เห็นมา เขียนไป

ทิวสน
เห็นมา เขียนไป 10 สิงหาคม 2567

เอกชนยังชะลอการลงทุน ชี้ประเด็นการเมืองกระทบความเชื่อมั่น

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้เผยแพร่ บทวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย โดยในบทวิเคราะห์ส่วนหนึ่งระบุว่า เศรษฐกิจในเดือนมิถุนายนชะลอลงจากเดือนก่อนตามภาคท่องเที่ยวและการบริโภคที่แผ่วลง แต่ภาพรวมในไตรมาส 2 ยังฟื้นตัวต่อเนื่อง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนมิถุนายน จำนวนและรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติหดตัวลงจากเดือนก่อน (-4.4% และ -3.5%MoM sa) ประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนที่แผ่วลงต่อเนื่อง(-0.2%) จากการหดตัวของการบริโภคสินค้าคงทนในหมวดยานยนต์ ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำลดลง (-0.7%) อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนกลับมาขยายตัว (+0.6%) และการใช้จ่ายของภาครัฐขยายตัวจากปีก่อนทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน

สำหรับในช่วงที่เหลือของปีเศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับแรงกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตซึ่งอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของภาคส่งออก ส่งผลให้รายรับธุรกิจและรายได้ครัวเรือนในบางกลุ่มยังเปราะบางซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อการบริโภคของภาคเอกชนที่ประสบกับค่าจ้างโดยรวมเฉลี่ยทั้งประเทศลดลง (-1.2%YoY ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567) อีกทั้งหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง

นอกจากนี้แม้ว่าสัญญาณการลงทุนในระยะปานกลางปรับดีขึ้นในบางอุตสาหกรรมเป้าหมาย สะท้อนจากข้อมูลทั้งยอดขอรับส่งเสริมที่ขยายตัวทั้งทางด้านจำนวนและมูลค่าเงินลงทุน รวมถึงข้อมูลการอนุมัติให้การส่งเสริมในช่วงครึ่งปีแรกมีจำนวน 1,451 โครงการ เงินลงทุน 476.3 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลธปท.รายงานดัชนีการลงทุนภาคเอกชนในช่วงครึ่งปีแรกยังเติบโตต่ำ (+0.6% YoY) ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในภาวะหดตัว (-2.0% YoY) และอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ในระดับต่ำกว่า 60% รวมถึงล่าสุดดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (BSI) เดือนกรกฎาคมปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 โดยส่วนใหญ่ปรับลดลงตามภาคการผลิต ซึ่งอาจชี้ว่าการลงทุนภาคเอกชนในระยะนี้ยังคงฟื้นตัวช้า ทั้งนี้ ยังต้องติดตามสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งอาจกระทบความเชื่อมั่นและอาจส่งผลต่อแนวโน้มการลงทุนของภาคเอกชนในระยะถัดไป (วันที่ 7 สิงหาคม ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกลและวันที่ 14 สิงหาคม ฟังคำวินัยฉัยคดีถอดถอนนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน)