หน้าร้อนปีนี้ดูเหมือนจะเป็นสวรรค์ของคนชอบผลไม้ เพราะผลไม้ที่ออกมาในช่วงนี้ ล้วนแล้วแต่มีคุณภาพดีกว่าปีก่อนๆทั้งสิ้น เมื่อวันก่อนผู้เขียนไปเดิน Whole Food ได้เห็นเขาเอาองุ่นเขียวไร้เมล็ดมาวางขายคู่กับชีส ลองซื้อมาทานดู ราคาก็ถูกมากเพียงแค่พาวด์ละ ๓ เหรียญ หวานกรอบจนไม่น่าเชื่อว่าจะหวานได้ขนาดนี้ ความจริงองุ่นนั้นมีประโยชน์เพราะมีค่าความด่างสูง แต่หวานมากขนาดนั้นน่าจะทำให้น้ำตาลในเลือดสูง คนไทยนั้นเวลาทานผลไม้ก็มักจะมีเครื่องจิ้ม เป็นพริกกับเกลือบ้าง น้ำปลาหวานบ้าง ส่วนฝรั่งนั้นทานองุ่นกับชีส ผู้เขียนลองซื้อมาทานด้วยกันก็เห็นว่าอร่อยหอมมัน กินเพลินดีจนหมดถุง คะเนดูว่าคงจะอ้วนลงพุงน่าดู ทั้งน้ำตาลทั้งชีส เมื่อทานเป็นเสียแล้ว ตาก็คอยมองหาองุ่นเขียวไร้เม็ด ปรากฏว่าไม่ใช่มีแค่ที่ Whole Food แต่มีออกขายทั่วไป ที่ Ralphs Supermarket ก็มีขายแค่พาวด์ละ ๙๙ เซ็นต์แค่นั้น

ตอนนี้เวลาไปตลาดได้เดินดูผลไม้ก็เหมือนเดินอยู่ในสวรรค์ เพราะผลไม้มีมากละลานตา ทั้งสตรอเบอร์รี่ และบลูเบอร์รี่ ที่ออกมากคุณภาพดีและราคาถูกมาก ถ้าไม่เป็นพวกออแกนิค ตกแค่พาวด์ละ ๙๙ เซนต์ ไม่เคยเห็นผลไม้ปีไหนจะถูกเท่าปีนี้อีกแล้ว บลูเบอร์รี่ลูกใหญ่เป้งๆแบบไม่เคยเห็นมาก่อนแล้วก็หวานเจี๊ยบ ผู้เขียนนั้นชอบบลูเบอร์รี่ เพราะเห็นว่าเป็นผลไม้มหัศจรรย์ ด้วยค่าที่ว่าเวลารับประทานเปล่าๆก็อย่างนั้นๆแต่เวลาทานกับไอศครีมหรือใส่ในอาหาร ใส่ในโยเกิร์ต หรือผสมกับกลานัวล่าใส่นมทานตอนเช้า ก็อร่อยกว่าผลไม้อื่นๆทั้งหมดทีเดียว หน้าร้อนผลไม้ออกดีแบบนี้ ผู้เขียนจึงกวาดซื้อมาทีละมากๆ นำมาล้างหั่นขั้วออก โดยเฉพาะสตรอเบอร์รี่และบลูเบอร์รี่ นำมาใส่ถุงแช่ช่องน้ำแข็ง เก็บไว้ทานได้นานๆ วิธีทานผลไม้แช่แข็งของผู้เขียนนั้น คือการทำน้ำผลไม้ปั่น ทานตอนเช้าทุกวัน สูตรโปรตีนปั่นของผู้เขียนนั้นมีดังนี้

สตรอเบอร์รี่แช่แข็ง ๕ ผล
บลูเบอร์รี่แช่แข็ง ๑๒ ผล
โยเกิร์ตแบบไขมันน้อยแบบไม่มีรส ๓ ช้อนโต๊ะ
น้ำผลไม้อะไรก็ได้ น้ำส้ม น้ำสับปะรด หรือสตรอเบอร์รี่ หรือรวมรสก็ได้ครึ่งถ้วย
น้ำแข็งครึ่งถ้วย
กล้วยหอม ๑ ผล
โปรตีนผง (หาซื้อได้ตามร้านขายยา หรือร้านเฮ้ลท์ฟู้ดทั่วไป) รส วนิลา ๒ สคู๊ป
Emergen C (ไวตามินซี แบบผงรสส้มหรือมะนาว) ๑ ซอง

หากท่านต้องการจะเพิ่มอาหารเสริมบำรุงสุขภาพอื่นๆอย่างเช่น สาหร่ายทะเลผง หรือ ไฟเบอร์ผง ก็สามารถใส่ได้ นำมาปั่นให้ละเอียดแล้วดื่มแทนอาหารเช้า จะให้คุณค่าทางอาหารครบถ้วน แถมอิ่มอร่อยไม่อ้วนด้วย หน้าร้อนแบบนี้จึงถือเป็นช่วงกักตุนผลไม้ของผู้เขียนเลยทีเดียว

เวลาไปเดินซื้อผลไม้โดยเฉพาะในช่วงนี้จะได้เห็นผลไม้หน้าตาน่ากิน ลูกกลมๆสีแดงๆ มีทั้งที่ผิวเรียบและผิวเป็นขนอ่อนๆ เมื่อผ่าดูเนื้อข้างในก็เห็นว่าลักษณะเหมือนกัน คือเป็นเมล็ดเดียว เมล็ดแข็ง เจ้าผลไม้นี้ได้สร้างความงุนงงแก่ผู้เขียนเป็นอย่างมาก นำมาสู่การค้นคว้าและจึงได้เรื่องนำมาเขียนให้ท่านผู้อ่านไลฟ์สไตล์ได้ความรู้กันไปพร้อมๆกัน

ผลไม้ทั้งสองชนิดนี้แท้จริงเป็นพันธุ์เดียวกันนั่นเอง มีชื่อเรียกต่างกันว่า พีช Peach กับเนคทารีน Nectarine คนไทยเราเรียกลูกพีชว่าลูกท้อ ในเมืองไทยไม่เห็นมีทาน แต่เห็นเอามาดองน้ำเกลือขายบนดอยตุง ใครไปเชียงใหม่เชียงรายเป็นต้องซื้อท้อดองกลับมา ลูกเล็กๆเปรี้ยวๆเค็มๆ ผิวสากๆ ที่จะเห็นเป็นผลใหญ่ๆหวานฉ่ำนั้นหายากในเมืองไทย ทั้งๆที่เมืองไทยกับเมืองจีนใกล้กันนิดเดียว แล้วเจ้าลูกพีชนี้ก็มีที่มาจากเมืองจีนน่าจะปลูกทานกันได้ในภาคเหนือของเมืองไทย แต่กลับไม่ค่อยมีขาย

พีชนี้เป็นผลไม้ที่แสนจะสวยและน่าประทับใจ ลักษณะกิ่งก้านของต้นก็สวยงาม ยามออกดอกก็สวยเหมือนต้นซากูระเล็กๆขนาดย่อมๆ ฝรั่งที่นี่เรียกซากูระว่า Cherry Blossom ผู้เขียนก็เห็นว่าเวลาก่อนจะถึงฤดูใบไม้ผลิ ต้นเชอร์รี่บลอสซัมนี้จะออกดอกสีชมพูอ่อนสะพรั่งสวยงามเป็นที่สุด ถึงกระนั้นผู้เขียนก็งงว่าเจ้าเชอร์รี่บลอสซัมที่ว่านี้เวลาตกผลแล้วมันจะเป็นอย่างไร เมื่อมาทำการค้นคว้าดูก็เห็นว่าลักษณะของเชอร์รี่บลอสซัม พีช และเนคทารีนนี้ เหมือนกันจนบอกไม่ได้ว่าต้นไหนเป็นต้นไหน บางคนบอกว่าพีชนั้นดอกออกขาวกว่าเนคทารีน ซึ่งมักจะมีสีชมพูเข้ม แต่จริงแล้วก็มีพีชที่สีชมพูเช่นกัน สาเหตุสำคัญที่เจ้าต้นไม้ทั้งสามชนิดนี้เหมือนกันก็เพราะมันมาจากพันธุ์เดียวกันนั่นเอง ชื่อเรียกทางพันธุกรรมศาสตร์คือ Prunus Persica ซึ่งเจ้าวงค์นี้ครอบคลุมไปถึง ต้นเชอร์รี่ และต้นอัลมอนด์ ด้วย ในเมื่อเจ้าถั่วอัลมอนด์นี้ก็มีพันธุ์เดียวกับพีชเช่นเดียวกัน ยิ่งทำให้งงหนักเข้าไปใหญ่ เพราะลักษณะของผลอัลมอนด์ไม่ได้มีอะไรเหมือนกับพีช หรือเชอร์รี่เลยแม้แต่น้อย

แต่เอาเถิดเพื่อไม่ให้งงไปกว่านี้ อย่างน้อยเอาแค่เรื่องของเนคทารีนกับพีชว่าต่างกันอย่างไรก่อนดีกว่า ความแตกต่างระหว่างเนคทารีนกับพีชนั้นสามารถดูได้ง่ายๆตรงผลของมันนั่นก็คือพีชนั้นมีผิวเป็นขนๆอ่อนๆ แต่เนคทารีนนี้เรียบลื่น เจ้าเนคทารีนนี้คือลูกพีชที่กลายพันธุ์นั่นเอง บนต้นพีชบางต้นจะมีเนคทารีนปนอยู่ด้วย แต่ส่วนมากแล้วต้นพีชก็เป็นพีช ต้นเนคทารีนก็ออกลูกเป็นเนคทารีน สายพันธุ์ที่ปนเปื้อนกันนั้น มีคนชอบคิดว่าเนคทารีนเป็นพันธุ์ผสมระหว่างพีชกับพลัม ซึ่งแท้จริงไม่ใช่เช่นนั้น

เนื้อของพีชและเนคทารีนนั้นก็ต่างกัน เนคทารีนจะแข็งกว่าพีชเล็กน้อย แต่พีชสีขาวก็จะมีเนื้อแข็งกว่าพีชสีชมพูหรือสีเหลือง นี่พูดกันถึงเนื้อข้างใน แต่เปลือกข้างนอกนั้นยังมีสีชมพูขาวแดงอยู่เหมือนกัน

สิ่งที่ต่างกันระหว่าเนคทารีนกับพีชที่บอกได้ง่ายที่สุดก็คือการมีขนอ่อนกับการไม่มีขนอ่อนเท่านั้นเอง

เนคทารีนและพีชเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มาก

เมื่อซื้อมาแล้วให้นำมาวางไว้ในอุณหภูมิห้องสักสองวันถ้าชอบให้นิ่มหอมหวาน แต่ถ้าชอบกรอบๆก็ผ่าทานได้เลย ผู้เขียนนั้นไม่ชอบปอกเปลือกและเห็นว่าสารอาหารและไฟเบอร์ที่เปลือกนั้นมีประโยชน์ พีชและเนคทารีนพันธุ์ดีๆนั้นรสชาติอร่อยหวานอมเปรี้ยว พาลให้นึกถึงชมพู่มะเหมี่ยวซึ่งหาทานไม่ได้ที่อเมริกา ผู้เขียนแอบเอามาจิ้มน้ำปลาหวานแทนมะม่วงก็อร่อยดีเช่นกัน

คุณค่าของเนคทารีนมีมาก มันเป็นผลไม้ที่ไม่มีไขมัน มีไฟเบอร์มาก มีไวตามินซีและไวตามินเอ ไม่มีคลอเรสเตอรอล นอกจากนี้ยังเป็นผลไม้ที่มีโปรตีนด้วย ปกติผลไม้จะไม่ค่อยมีโปรตีน แต่เนคทารีนและพีชมีโปรตีน จึงมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมาก สิ่งที่ไม่ดีของพีชและเนคทารีนคือความหวาน การมีน้ำตาลสูงทำให้ต้องระมัดระวังอย่างรับประทานมากเพราะเท่ากับกินน้ำตาลล้วนๆ ทานเป็นของว่างหรือทานแทนของหวานจะดีกว่าไอศครีมหรือเค้ก

เนคทารีนและพีชมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน คนจีนเรียกว่า “เต๋าซื่อ” ออกเสียงเต๋าหนักกว่าซื่อ ที่รู้เพราะสงสัยว่าเวลาเป็นดอกเรียกว่าดอกเหมยหรือเปล่า ปรากฏว่าไม่ใช่ คนจีน ญี่ปุ่น เกาหลีรู้จักลูกพีชดี โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นที่มีนิทานเรื่องโมโมทาโร่ เด็กน้อยที่อยู่ในลูกพีชแล้วลอยน้ำมา ในวัฒนธรรมจีนนั้นถือว่าพีชเป็นสัญญลักษณ์ของความอมตะ กิ่งก้านของพีชนั้นสามารถขับไล่ปีศาจชั่วร้ายได้

อยากให้ท่านผู้อ่านได้ซื้อพีชและเนคทารีนมาทานกัน ราคาถูกแค่พาวด์ละ ๙๙ เซนต์ แล้วก็มีประโยชน์ หอมหวานอร่อยมากทีเดียว ถือโอกาสทานตอนนี้ที่กำลังอยู่ในหน้าของเขา ผู้เขียนเชื่อว่าธรรมชาตินั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่เชื่อมโยงถึงกัน เช่นเราควรรับประทานผลไม้หรืออาหารที่ออกในเวลานั้นเพราะมีประโยชน์เอื้ออำนวยให้สุขภาพแข็งแรง ดีกว่าไปกินของที่ไม่ใช่อยู่ในฤดูกาล

อ่านจบแล้วอย่าลืมทานพีชและเนคทารีนนะครับ