงปฏิกิริยาที่เกิดในร่างกายหลังการถูกนวดแบบสวีดิช ๔๕ นาทีว่ามีการลดของฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียดและความก้าวร้าวที่เรียกว่า “Arginine-Vasopressin” นอกจากนี้คือ Cortisol ที่กล่าวมาแล้ว และโปรตีนไซโตคีนที่เป็นบ่อเกิดของการอักเสบก็ลดลงเช่นกัน

จากบทความที่ผู้เขียนได้ย่อมาประกอบกับเรื่องที่อาชีพการนวดเป็นอาชีพที่น่าจับตามอง เพราะมีแนวโน้มของตลาดและความต้องการสูง ในขณะที่มีอัตราการขยายตัวมากขึ้น ผู้คนยอมรับอาชีพนี้มากขึ้น ตัวงานเองมีความเครียดน้อย สามารถทำเงินได้มาก มีการลงทุนค่าศึกษาไม่สูงและเรียนจบได้ไวกว่างานอาชีพอื่นๆ ก็ถึงเวลาที่ผู้ที่กำลังคิดอยู่ว่าจะทำงานอะไรดีในสหรัฐอเมริกาน่าจะลองคิดถึงเรื่องอาชีพนวดนี้ดูบ้าง

อย่างไรก็ตาม คนไทยเรานั้นต้องพยายามยกระดับมาตรฐานของตนเองจากเป็นคนนวด มาเป็นหมอนวด คือต้องศึกษาให้ถูกต้อง และปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่สุกเอาเผากิน ครูพักลักจำ ไปวันๆ นอกจากนี้ยังทำผิดกฏหมายตั้งแต่ซื้อใบประกาศนียบัตร นวดโดยไม่มีใบอนุญาต หรือค้าประเวณีแอบแฝง เปิดธุรกิจโดยผิดกฏหมาย หลีกเลี่ยงภาษี หรือรายงานเท็จ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่บั่นทอนอาชีพ มาสสาชเทราพีสท์ ทั้งสิ้น

หากเราสามารถช่วยกันยกระดับการนวดจากระดับชาวบ้านให้ขึ้นมามีมาตรฐานระดับการแพทย์ได้ดังที่กล่าวมาแล้ว คนไทยเราน่าจะเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องและมีความมั่นคงในงานอาชีพต่อไปในอนาคตไม่น้อยทีเดียว