ไลฟ์สไตล์
จอมพล
เรื่องนี้ต้องอุดจมูกอ่าน

วันนี้ไปได้ข้อมูลที่อ่านไปก็พะอืดพะอมไป แต่ก็เป็นเรื่องน่าสนใจและน่าตกใจไปพร้อมๆกันเมื่อได้รู้ความจริง อ่านดูแล้วก็อาจจะรู้สึกว่าเอาเรื่องอะไรมาเขียนก็ไม่รู้ แต่เชื่อเถิดว่ามีประโยชน์มากทีเดียว เรื่องที่จะเขียนนี้คือเรื่องของการท้องผูกนั่นเอง

หลายๆคนมีปัญหาในเรื่องของลำไส้ของการที่ท้องผูก อาจจะเพราะเหตุผลหลายๆอย่างแต่เหตุผลอีกอย่างที่เราไม่ค่อยจะรู้คือการที่ อุจจาระค้างในลำไส้ คืออึออกไม่หมดนั่นเอง


วันนั้นเราจะมาพูดถึงการที่มีอุจจาระค้างไว้ในลำไส้ว่ามีผลเสียยังไง

ลำไส้ของคนเรายาวประมาณ 20 ฟุต เป็นลำไส้เล็ก 15 ฟุต และ อีก 5 ฟุต เป็นลำไส้ใหญ่ อาหารที่ผ่านกระบวนการย่อยแล้วจะผ่านไปที่ลำไส้เพื่อทำการดูดซึม ส่วนที่ไม่ย่อยและไม่ดูดซึมนั้นท้ายสุดแล้วก็จะออกไปในรูปแบบของอุจจาระ

เมื่อ เวลาผ่านไปพวกของเสียต่างๆก็จะเกาะสะสมกันอยู่ที่ผนังลำไส้ ซึ่งเกิดจากหลายๆ สาเหตุ ซึ่งที่ว่ามันบล๊อกอึ หรือเกิดการสะสมเป็น 10 กิโลกรัมนี่ ถือว่าเป็นไปได้นะ

เรียกว่า “อุจจาระตกค้าง ” อุจจาระตกค้าง เนื่องมาจาก


1. เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
2. กินอาหารที่มีกากใยน้อย
3. มีพยาธิ หรือ เชื้อรา ทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ
4. ระบบดูดซึมเสีย เพราะน้ำมันพืชเคลือบ ทำให้น้ำที่ดื่มเข้าไป ไม่หมุนเวียน
5. ไม่ถ่ายอุจจาระเวลา 05.00-07.00 เช้า

หากถ่ายอุจจาระ หลังเวลา 7 โมงเช้า ลำไส้จะบีบให้อุจจาระขึ้นไปข้างบน เวลาถ่าย จะถ่ายไม่หมด แต่คนเรามักไม่รู้ตัว

ที่ปลายลำไส้จะมีประสาทปลายทวาร เมื่อมีอุจจาระที่เหลวพอมาจ่อปลายทวาร ประสาทจะส่งสัญญานบอกสมองให้ปวดอึ หลัง 7 โมงเช้า ให้สังเกตุกันได้ ลำไส้จะทำงานไม่เป็นปกติ บีบอุจจาระให้ขาดช่วง เวลาถ่ายจนรู้สึกว่าหมดแล้ว เราก็หยุด แต่ความจริง อุจจาระท้ายขบวนยังไม่ออก แต่มันถูกดันกลับขึ้นไป ไม่มาจ่อปลายทวาร ทำให้เราไม่ปวดอึ เราก็นึกว่าหมดแล้ว อุจจาระที่ค้างไว้นี้ ก็จะเกาะที่ผนังลำไส้พอมีอุจจาระใหม่ที่เหลวกว่า มันก็แซงหน้าไปก่อน แต่มันไม่สามารถดันพวกที่ค้างแข็งให้ออกไปได้ พวกที่ค้างแข็งไว้ ก็เกาะติดแน่น

ฉะนั้น ทุกวันที่ถ่าย มันก็ถ่ายเฉพาะอึที่เหลวพอ ส่วนที่เหลือ ก็เกาะไปเรื่อย ๆ อุจจาระตกค้างจะไปทับเส้นเลือดต่าง ๆใน กระเพาะและ กดทับกระดูกหลัง ทำให้เกิดอาการมากมาย เช่น ท้องอืด ปวดหลัง ปวดขา ปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่และสะบัก เวียนหัว อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เป็นฝ้า ไมเกรน และ อื่น ๆ

“นั่นแหละเป็นที่มา..ที่คุณหมอพรทิพย์เขียนไว้ว่า เวลาผ่าศพจะเจออุจจาระตกค้างในลำไส้อย่างน่าตกใจบางศพ มีน้ำหนักอุจจาระถึง 10 กิโล” ทำให้น้ำหนักคนเราที่ไม่ลงก็เพราะแบบนี้ด้วย คิดดูสิว่าจะผอมลงแค่ไหนถ้าไม่มีอุจจาระค้างในลำไส้ก็เท่านั้น

การ นำอุจจาระตกค้างออกจึงจำเป็นต้องหาว่าเป็นที่สาเหตุใดใน 5 สาเหตุข้างต้น แต่ถ้าสามารถได้รับการตรวจด้วยลูกดิ่งเพนดูลั่มก็จะรู้ได้ แต่ถ้าไม่สะดวกไปตรวจ ก็ให้ถ่ายพยาธิเองเสียก่อน แล้ว ลองสูตรอาหารดังต่อไปนี้1. เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา ผสมน้ำ 1 แก้ว ทิ้งไว้ 30 นาที ดื่มก่อนนอน เม็ดแมงลักจะลากอุจจาระตกค้างออกมา ทานเป็นปกติได้ทุกวัน หรือ 3-4วันต่อสัปดาห์ แล้วแต่จะชอบ

2. นมสด 2 กล่อง (รวมจะได้ประมาณ 500 มิลลิตร) และ กล้วยน้ำว้า 2 ลูก ทานก่อน 6 โมงเช้า ช่วงแรกควรทานติดกัน 3 วัน หากถ่ายก่อน 7 โมงเช้าเป็นปกติได้แล้ว ก็ลดมาเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือ ตามที่เห็นสมควร

3. ทานผักบุ้ง 2 กำมือ ผัด หรือ ต้ม ทำอาหารตามใจชอบ ผักบุ้งจะลากอุจจาระตกค้างออกมา

ให้ ทานจนกว่าอุจจาระจะออกมาหมด ตอนที่ออกมาหมดเนี่ยเราจะรู้สึกได้ว่าเราโล่งท้องตัวเบาขึ้น แต่ไม่ใช่ทำครั้งเดียวแล้วจะไม่เป็นอีกนะ แน่นอนมันก็จะวนเวียนเรื่อยๆถ้าเราไม่ปรับการกิน ไม่ปรับอาหาร ไม่ดูแลเรื่องของการทานน้ำ อย่าแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอย่างเดียวยังไงให้ดูแลเรื่องลำไส้ด้วย ถ้าลำไส้สะอาดรับรองว่า น้ำหนักก็ลดลง ผิวพรรณก็ดี เชื่อได้เลย ลองทำดูกันนะ

มีสูตรล้างลำไส้มาฝากกัน อาจจะสงสัยว่าทำไมต้องล้างเพราะว่าเมื่อระบบดูด ซึมเสียลำไส้จะดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ไปสร้างเม็ดเลือดไม่ได้ จะกินยาหรือวิตามินก็ไม่ดูดซึมเพราะผ่านชั้นไขมันที่ผนังลำไส้ไปไม่ได้ หรือผ่านไปได้น้อย ต่างกับการให้น้ำเกลือโดยการฉีดเข้าเส้นเลือด โดยไม่ต้องผ่านระบบดูดซึม แต่ใครจะให้น้ำเกลือได้ทุกวันคงไม่มี เมื่อระบบดูดซึมไม่ได้ พวกสารอาหาร โปรตีนจะถูกส่งไปให้ไตขับทิ้ง ไตก็ต้องทำงานหนัก และอ่อนล้าเป็นธรรมดา ผลที่ตามมาคือความเจ็บป่วย และการเกิดโรคต่าง ๆ ทุกคนที่กินอาหารผัดด้วยน้ำมัน หรือของทอดน้ำมันบ่อย ๆ หรือทุกวันควรจะต้องล้างลำไส้เพือให้ระบบดูดซึมทำงานได้ดีขึ้น การไม่ล้างลำไส้ ก็เปรียบเหมื่อนการกินข้าวไม่ล้างจาน มื้อต่อไปก็ใช้จานใบเก่ามาใส่ข้าวกินใหม่อีก


สูตรล้างลำไส้

โยเกิตรสธรรมชาติ ครึ่งถ้วย นมสด ๑ กล่อง ( ๒๕๐ ซีซี) น้ำผึ้ง ๑- ๒ ช้อนโต๊ะ มะนาว ครึ่งลูก นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมรวมกันตั้งทิ้งไว้สักพักหนึ่งจึงรับประทาน รสชาติปรับได้ตามใจชอบ ถ้ารับประทานตอนเช้า จะช่วยลดน้ำหนัก ทานตอนบ่ายโมง ถึง บ่ายสามช่วยล้างลำไส้เล็ก เมื่อรับประทานแล้ว จะมีการขับถ่ายได้ดี อย่าตกใจนั่นคือการล้างลำไส้

ช่วงเวลาที่ดีที่ สุดของการเข้าห้องน้ำก็คือช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 05.00-07.00 น. หรือถ้าอยู่ในช่วงเช้าก็ยังพอไหว หากถ่ายตอนกลางคืน ของที่กินมื้อเย็นจะค้างอยู่ลำไส้ประมาณ 24 ชั่วโมง สำหรับคนที่ไม่ชินกับการเข้าห้องน้ำตอนเช้า ก็ต้องเริ่มฝึกกันใหม่ แต่ถ้าไม่ปวดก็ไม่ต้องเบ่ง เพราะมันจะปวดเป็นช่วง ๆ ถ้าช่วงไหนปวดก็เบ่งตาม หากไม่ปวดแล้วเบ่ง น้องริดซี่ (ริดสีดวง) ก็อาจตามมาเคาะถึงก้นกันเลย

ที่สำคัญ ห้ามอั้นถ่ายตอนเช้า เพราะนาทีทองของการถ่ายจะอยู่ช่วงเช้า หากอั้นจนเลยเวลาไปแล้ว จะไม่ปวดไปทั้งวันเลย

และไม่ต้องคิดมาก หากในหนึ่งวันจะเข้าห้องน้ำ 1-3 ครั้ง เพราะเป็นเรื่องปกติของการถ่ายหนัก แต่ถ้าถ่ายหนักสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง แบบนี้เรียกว่า ผิดปกติ เกิดอาการท้องผูกแล้ว


เทคนิคง่าย ๆ กับการถ่ายหนักให้คล่องขึ้น
การนวดลำไส้

เริ่มกันตั้งแต่ก่อนนอนเลย ให้ "นวดลำไส้" ด้วยการเอามือนวดที่ท้องส่วนล่างซ้าย ซึ่งเป็นที่อยู่ของลำไส้ใหญ่ คลำจนพบลำของกากอาหารแล้วก็กดลงเบา ๆ เป็นระยะ สักประมาณ 5 นาที พอตื่นขึ้นมาก็ดื่มน้ำอุ่นสักแก้ว รอสักพัก อาการปวดก็จะมา หรือให้นวดลำไส้ที่เดิมอีกสักรอบ โดยค่อย ๆ นวดเบา ๆ ดันลงไปด้านล่าง สักพักก็จะรู้สึกปวดอยากถ่ายขึ้นมา หากว่านั่งถ่ายแล้วยังไม่ออกก็ให้ลุกขึ้นเดินสักพัก อย่านั่งแช่ เพราะน้องริดซี่อาจมาได้


ออกกำลังกายแบบให้ "ไส้ขยับ"

อันดับแรกก็คือ การซิทอัพ อย่างน้อยวันละ 40 ครั้ง หรือวิ่งเหยาะ ๆ วันละครึ่งชั่วโมง และนั่งยอง ๆ ให้ หน้าขากดหน้าท้อง เพราะนี่คือท่าสำคัญของมนุษย์ ที่ธรรมชาติสร้างท่านั่งยอง ๆ มาให้เรา ก็เพื่อไว้สำหรับการถ่ายหนัก เพราะแรงกดจากหน้าขาของเราจะกดลงพอดีกับตรงลำไส้ใหญ่


กินอาหารล้างลำไส้

หากอยากถ่ายคล่อง ๆ ก็ต้องมีใยอาหารอยู่ในลำไส้ให้มากพอที่มันจะขับเคลื่อนได้ง่าย ส่งให้มาถึงหน้าด่านได้ง่ายกว่าเดิม โดยเราจะต้องได้รับใยอาหารประมาณ 30 กรัมต่อวัน ซึ่งได้มาจากผักและผลไม้หลาย ๆ อย่าง หมุนเวียนกันไป อาทิ ถั่ว เพราะมีใยอาหารมากที่สุด ผักต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ผักโขม ผักกระเฉด ตำลึง เห็ดหูหนู มะเขือ ถั่วฝักยาว ถั่วพู เป็นต้น

ผลไม้ อาทิ กล้วย ส้ม ฝรั่ง มะม่วงดิบ พุทรา โดยเฉพาะส้มโอ จะมีสารเพกติร ซึ่งร่างกายของเราย่อยไม่ได้ เวลาถ่ายก็จะออกมาให้เราเห็นเต็ม ๆ แต่บางคนกินแล้วอาจปวดท้องบ้าง ถ่ายเหลวบ้าง ซึ่งจริง ๆ แล้ว เป็นเพราะผลไม้เหล่านี้ช่วยในการขับถ่าย ระบายท้อง ทำให้ลำไส้สะอาด และท้องไม่ผูก

แต่หากอยากถ่ายให้ได้ผลชะงัด ก็ต้องมะขามเปียก และลูกพรุน ซึ่งหาได้ง่าย กินแบบทั้งเนื้อและน้ำ นี่ละจะเป็นตัวการทำให้ถ่ายได้ดีที่สุด รับรองไม่นานเกินรอ ทัพหน้าก็จะตีประตูแตกอย่างแน่นอน


ฟังทางนี้!!

ถ้าไม่จำเป็นอย่ากินยาถ่ายบ่อย เพราะการใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ จะมีผลทำให้เกิดภาวะขาดวิตามินได้ หากเกิดอาการท้องผูกแบบหนัก ๆ ควรปรึกษาแพทย์ เห็นจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด อีกอย่างจะทำให้เราไม่ยอมนั่งถ่ายเองตามธรรมชาติ กลไกการทำงานในระบบของร่างกายอาจเปลี่ยนแปลงไปได้

ก่อน ที่จะไปเข้าห้องน้ำ อย่าลืมคาถาทีเด็ด ช่วยถ่าย "ปวดอย่าอั้น นั่งท่ายอง มั่นใจเบ่ง" ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ล 3-4 ครั้ง ครั้งละ 10-15 นาที โดยเฉพาะการบริหารตรงกล้ามเนื้อหน้าท้อง ที่สำคัญฝึกเข้าห้องน้ำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน รับรองว่า งานนี้ทัพหน้าตีแตกทุกวันแน่นอน