เห็นมา เขียนไป

เห็นมา เขียนไป วันที่ 8 พฤษภาคม 2564

ตามที่มีข่าวกรณีบริษัททัวร์เชิญชวนคนไทยจองทัวร์เดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-๑๙ นั้น นายธานี แสงรัตน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้

๑. ปัจจุบัน ประชากรที่อาศัยอยู่หรือเดินทางเข้ามายังสหรัฐฯ อย่างถูกต้องตามกฎหมายซึ่งมีอายุ ๑๖ ปีขึ้นไป สามารถขอรับการฉีดวัคซีนได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพลเมืองสหรัฐฯ และไม่มีค่าใช้จ่าย (ยกเว้นค่าดำเนินการบางรายการ) อย่างไรก็ดี แต่ละรัฐอาจมีกฎเกณฑ์ ข้อกำหนด และขั้นตอนในการแจกจ่ายวัคซีนที่แตกต่างกัน อาทิ ต้องเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่/อาศัยอยู่หรือทำงานอยู่ในรัฐนั้นๆ แต่ในบางรัฐ นักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถนำหนังสือเดินทางมาแสดงเพื่อขอรับการฉีดวัคซีนได้ ทั้งนี้ ปรากฏข่าวว่าผู้ที่เดินทางจากลาตินอเมริกามายังสหรัฐฯ เพื่อฉีดวัคซีน จึงเป็นไปได้ว่า บริษัทนำเที่ยวบางแห่งในประเทศไทยอาจเห็นโอกาสจากช่องว่างดังกล่าวเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ที่ประสงค์จะได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วให้เดินทางไปยังสหรัฐฯ โดยเฉพาะในรัฐซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อกำหนดห้ามผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐฯ เป็นการชั่วคราวรับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19

๒. อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเริ่มมีผู้บริหารและหน่วยงานของหลายรัฐฯ ได้ออกมาตรการเพื่อป้องกันการจัดการท่องเที่ยวเพื่อฉีดวัคซีน (vaccine tourism) อาทิ ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา และหน่วยงานด้านสาธารณสุขรัฐแอละบามา ได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่าการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 จะจัดให้แก่ผู้ที่มีถิ่นพำนักในรัฐเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า แต่ละรัฐสามารถปรับ เปลี่ยนมาตรการการแจกจ่ายวัคซีนตามที่เห็นเหมาะสมได้โดยรวดเร็ว

๓. ที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูต และ สถานกงสุลใหญ่ของไทยในสหรัฐฯ ได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการถูกปฏิเสธให้เข้าสหรัฐฯ ของคนไทยอยู่เป็นระยะ แม้ว่าจะได้รับการตรวจลงตราประเภทท่องเที่ยวมาแล้วก็ตาม โดยเมื่อถูกปฏิเสธการเข้าเมือง ก็จำเป็นต้องดำเนินการและเสียค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกี่ยวข้องต่างๆ อาทิ ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ASQ อีกทั้งต้องขอรับ COE จาก สอท. / สกญ. ซึ่งหลายครั้งอาจทำให้ต้องติดค้างอยู่ที่สนามบินเป็นเวลานาน ดังนั้น ผู้เข้าร่วมโปรแกรมเดินทางมาท่องเที่ยวและรับการฉีดวัคซีนดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินโดยไม่ได้รับการฉีดวัคซีน รวมทั้งอาจถูกปฏิเสธการเดินทางเข้าสหรัฐฯ โดย ตม. สหรัฐฯ

๔. วัคซีนป้องกัน COVID-๑๙ ในสหรัฐฯ ได้รับอนุมัติการใช้งานแบบฉุกเฉิน (EUA) เท่านั้น ดังนั้น หากผู้ที่ได้รับวัคซีนมีอาการข้างเคียงหรือการแพ้รุนแรง ทางบริษัทฯ ผู้ผลิตไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใดๆ และหากผู้เดินทางไม่มีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมอาจต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่มีราคาสูง

๕. กระทรวงการต่างประเทศจึงขอให้ประชาชนที่ประสงค์จะซื้อรายการท่องเที่ยวไปต่างประเทศเพื่อการฉีดวัคซีน ติดต่อสอบถามเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนตัดสินใจ โดยสามารถสอบถามได้ตามช่องทางต่อไปนี้

๕.๑ ในประเทศไทย - กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ hotline 02-572-8442 และ app "Thai Consular"

๕.๒ ในสหรัฐฯ

- สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน +1 202-684-8493

(เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-12.30 น. และเวลา 14.00-17.00 น. - ยกเว้นวันหยุดราชการ)

- สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส +1 323-962-9574

(เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-16.00 น. - ยกเว้นวันหยุดราชการ)

- สถานกงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก +1 312-664-3129

(เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-12.00 น. และเวลา 13.00-17.00 น. - ยกเว้นวันหยุดราชการ)

- สถานกงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก +1 212-754-1770 ต่อ 304,311,313

(เวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-12.00 น. และเวลา 13.00-15.30 น. - ยกเว้นวันหยุดราชการ)