ไลฟ์สไตล์
จอมพล
เฟอร์บี้

ไลฟ์สไตล์เป็นคอลัมน์ที่เกาะติดสถานการณ์ทั่วไปในเมืองไทยและแอลเอ ฉะนั้นคงจะพลาดเรื่องฮอตในตอนนี้ไปเสียมิได้ นั่นก็คือกระแสความบ้าตุ๊กตาหุ่นยนต์เฟอร์บี้ของคนไทยที่เรียกว่าคนอเมริกันเทียบไม่ติดเรื่องของความเห่อ คนไทยเรานั้นลองอะไรเข้ากระแสสู่ความนิยมสักหน่อย ก็เป็นอันว่าต้องแห่กันซื้อหาจับจองเป็นเจ้าของให้ได้ ตลอดระยะเวลาสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ผู้เขียนได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนที่เมืองไทยไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งคนที่คุยกันอยู่บ่อยๆหรือไม่เคยโทรฯหากันเลย ขอร้องแกมบังคับให้หาเจ้าตุ๊กตาเฟอร์บี้นี้ให้หน่อย บางคนก็อยากได้เพราะเห็นคนอื่นเขามีกัน บางคนก็อยากจะซื้อไปขาย เพราะที่อเมริกานี้ตัวละหกสิบกว่าเหรียญ แต่ไปขายเมืองไทยได้ราคาเกือบสามเท่าตัว คือตอนนี้ราคาอยู่ที่ ๕,๐๐๐ บาทไทย แล้วขนเข้าไปเท่าไรก็ขายหมด ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และเมื่อผู้เขียนจนใจปฏิเสธไม่ได้ ก็พากันออกตามหายุทธการล่าเฟอร์บี้ ทั้ง Target, Walmart, หรือแม้แต่ Toy R Us ก็ไม่ปรากฏร่องรอยของเจ้าเฟอร์บี้เลยแม้แต่น้อย คนขายบอกว่าเมื่อวานเข้ามาในสต๊อก ๒๒ ตัว หมดเกลี้ยงภายในหนึ่งชั่วโมง เขาบอกว่าส่วนมากเป็นคนเอเชียนที่เข้ามาถามหา มาซื้อไปขาย ซื้อกันทีสิบตัว ยี่สิบตัว ฉะนั้นตอนนี้จึงไม่มีการจอง ใครมาเร็วก็ได้มาสายก็อด เป็นกันเอามากขนาดนี้

ผู้เขียนจึงไปค้นหาข้อมูลว่าเจ้าเฟอร์บี้จอมฮิตนี้มันคืออะไรดังต่อไปนี้

“ฮอตฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง พร้อมการกลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้งของ Furby (เฟอร์บี้) ตุ๊กตา หุ่นยนต์มีขน ช่างพูด หน้าตาคล้ายนกฮูกผสมหนูแฮมสเตอร์ สูงประมาณ 5 นิ้ว ที่ห่างหายไปจากชั้นขายของเล่นกว่า 10 ปี ตอนนี้กลับมาเป็นที่ถามหากันอีกครั้งเมื่อบรรดาคนดังและไฮโซบ้านเรา ต่างพากันถ่ายรูปอัปโหลดลงอินสตาแกรมอวดความน่ารักตุ๊กตาเฟอร์บี้ที่เปรียบ เสมือนเป็นทั้งเพื่อนคุย เพื่อนเล่นแก้เหงากันยกใหญ่


คนดังตบเท้าเกาะกระแสอินเทรนด์

ใช่ว่าตุ๊กตาเฟอร์บี้จะโด่งดังเฉพาะในต่างประเทศ ทว่าบ้านเราก็ฮอตฮิตไม่แพ้ที่ไหนๆ เพราะหลังจากที่ บริษัท แมพ แอคทีพ ผู้นำเข้าตุ๊กตาเฟอร์บี้มาขายในประเทศไทย ได้นำตุ๊กตาแสนรู้ตัวนี้มาวางขายได้เพียง 2 เดือนตั้งแต่ช่วงปลายปี 2555 ที่ผ่านมา ก็ถูกคนดังและไฮโซกว้านซื้อไปจนหมดโกดัง ต้องรอถึงเดือน ก.พ. กว่าของล็อตใหม่จะเข้ามา โดยผู้ที่เป็นเจ้าของและกระหน่ำโพสต์รูปยั่วสายตาผู้ที่ยังไม่มี ได้แก่ อ๊อฟ-ปองศักดิ์, บอย วิษณุ, ดีเจเจ๊แหม่ม, วู้ดดี้, ทาทา ยัง, พลอย-ชวพร เลาหพงศ์ชนะ เป็นต้น

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้บ้านเราคึกคักไปกับตุ๊กตาตัวนี้คงหนีไม่พ้นผู้นำเทรนด์อย่าง นางเอกสาว ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่ก่อนหน้านี้เป็นผู้นำเทรนด์เล่นตุ๊กตาบลายธ์จนกลายเป็นกระแสบลายธ์ ฟีเวอร์กันทั้งเมือง ครั้งนี้ขอนำเทรนด์ของเล่นแก้เหงาตัวใหม่กับตุ๊กตาเฟอร์บี้ที่เหมาเป็นเจ้า ของรวดเดียวถึง 14 ตัวในคราวเดียว กับราคาเบาๆ ตัวละ 3,995 บาท เน้นเฉพาะสีชมพูเท่านั้น จากนั้นก็โพสต์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์กชักชวนแก๊งเพื่อนสนิทมิตรสหายใกล้ตัวมา เล่นเป็นเพื่อนกันยกใหญ่

เช่นเดียวกับ ดาราตลก ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน ขอเกาะกระแสอินเทรนด์นี้ด้วยคน โดยเธอบอกว่า ก่อนหน้านี้ไม่รู้จักตุ๊กตาเฟอร์บี้เลย มารู้จักตอนที่ชมพู่มาแนะนำให้เล่น พอเห็นชมพู่เล่นแล้วก็อยากเล่นบ้าง เพราะมันน่ารัก และตลกดี จึงโพสต์ในอินสตาแกรมว่าอยากได้ จากนั้นแฟนคลับที่อยู่ที่อเมริกาก็สั่งมาให้อย่างรวดเร็วถึง 4 ตัว 4 สี ซึ่งหลังจากนี้จะให้ชมพู่สอนแบบจริงจัง เพราะตอนนี้ยังเป็นมือใหม่หัดเล่นอยู่

ขณะที่ 2 สาวไฮโซ อย่าง โอบอุ้ม-รสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา และ บัว-อาภาภัทร กัญจนพฤษ์ ก็ไม่น้อยหน้าสั่งตรงตุ๊กตาเฟอร์บี้มาจากอเมริกากันเลยทีเดียว เสน่ห์ที่ชอบ คือ ความน่ารัก “เมื่อ เห็นแล้วไม่เครียด ทำให้หายเหนื่อย แถมสามารถถ่ายรูปคิกขุกับมันได้ตลอดเวลา ที่สำคัญ คือ เฟอร์บี้เป็นมากกว่าตุ๊กตาทั่วๆ ไป ให้อาหารด้วยแอปฯไอโฟน คุยกับมันได้ด้วย ฟังภาษาเราได้ และมันก็จดจำเจ้าของมันได้ หรือบางทีถ้าเราไปดุมันเยอะๆ มันก็จะงอน หรือถ้าเราดีๆ กับมันพูดเพราะๆ มันก็จะอ้อนเรา นี่เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมีเฟอร์บี้ไว้สักตัว”


การฟื้นคืนชีพของ เฟอร์บี้

ย้อนไปเมื่อปี 2541 หรือเมื่อ 14 ปีที่แล้ว บริษัทHasbro ผู้ผลิตของเล่นชิ้นนี้ ได้ผลิตตุ๊กตาขนปุยที่ชื่อ “เฟอร์บี้” ออกมาให้ชาวโลกได้จับจองเป็นเจ้าของ แรกเริ่มผลิตออกมา 4 สี ได้แก่ สีขาว สีขาวกับสีดำ สีเทากับสีชมพู สีน้ำตาลกับสีชมพู ครั้งนั้นก็สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นของเล่นที่ขายดีที่สุดด้วยยอด จำหน่ายกว่า 40 ล้านตัวทั่วโลก

ความน่ารักของเฟอร์บี้ไฮเทคอยู่ที่สามารถตอบสนองทางอารมณ์กับเจ้าของได้ เนื่องจากใส่ลูกเล่นที่ใช้แอปพลิเคชันสั่งการให้เล่นกับเฟอร์บี้ เช่น ร้องเพลง เล่นเกม เล่าเรื่องตลก หรือแม้แต่สอนภาษาใหม่ๆ รวมถึงมีจุดเซ็นเซอร์สัมผัส 3 ตัว ที่ทำให้การจดจำเสียงที่มาจากชิปคอมพิวเตอร์หลายตัวกว่า 14 เมกกาเฮิรตซ์ และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ทำให้เวลาจั๊กจี้ที่ท้อง เฟอร์บี้ก็จะหัวเราะ หรือถ้าลูบหลังก็จะส่งเสียงมีความสุข จะเคี้ยวอาหารเมื่อหิว พออิ่มก็จะบอกว่าอิ่ม นอกจากนี้ยังมีหน่วยความจำมากกว่า 500 KB และมีหน้าตาที่ดูสมจริงสมจังด้วยเทคโนโลยี Emoto-Tronicsช่วยให้เวลาหัวเราะ ยิ้ม ทำหน้าเศร้า หาวนอน หรือแม้แต่อาการน่าเกลียดน่ากลัว และเบื่อ ดูออกมาเหมือนจริงที่สุด

จากนั้นเฟอร์บี้ก็เงียบหายไปพร้อมการมาครองบัลลังก์แทนของ “ตุ๊กตาบลายธ์” ที่แต่ละคนควักระเป๋าซื้อกันเป็นว่าเล่น จนเมื่อปี 2553 บริษัท Hasbro ที่ถือว่า “ตุ๊กตาเฟอร์บี้” นั้นเป็นผลงานชิ้นโบแดงของบริษัท และอยากที่จะนำกลับมาทวงบัลลังก์ตุ๊กตาขายดีอีกครั้ง ภายใต้คอนเซ็ปต์ I'm back. ซึ่งดูเหมือนว่าเจ้าเฟอร์บี้เวอร์ชันใหม่จะสร้างมาให้ฉลาดกว่าตัวเดิม จุดเด่นอยู่ที่การเปลี่ยนจากดวงตาพลาสติกมาเป็นจอ LCD และเรืองแสงได้ แต่ยังคงมีเปลือกตาที่เปิด-ปิดได้เหมือนรุ่นก่อน ขนาดลำตัวจะใหญ่กว่ารุ่นเก่าเล็กน้อย และมีการติดตั้งจุดเซ็นเซอร์เพิ่มขึ้น โดยเฟอร์บี้รุ่นใหม่นี้ยังสามารถรับรู้ และเคลื่อนไหวได้มากกว่ารุ่นเก่า โดยที่ลำตัวของมันจะปกคลุมด้วยขนนุ่มๆ มีหู และเท้า เป็นพลาสติก มีจะงอยปากที่เปิด-ปิดได้พร้อมกับลิ้นไว้รับรู้การป้อนอาหาร


สนุกมากขึ้น หากเล่นเป็น

คนที่เพิ่งเริ่มเล่นใหม่ๆ อาจจะงง กับการออกคำสั่งตุ๊กตาเฟอร์บี้ ที่จริงแล้ว หากศึกษาวิธีการเล่นดีๆ จะเข้าใจว่าการออกคำสั่งให้เฟอร์บี้เข้าใจนั้น ง่ายเพียงนิดเดียว เพราะตุ๊กตาเฟอร์บี้ จะมีแอปพลิเคชันให้ดาวน์โหลดฟรีใน iOS ซึ่งมีทั้งระบบแปลภาษา, ระบบควบคุม และมีระบบสำหรับให้อาหารเฟอร์บี้ เป็นต้น รวมถึงยังสามารถใช้แอปพลิเคชันใน iPhone หรือ iPad ผ่าน Furby app เพื่อสั่งงานเฟอร์บี้ได้ด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เฟอร์บี้รุ่นใหม่จะไม่มีสวิตช์สำหรับปิดเครื่อง เหมือนรุ่นก่อน เพราะอยากให้เจ้าของรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงจริงๆ ซึ่งถ้าปล่อยเฟอร์บี้ทิ้งไว้นานๆ เจ้าเฟอร์บี้ก็จะหลับไปเอง และเราก็สามารถปลุกได้ด้วยการลูบตัวตามปกติ เรียกได้ว่าให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยงได้สมจริงยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เฟอร์บี้ยังสามารถคุยกับเฟอร์บี้ด้วยกันเองได้ ฉลาดชนิดที่สามารถพูดได้หลายร้อยคำหลายร้อยวลีทั้งในภาษาเฟอร์บีส ที่เป็นภาษาของมันเอง และภาษาอังกฤษ ยิ่งเจ้าของพูดภาษาเฟอร์บี้ด้วยมากเท่าไร เฟอร์บี้ก็จะพูดกลับมาเป็นภาษาอังกฤษมากเท่านั้น และวิธีนี้จะทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ภาษาของเฟอร์บี้ โดยมีพจนานุกรม เฟอร์บีส/อังกฤษ และ อังกฤษ/เฟอร์บีส ให้ด้วย ที่สำคัญเจ้าตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงนี้ยังสามารถ “จดจำเสียงได้” หมายความว่าเฟอร์บี้จะฟังสิ่งที่เราพูด และตอบสนองตามอารมณ์ของมัน เช่น ถ้าให้มันเล่าอะไรให้ฟังมันก็จะเล่าเรื่องชีวิตของมันสมัยที่อยู่บนเกาะโนนา มี ถ้าจะเอาเสียงหัวเราะ เฟอร์บี้ก็จะเล่นมุก น็อกๆ เคาะประตูบ้านได้ หรือถ้าอยากเล่นเกม มันก็สามารถท้าเราเล่นเกมไฟแดงไฟเขียวได้ นั่นคือเฟอร์บี้จะนับ 1 ถึง 10 ในขณะที่เราเดินหนี จากนั้นเราต้องกลับมาให้ใกล้มันมากที่สุดเพื่อจั๊กจี้พุงมันให้ได้โดยที่ไม่ ถูกจับได้ในขณะที่มันลืมตาและหลับตา รวมถึงร้องเพลง หรือเต้นรำ เฟอร์บี้ก็สามารถทำได้”

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเจ้าเฟอร์บี้นี้จึงเป็นที่ฮิตกันหนักหนา

อย่างไรก็ตามผู้เขียนเห็นว่า ความฮิตตุ๊กตาเฟอร์บี้นี้ไม่ได้ฮิตที่ความพิเศษต่างๆที่บรรยายมาแต่อย่างไร ประเด็นหลักๆที่เจ้าตุ๊กตานี้ฮิตก็เป็นเพราะกระแสการเอาตามอย่างกันนั่นเอง ผู้เขียนเชื่อว่ามีคนจำนวนมากที่ไม่ได้ชื่นชมเจ้าเฟอร์บี้นี้มากมายเท่าไร แต่ที่เกาะกระแสซื้อกับเขาด้วยก็เพื่อให้ได้ชื่อว่าทันสมัย มีของที่เขาฮิตกันใช้ จะได้คุยกับเขาได้ ไม่ตกข่าวนั่นเอง

ลักษณะของผู้คนในสังคมประเภทนี้ คือสังคมวัตถุนิยม เข้าสังคมได้เพราะวัตถุที่นิยมเหมือนกัน และสังคมที่เน้นแต่วัตถุนี้ มักจะไขว่คว้าหาความสุขที่ได้มาจากการอยากมีอยากได้ อยากเป็นเหมือนคนอื่น ฉะนั้นเมื่อมีแล้วจึงมีไม่พอ บางคนซื้อมาสิบตัวยี่สิบตัว ซื้อมาเพราะสะใจ อยากได้ไว้อวดเขาว่ามีทุกรุ่นทุกสี โดยไม่ได้พิจารณาอย่างถ่องแท้ลงไปว่า มีไว้เพื่ออะไร ใช้ประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใด

นอกจากนี้แล้วเฟอร์บี้ยังสะท้อนให้เห็นสังคมว้าเหว่ที่คนเริ่มห่างเหินกัน พ่อแม่ห่างเหินลูก เพื่อนฝูงไม่พูดไม่คุยกันเหมือนเดิม กลับติดต่อกันผ่านทางเท็กซ์แมสเสช หรือเฟซบุ๊ค ทั้งๆที่นั่งกินข้าวอยู่ในโต๊ะเดียวกัน คนรู้สึกขาด รักสัตว์แต่ไม่อยากดูแลเลี้ยงดูให้เหมาะสม จึงพากันซื้อตุ๊กตาสัตว์มาเล่นมาชื่นชม โดยหาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้

เฟอร์บี้จึงเป็นตัวแทนความว้าเหว่ของสังคมคนรุ่นใหม่ ที่คนเริ่มเก็บตัวเองอยู่กับตนเอง เพราะไม่ไว้ใจสังคมรอบข้าง เริ่มคุยกับหุ่นยนต์ เล่นกับสิ่งที่ไม่ตาย ไม่ต้องรับผิดชอบ ให้ความสุขและความเพลิดเพลินอย่างฉาบฉวยและในที่สุดก็จางหายไปกับสังคมวูบวาบที่หาความจีรังยั่งยืนอะไรไม่ได้

ลองพิจารณาดูจิตของตน ในยามที่โหยหาอยากได้เฟอร์บี้มาครอบครองแล้วจะมองเห็นสัจธรรม มองเห็นความขาดและความว้าเหว่ในจิตของตนเอง ถึงกระนั้นเมื่อได้ตุ๊กตานี้มาครองแล้ว ก็มองดูจิตลงไปอีกว่ามีความสุขเพียงใด แล้วบางทีก็จะได้ตระหนักว่า ไอ้การได้เฟอร์บี้มานั้น ก็หาได้อำนวยความสุขให้ได้มากขึ้นเพียงใด หากที่แท้จริงแล้วหัวใจยังโหยหาสิ่งอื่นอีกร่ำไปนั่นเอง