อัลกอริทึมของแพลตฟอร์มทำให้ความโกรธ ‘ขายได้’
สงครามข่าวสารในยุค AI นับว่าน่าหวาดหวั่น ยิ่งเมื่อข่าวปลอมเร้าอารมณ์ถูกโหมกระพือด้วยอัลกอริทึม เป้าหมายสำคัญของสื่อสังคมออนไลน์คือการดึงดูดให้เราอยู่กับมันได้นานที่สุด โดยความโกรธและเกลียดชังคือหนึ่งในการกระตุ้นชั้นเยี่ยมถึงขนาดมีการศึกษาพบว่าสื่อสังคมออนไลน์ทำให้เราฉุนเฉียวยิ่งกว่าเดิม จึงไม่น่าแปลกใจนักที่โพสต์ไวรัลส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ขณะที่การแสดงความเห็นอกเห็นใจ หรือการถกเถียงอย่างมีอารยะกลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร
คงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่าความโกรธและเกลียดชังกลายเป็นเนื้อหาที่ ‘ขายได้’ บนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ ยิ่งเนื้อหาเร้าอารมณ์ คนยิ่งพร้อมกดไลก์ กดแชร์ หรือเข้ามารับชมจำนวนมาก เมื่อคนกลุ่มนี้ได้ ‘แสงสปอตไลท์’ แน่นอนว่าย่อมเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ โดยคนจำนวนไม่น้อยต้องการเป็น ‘ดาวเด่น’ บนโลกออนไลน์ อาจด้วยเหตุผลเรื่องค่าตอบแทนหรืออาจเป็นเพียงความรู้สึกเสมือนฮีโร่ที่เติมเต็มบางอย่างในชีวิต
เมื่อเนื้อหาที่แสดงความโกรธและเกลียดชังคือสิ่งที่ชาวเน็ตส่วนใหญ่รับรู้และยอมรับ สุดท้ายเราก็เข้าใจเอาเองว่านี่คือ ‘บรรทัดฐาน’ ของพฤติกรรมพึงประสงค์บนโลกออนไลน์ที่แพลตฟอร์มและคนจำนวนมากพร้อมจะตบรางวัลให้ คนส่วนใหญ่จึงยอมโอนอ่อนผ่อนตาม พร้อมแสดงท่าทีเกลียดชังรุนแรง ส่วนใครที่ไม่เห็นด้วยหรือออกมาทัดทานก็จะถูกมองเป็นคนนอก และเสี่ยงที่จะถูก ‘ทัวร์ลง’ นั่นเอง
หากสวมหมวกนักเศรษฐศาสตร์ แพลตฟอร์มออนไลน์ดูจะจูงใจให้คนแสดงพฤติกรรมรุนแรง แม้ว่าพฤติกรรมเช่นนั้นจะมีต้นทุนทางสังคมราคาแพงหากแสดงออกในโลกจริง แต่ในโลกออนไลน์เรามีความนิรนามเป็นเกราะคุ้มกัน เมื่อผนวกกับภาวะขาดความยับยั้งชั่งใจออนไลน์ตามแนวคิดของซูเลอร์ การแสดงความโหดร้ายบนโลกออนไลน์ยิ่งเป็นการกระทำที่มีแต่ได้ โดยที่แทบไม่ต้องเสี่ยงสูญเสียต้นทุนใดๆ
แน่นอนว่าแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ทุกแห่งย่อมมีนโยบายกำกับดูแลเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม รวมถึงกลไกกลั่นกรองเนื้อหาหรือลบโพสต์ที่ขัดต่อนโยบายดังกล่าว แต่การศึกษาหลายต่อหลายชิ้นต่างบ่งชี้ว่ากระบวนการกลั่นกรองดังมักจะล่าช้าและมีคนทำงานไม่เพียงพอ ผลลัพธ์ที่ได้คือการแก้ปัญหาที่ช้าเกินการณ์ กว่าที่แพลตฟอร์มจะลบโพสต์ ความเกลียดชังก็ลุกลามบานปลายไปจนเลยเถิด สื่อสังคมออนไลน์จึงไม่ต่างจากบ้านป่าแดนเถื่อนที่แทบไม่มีการกำกับดูแล
อยากปิดท้ายบทความด้วยทางแก้ปัญหา แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ผมเองก็จนปัญญา ทำได้ดีที่สุดคือการยับยั้งชั่งใจตัวเองก่อนพิมพ์อะไรไปบนโลกออนไลน์ เช่นเดียวกับการคอยเตือนเพื่อนและคนใกล้ชิดไม่ให้ความเกลียดชังครอบงำจนลืมความเป็นมนุษย์
ส่วนใครที่รู้สึกว่าโลกออนไลน์ช่วงนี้ ‘เป็นพิษ’ จนเกินรับไหว ขอแนะนำให้หยุดใช้สื่อสังคมออนไลน์ไปสักเดือน หรือลดเวลาการใช้งานลงสักหน่อย เชื่อเถอะครับว่าคุณไม่ได้พลาดอะไรที่น่าสนใจหรอกครับ (หรือต่อให้พลาดไป มันก็คงไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร)
….. ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากผู้โพสลงใน LINE Official : Thairath…….