ไลฟ์สไตล์
จอมพล
๕ ร้านเด็ด...นานแค่ไหนก็จะรอ

สิ่งที่ผู้เขียนคิดถึงที่สุดเมื่อจากเมืองไทยมาก็คือของกิน เมืองไทยนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยของรับประทานนานาชนิด ล้วนแล้วแต่อร่อยหาทานไม่ได้ในแอลเอทั้งสิ้น ความสนุกนั้นอยู่ที่การดั้นด้นไปหาร้านที่เขาลือกันนักกันหนาว่าอร่อยล้ำ ถึงแม้ไปแล้วจะต้องรอคิวนานก็ยังคุ้มค่าความอร่อย จำได้ว่าเพื่อนสนิทคนหนึ่งเคยมาเล่าว่าให้ไปลองชิมข้าวราดกระเพราวงเวียนใหญ่ ผู้เขียนเมื่อได้ฟังแล้วก็บอกเพื่อนว่า เสียสติไปแล้วหรือ กับอีแค่ข้าวราดกระเพรามันเรื่องอะไรจะต้องดั้นด้นไปถึงวงเวียนใหญ่ เพื่อนก็ยืนยันว่าบอกให้ลองก็ลองเถิดน่า ผู้เขียนยอมเชื่อเพื่อนไปจนถึงที่ ไปถึงแล้วก็ต้องงงเพราะมีคนรออยู่กว่า ๒๐ กว่าคน คนผัดก็ผัดเอาจริงเอาจัง ถึงแม้จะเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง แต่ใครๆก็สั่งแต่กระเพราไก่ไข่ดาว เสียเวลาไปเกือบชั่วโมงได้กระเพราไก่ราดข้าวมาสองห่อ กลับมาลองชิมที่บ้าน ถึงได้ถึงบางอ้อว่า มันทั้งหอมทั้งกลมกล่อม อร่อยแบบลืมอิ่ม จนต้องอุทานว่าน่าจะซื้อมาหลายๆห่อ ก็คนไทยน่ะ ทานอะไรก็ทานกระจิ๊ดริด ไม่เหมือนคนอเมริกัน มาจานเดียวอิ่ม ของคนไทยอย่างน้อยๆต้องเบิ้ลสอง ถึงจะรู้สึก

เมื่อเร็วๆนี้ได้ไปอ่านเฟสบุ๊คของเพื่อนคนหนึ่ง เธอบอกว่าเกิดหิวขึ้นมา อยากจะแวะร้านเคร้ปป้าเฉื่อย แต่พอไปถึงเห็นคนรอแล้วก็เลยต้องของกลับก่อน เพราะป้าเฉื่อยนี้เฉื่อยสมชื่อจริงๆคือแกจะค่อยๆทำค่อยๆประดิษฐ์ ไม่มี Sense Of Urgency แต่อย่างใด ทำงานเหมือน DMV อเมริกัน คือเรื่อยๆชิวๆ คนจะรออย่างไรไม่สน แต่ความอร่อยนั้นสุดยอดในปฐพี ฉะนั้นร้านป้าเฉื่อยจึงมีแต่คนมารอคิวกันไม่เว้นแต่ละวัน

ผู้เขียนไม่เคยได้ยินชื่อร้านนี้ ก็เลยลองค้นดูปรากฏว่า ป้าเฉื่อยมีเฟสบุ๊คด้วย จึงตามไปอ่านเรื่องที่แกโพสลง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับร้านแก เลยบังเอิญไปเจอบทความที่จ่าหัวไว้อย่างตลกจนอมยิ้มไม่ได้ว่า

“ ๕ ร้านเด็ด ทรมานไส้ ...รอรากงอก...นานแค่ไหนยังไงก็ต้องกิน”

อ่านแล้วได้อารมณ์จึงอยากนำมาฝากแฟนไลฟ์สไตล์พอได้ขำๆปนน้ำลายหกดังนี้


1. ร้านขนมเบื้องญวณสุอาภา
แบบว่า ''ของดีมีน้อย ต้องคอยสักครู่'' สโลแกนของร้านขนมเบื้องญวณสุอาภา ณ ตลาดพลู รถเข็นขนาดกะทัดรัดจอดอยู่ปากซอยเทอดไท 18 ย่านฝั่งธนบุรี ร้านนี้จะเริ่ดและเลื่องลือในเรื่องขนมเบื้องญวณสูตรโบราณมีทั้งกรอบ ทั้งนิ่ม และแบบไข่ วันนึงผสมแป้งขายวันละ 1 กิโล หมดแล้วหมดเลยใครมาช้า มาไม่ทัน ก็อดกินไปตามระเบียบ ข้อสังเกตร้านนี้.. พูดเลยว่ารอไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงจ๊ะ 2.ร้านโจ๊กมัลลิกา
ร้านนี้เฉพาะยามเช้าของวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ พูดเลยว่ามีลูกค้าต่อคิวกันยาวเหยียด ทีเด็ดเห็นทีจะเป็นความหอมของข้าวหอมมะลิพันธุ์ดีเคี่ยวไฟอ่อนๆหอมฉุย บวกกับหมูสับก้อนโตๆ เครื่องใน อย่างเซ่งจี๊ ตับชิ้นเป้ง แปะก๊วยเม็ดยักษ์ เห็นหอมชิ้นโตๆ พ่วงด้วยเมนูโจ๊กเด็ดให้ลูกค้าเลือกอย่างจุดใจ 10 อย่าง เช่น โจ๊กหมูตุ๋นยาจีน โจ๊กหมูแป๊กก๊วย โจ๊กหมูทะเลรวมมิตรเห็ดหอม โอ้โห..น้ำลายสอ ตามไปน้ำลายสอกันได้ที่ ริมถนนลาดพร้าว พิกัดใกล้ซอยลาดพร้าว 1 เปิด ตี5 - 11โมงนะจ๊ะ ใครรอไม่ไหวโทรสั่งล่วงหน้าก่อนก็ได้จ้า ไม่ผิดกติกาความอร่อย 3.ร้านเครปป้าเฉื่อย
เจ้าของเครปตำนานที่รอที่สุดในโลกและในประเทศไทย ที่ขึ้นชื่อการรอไม่ใช่เรื่องแนวทางการตลาดตามนักทฤษฎีวิเคราะห์อย่างแน่นอน บางคนอยากได้แบบนิ่ม บางคนอยากได้แบบกรอบ ก็คงต้องใช้เวลารอนาน เพราะป้าเฉื่อยจะใส่ใจทุกขั้นตอนกรรมวิธีการทำอย่างละเมียดละไม บางคนยืนรอ บางคนนั่งรอ บางคนถึงขั้นเอาเก้าอี้จากบ้านมานั่งรอกันเลยทีเดียว ใครที่นั่งรอก็จะได้กินเครปก่อนคนที่ลงชื่อเอาไว้ แล้วออกไปลั้นลาที่อื่น เพราะ ป้าจะให้คะแนนความสงสารคนที่นั่งรอตาปริบๆ อย่างมีเหตุและผล 55 ความพิเศษของป้าเฉื่อย อยู่ที่แป้ง สูตรพิเศษสุดเริ่ดที่ป้าไม่ยอมเอ่ยปากบอกใคร แม้กระทั่งสามีหรือครอบครัวตัวเอง ใครอยากพิสูจน์ความอดทนแวะไปลองได้ที่ลาดพร้าวโชคชัย 4 ตามพิกัดนี้ได้เลยจ้า หากเข้าซอยแล้วไปไม่ถูก แวะถามๆคนแถวไหนก็เจอร้านป้าแน่นอน สั่ง 4ทุ่มได้กินเกือบตี 2 ฟินไปเลย 4.ร้านยำแหนม-ข้าวทอด ร้านพี่อ้อศรีย่าน
ร้านนี้บอกเลยต้องหยิบบัตรคิว ย้ำ..ว่าหยิบบัตรคิว แบบว่าใครรอหน้างานเงียบๆ หงิมๆ ไม่หยิบบัตรคิวละก็ รอต่อไปได้เลย จะบอกว่ายำแหนมข้าวทอดของพี่อ้อนั้นรสเริ่ดมาก เป็นสูตรพิเศษตั้งแต่รุ่นแม่มายาวนานกว่า 20 ปี ของข้าวชุบแป้งลงทอดในน้ำมันปาล์มไฟอ่อน ข้าวถึงจะกรอบอร่อย จากนั้นค่อยนำข้าวทอดตำในครกให้ป่น ใช้สากบดข้าวทอด ซึ่งจะต่างจากร้านทั่วไป ส่วนหนังหมูก็ผสมกับหมูสับที่ปรุงรสแล้วอีกด้วย โหย..นำลายสอ ใครอยากชิมลิ้มลองความอร่อยตามไปกินกันได้ที่ริมถนนข้างศรีย่านซอย 1 ใกล้ตลาดสดศรีย่านมีขาย 2 รอบ รอบแรกพี่อ้อขายเองตั้งแต่ 14.00 -16.30 และน้องชายขายตั้งแต่ 17.00 - 19.30 หยุดวันอาทิตย์ และวันที่อยากจะหยุดเพราะมีธุระจ้า 5.ร้านบัวลอยพี่เง็ก

ร้านดังในย่านดินแดง ขนานนามเป็นที่เลื่องลืมว่า ''บัวลอยบัตรคิว'' ร้านอยู่ปากซอยประชาสงเคราะห์ 5 ขายกันตั้งแต่เวลา 17.00 - 20.30 น. พอได้เวลาแดดร่มลมตกเย็นสบายๆ แม่ค้าก็จะเข็นรถเข็นออกมาตั้งแถวฟุตบาทปากซอย แล้วก็จะเริ่มเห็นคนมาหยิบบัตรคิวที่ละใบ สองใบ สามใบ เพื่อต่อคิวซื้อกันมากมาย เรียกได้ว่าแม่ค้าต้มบัวลอยไม่ทันกันเลยทีเดียว ส่วนเรื่องรสชาตินั้นถือว่าอร่อยใช้ได้ บัวลอยก็หนึบหนับเคี้ยวนุ่มลิ้น ราดน้ำกะทิหอมหวานมัน พูดได้เลยว่า อร่อยแบบไม่เลี่ยนจนเกินไปเลยหละ

ที่มา : http://www.smartsme.tv

หวังว่าคงทำให้ท่านผู้อ่านได้ทรมานไส้ด้วยความอยากลองแต่ไม่ได้ลองกันไปตามๆกัน พบกันใหม่ฉบับหน้านะครับ