เห็นมา เขียนไป

เห็นมา เขียนไป วันที่ 29 พฤษภาคม 2564

จากสื่อออนไลน์… ความรู้เรื่อง COVID-19 (ตอนที่579) 25 พ.ค 2564 ศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ

วัคซีน Sinovac ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับคนไทย ในการขอวีซ่าเดินทางไปในประเทศแถบยุโรป

จากที่มีกระแสข่าวบอกว่า คนไทยที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของบริษัท Sinovac จะไม่สามารถขอวีซ่าเดินทางไปยังประเทศต่างๆในสหภาพยุโรปได้

เนื่องจากวัคซีน Sinovac ยังไม่ได้รับการจดทะเบียนรับรองโดยองค์การอนามัยโลกนั้น

จากการตรวจสอบแหล่งข่าวจากนิวยอร์กไทม์ ซึ่งสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงของสหภาพยุโรป พบข้อเท็จจริงว่า

สหภาพยุโรป กำลังจะออกเงื่อนไขหรือหลักเกณฑ์ใหม่ สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองเข็มแล้ว เป็นเวลา 14 วัน จะสามารถขอวีซ่าเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศสหภาพยุโรปได้ โดยที่ไม่ต้องกักตัว

โดยวัคซีนที่จะต้องฉีดให้ครบสองเข็มนั้น จะต้องเข้าเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งได้แก่

1) ได้รับการจดทะเบียนรับรองจากหน่วยงานควบคุมวัคซีนในประเทศนั้น (its own regulator) สำหรับประเทศไทยก็คือ อย. หรือ

2) ได้รับการจดทะเบียนรับรองโดยองค์การอนามัยโลก เนื่องจากวัคซีน Sinovac ได้รับการจดทะเบียน จากอย.ของไทย จึงเข้าเงื่อนไขของสหภาพยุโรปในการที่จะเดินทางไปยังยุโรปได้

ส่วนของ AstraZeneca เข้าทั้งเงื่อนไขได้รับการรับรองจากอย. และได้รับการอนุมัติจากองค์การอนามัยโลกด้วย ปัญหาเรื่องชนิดของวัคซีน ที่คนไทยได้รับในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น Sinovac หรือ AstraZeneca จึงไม่ใช่อุปสรรคในการขอวีซ่า เพราะวัคซีนที่ได้รับการจดทะเบียนรับรอง โดยหน่วยงานอย่างเป็นทางการของประเทศนั้น สหภาพยุโรปก็ถือว่าเป็นวัคซีนที่ใช้ได้ทั้งสิ้น

แต่อีกประเด็นหนึ่ง ที่จะต้องคอยระมัดระวังอย่างใกล้ชิดคือ สหภาพยุโรป จะกำหนดเกณฑ์ขึ้นมาอีกหนึ่งอัน ซึ่งจะต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้าคือ ความชุกของผู้ติดเชื้อ หรือการระบาดของโควิดในประเทศนั้น ถ้าอยู่ในระดับต่ำ ก็จะเป็นประเทศที่อยู่ในบัญชี ให้มาขอวีซ่าได้ แต่ถ้าติดเชื้อระดับสูง ก็จะไม่สามารถขอวีซ่าได้ ดูตัวเลขที่กำหนดไว้เบื้องต้นขณะนี้คือ

จะต้องมีผู้ติดเชื้อย้อนหลัง 14 วันต่อเนื่องกัน รวมแล้วไม่เกิน 75 คน ต่อประชากร 100,000 คน

สำหรับประเทศที่มีประชากร 70,000,000 คน อย่างประเทศไทย ก็จะต้องมีผู้ติดเชื้อย้อนหลัง 14 วัน ไม่เกิน 52,500 คน หรือวันละ 3750 คนต่อเนื่องกัน โดยพบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อ 14 วันย้อนหลังต่อเนื่อง ถ้านับเมื่อวันที่ 1-14 พฤษภาคม มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มรวม 29,006 คน คิดเป็น 41 คนต่อประชากรแสนคน ถือว่าผ่านเกณฑ์ของสหภาพยุโรปสบายสบาย

และถ้าดูถึงปัจจุบันคือ วันที่ 12-25 พฤษภาคม มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในช่วง 14 วันนี้ รวม 46,532 คน คิดเป็นผู้ติดเชื้อสะสม 66 คนต่อประชากรแสนคน ก็ยังไม่เกินเกณฑ์ของสหภาพยุโรปที่กำหนดไว้คือ 75 คนต่อประชากรแสนคน แต่ก็จะต้องเร่งควบคุมการติดเชื้อไว้ไม่ให้เกินวันละ 3750 คน หรือ 14 วันรวมกัน 52,500 คนเพื่อไม่ให้เกินเกณฑ์ 75 คนต่อแสนคน ในช่วง 14 วัน มิฉะนั้น ถึงแม้จะมีการฉีดวัคซีน ก็อาจจะไม่ได้รับพิจารณาเรื่องวีซ่าเข้าประเทศยุโรป

การร่วมแรงร่วมใจกัน ควบคุม ทำทุกวิถีทาง ให้การติดเชื้อลดลงเป็นลำดับ นอกจากจะเป็นประโยชน์กับประชาชนทุกคนในประเทศแล้ว การเดินทางไปต่างประเทศด้วยเหตุธุระจำเป็นในยุโรป ก็จะได้รับการพิจารณาออกวีซ่า